เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

 
เคลัญญสูตรที่ ๒ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุขมสุขเวทนา อาศัยผัสสะจึงเกิดขึ้น 1454
รวมเรื่องเวทนา บางสูตร
 

(โดยย่อ)
4
เคลัญญสูตรที่ ๒

สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุขมสุขเวทนา อาศัยผัสสะ จึงเกิดขึ้น (ผัสสะไม่เที่ยง เป็นปัจจัยปรุงแต่ง)

ก็แต่ว่าผัสสะนี้ไม่เที่ยง ปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
ก็สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา ซึ่งอาศัยผัสสะ อันไม่เที่ยง ปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา จักเที่ยง แต่ที่ไหน

อาศัย (ผัสสะ) จึงเกิด ไม่อาศัย(ผัสสะ)จึงไม่เกิด
สุขเวทนานั้น อาศัยจึงเกิดขึ้น ไม่อาศัยไม่เกิดขึ้น ...
อาศัยอะไร อาศัย ผัสสะ นี้แล
แต่ ผัสสะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เมื่อพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยง ความเสื่อมไป ความคลายไป ของผัสสะ
ย่อมละ ราคานุสัย ใน ผัสสะ และในสุขเวทนาเสียได้

ทุกขเวทนานั้น อาศัยจึงเกิดขึ้น ไม่อาศัยไม่เกิดขึ้น..
อาศัยอะไร อาศัย ผัสสะ นี้แล
แต่ ผัสสะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เมื่อพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยง ความเสื่อมไป ความคลายไป ของผัสสะ
ย่อมละ ปฏิฆานุสัย ใน ผัสสะ และในทุกขเวทนาเสียได้

อทุกขมสุข เวทนานั้น อาศัยจึงเกิดขึ้น ไม่อาศัยไม่เกิดขึ้น...
อาศัยอะไร อาศัย ผัสสะ นี้แล
แต่ ผัสสะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เมื่อพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยง ความเสื่อมไป ความคลายไป ของผัสสะ
ย่อมละ อวิชชานุสัย ใน ผัสสะ และ ในอทุกขมสุข เวทนาเสียได้



เปรียบเหมือนประทีปน้ำมัน อาศัยน้ำมัน และไส้ จึงติดอยู่ได้

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
รวมพระสูตร
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
(ดูทั้งหมด)

 

ปฐมกสคาถวรรคที่ ๑
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๘ หน้าที่ ๒๒๗

เคลัญญสูตรที่ ๒

          [๓๘๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน ใกล้เมือง เวสาลี ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาค เสด็จออกจากที่หลีกเร้น เสด็จเข้าไป ยังศาลาคนไข้ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ครั้นแล้วตรัส เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ รอกาลเวลา นี้เป็นคำเราสั่งสอนพวกเธอ

          [๓๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสติอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา ทั้งหลาย ฯลฯ ในจิต ฯลฯ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายมีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัส ในโลกเสีย (สติปัฏฐาน๔)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสติ อย่างนี้แล

          [๓๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีปรกติ ทำความรู้สึกตัว ในการก้าวไป ในการถอยกลับ ฯลฯ ในการพูด ในการนิ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสัมปชัญญะอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงเป็นผู้ มีสติสัมปชัญญะ รอกาลเวลา นี้เป็นคำเราสั่งสอน พวกเธอ

          [๓๘๕] ถ้าเมื่อภิกษุมีสติสัมปชัญญะ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว อยู่อย่างนี้ สุขเวทนาย่อมเกิดขึ้น เธอย่อมรู้อย่างนี้ว่า สุขเวทนา เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็สุขเวทนานั้นแล อาศัยจึงเกิดขึ้น ไม่อาศัยไม่เกิดขึ้น อาศัยอะไร อาศัยผัสสะนี้เอง ก็แต่ว่าผัสสะนี้ไม่เที่ยง ปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ก็สุขเวทนา ซึ่งอาศัย ผัสสะ อันไม่เที่ยง ปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา จักเที่ยง แต่ที่ไหน ดังนี้ เธอย่อมพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง

          เธอย่อมพิจารณาเห็นความ เสื่อมไป พิจารณาเห็นความคลายไป พิจารณา เห็นความ ดับไป พิจารณาเห็นความ สละคืน เมื่อเธอพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง พิจารณาเห็น ความเสื่อมไป พิจารณา เห็นความคลายไป พิจารณาเห็นความดับไป พิจารณาเห็น ความสละคืน ในผัสสะ และ ในสุขเวทนาอยู่ ย่อมละราคานุสัยใน ผัสสะ และใน สุขเวทนา เสียได้

          [๓๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุนั้นมีสติ มีสัมปชัญญะ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่อย่างนี้ ทุกขเวทนาย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ

          อทุกขมสุขเวทนานี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็อทุกขมสุขเวทนานั้นแล อาศัยจึง เกิดขึ้น ไม่อาศัยไม่เกิดขึ้นอาศัยอะไร อาศัยผัสสะนี้แลบังเกิดขึ้น ก็ผัสสะนี้แล ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ

          ถ้าภิกษุนั้นเสวยสุขเวทนา เธอย่อมรู้ชัดว่า สุขเวทนานั้นไม่เที่ยง ไม่น่าหมกมุ่น ไม่น่าเพลิดเพลิน ถ้าเธอเสวยทุกขเวทนา ฯลฯ ถ้าเสวยอทุกขมสุข เวทนา เธอย่อมรู้ชัดว่า อทุกขมสุขเวทนานั้นไม่เที่ยง ไม่น่าหมกมุ่น ไม่น่าเพลิดเพลิน

          ถ้าเธอเสวยสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลส เสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเธอเสวยทุกขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลส เสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเธอเสวย อทุกขมสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลส เสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น

          ภิกษุนั้นเมื่อเสวยเวทนามีกายเป็นที่สุด ก็รู้ชัดว่า เราเสวยเวทนา มีชีวิตเป็น ที่สุด รู้ชัดว่า เมื่อตายไป เวทนาทั้งปวง อันไม่น่าเพลิดเพลิน จักเป็นความเย็น ในโลกนี้ทีเดียว

          [๓๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนประทีปน้ำมัน อาศัยน้ำมัน และไส้ จึงติดอยู่ได้ เพราะสิ้นน้ำมันและไส้ ประทีปนั้น ไม่มีเชื้อพึงดับไป ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน

          ภิกษุเมื่อเสวยเวทนา มีกายเป็นที่สุด ย่อมรู้ชัดว่าเราเสวยเวทนา มีกาย เป็นที่สุด เมื่อเสวยเวทนามีชีวิตเป็นที่สุด ย่อมรู้ชัดว่า เราเสวยเวทนามีชีวิตเป็นที่สุด ย่อมรู้ชัด ว่าเมื่อตายไปเวทนาทั้งปวง อันไม่น่าเพลิดเพลิน จักเป็นความเย็นในโลกนี้ ทีเดียว

จบสูตรที่ ๘







พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์