อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๒ ภาค ๔ (หน้าที่ ๑๓๓๑- ๑๓๖๗)
ว่าด้วย มัคคอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือมรรค
(๒๐) การอยู่ป่ากับการเจริญสมาธิสำหรับภิกษุบางรูป
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ มีความประสงค์จะเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าหรือป่าเปลี่ยว”.
อุบาลี ! เสนาสนะอันสงัด คือป่าหรือป่าเปลี่ยว อยู่ได้ยาก ปวิเวกทำได้ ยาก ความอยู่คนเดียว เป็นสิ่งที่ยินดีได้ยาก ป่ามักจะนำไปเสีย ซึ่งใจของภิกษุ ผู้ไม่ได้ สมาธิอยู่.
อุบาลี ! ผู้ใดพูดว่า “เราไม่ได้สมาธิ เราจักไปอยู่ในเสนาสนะอันสงัด คือป่า หรือป่าเปลี่ยว” ดังนี้ เขานั้นพึงหวังผลข้อนี้ คือ จิตจักจมลงหรือจิตจักปลิวไป
อุบาลี ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใหญ่ มีอยู่. ช้างพลายสูงเจ็ดรัตน์ ๑ หรือ เจ็ดรัตน์ครึ่ง มาสู่ที่นั้นแล้วคิดว่า “เราจะลงสู่ห้วงน้ำนี้ แล้วเล่นน้ำ ล้างหูบ้าง เล่นน้ำ ล้างหลังบ้าง แล้วพึงอาบพึงดื่ม พึงขึ้นจากห้วงน้ำแล้วหลีกไปตาม ปรารถนา” ดังนี้
ช้างนั้น กระทำได้ดังนั้น เพราะเหตุไร ?
อุบาลี ! เพราะเหตุว่า ช้างนั้นตัวใหญ่ จึงอาจหยั่งลงในห้วงน้ำลึกได้. ครั้งนั้น กระต่ายหรือแมวป่า มาเห็นช้างนั้นแล้วคิดว่า “ช้างจะเป็นอะไรที่ไหนมา เราก็จะเป็น อะไรที่ไหนไป ดังนั้น เราจะลงสู่ห้วงน้ำนี้ แล้วเล่นน้ำ ล้างหูบ้าง เล่นน้ำ ล้างหลัง บ้าง แล้วพึงอาบพึงดื่ม พึงขึ้นจากห้วงน้ำ แล้วหลีกไปตามปรารถนา” ดังนี้ กระต่าย หรือแมวป่านั้น กระโจนลงสู่ห้วงน้ำนั้น โดยไม่พิจารณา ผลที่มันหวังได้ก็ คือ จมดิ่งลงไป หรือลอยไปตามกระแสน้ำ.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะว่ากระต่ายหรือแมวป่านั้นตัวมันเล็ก จึงไม่อาจหยั่งลงในห้วง น้ำลึก นี้ฉันใด อุบาลี ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ผู้ใด พูดว่า “เราไม่ได้สมาธิ เราจักไป อยู่ ใน เสนาสนะ อันสงัดคือป่า หรือป่าเปลี่ยว” ดังนี้ เขานั้น พึงหวังผลข้อนี้ คือ จิตจัก จมลง หรือจิตจักปลิวไป.
๑. (หนึ่งรัตน์เท่ากับ ๒ วิทัตถิ เท่าที่ทดสอบกันในประเทศไทยแล้ว ปรากฏว่า หนึ่งวิทัตถิ ประมาณเท่ากับ ๑ ฟุต.)
(เนื้อความข้อนี้แสดงว่า การออกไปอยู่ป่า มิได้เหมาะสำหรับทุกคน. ผู้ใด คิดว่า จักบรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน กระทั่งถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ อันไม่มีอาสวะ ด้วยเหตุเพียงสักว่าอยู่ป่าอย่างเดียวนั้น ไม่อาจจะสำเร็จได้ เพราะไม่ชื่อว่า เป็นผู้ ตามถึงประโยชน์ตน (อนุปฺปตฺตสทตฺถ) ได้ด้วยเหตุสักว่าการอยู่ป่า ดังนั้นพระองค์จึง ตรัสกะภิกษุอุบาลีว่า )
อุบาลี ! เธอ จงอยู่ในหมู่สงฆ์เถิด ความผาสุกจักมีแก่เธอผู้อยู่ในหมู่สงฆ์ ดังนี้.
- ทสก. อํ. ๒๔/๒๑๖/๙๙. |