เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 มหาปรินิพพานสูตร ๗ /๑๔ มารรบเร้าให้พระองค์จงปรินิพพาน ทรงแสดงปัจฉิมโอวาท 630
 
 มหาปรินิพพานสูตร ตอนที่ ๑๐  ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔
 

มหาปรินิพพานสูตร #๗ (เนื้อหาพอสังเขป)

1 มารเข้าเฝ้า
พระผู้มีพระภาคทรงเล่าเรื่องมารผู้มีบาปเข้าเฝ้า ขอให้พระองค์จงปรินิพพาน ขอพระสุคต จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด

2
ทรงตอบว่า ภิกษุ ภิกษุณี อบาสก อุบาสิกา ยังไม่เฉียบแหลม ศาสนายังไม่แพร่หลาย
สาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรมเรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้

3
ถ้าสาวกยังไม่เฉียบแหลมเพียงใด เราจะยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น
ก็บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคสมบูรณ์แล้ว กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ ประกาศ ได้ดีแล้ว ขอพระผู้มีพระภาค จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด

4 อานนท์ร้องขอให้พระองค์ทรงอยู่ตลอดกัป แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่3
ขอพระสุคตจงทรง ดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

5
อานนท์เรื่อนี้เป็นความผิดพลาดของเธอ (ถูกมารดลใจ)
เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว เพราะว่า เมื่อตถาคต ทำนิมิตอันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบ อย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอน ตถาคตว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป

6 อิทธิบาท๔ ผู้ใดเจริญกระทำให้มากแล้วพึงอยู่ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่า
อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้ง มั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

7 คำวิงวอนของอานนท์ไม่ได้ผล เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว
หากพระอานนท์ร้องขอแต่แรก ก็จะห้ามในการร้องขอครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แต่ถ้าร้องขอครั้งที่ 3 ตถาคตจะพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความ ผิดพลาด ของเธอผู้เดียว

8
อานิสงส์ของการเจริญอิทธิบาท ๔
อิทธิบาททั้ง ๔อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

9
ไปกันเถิดอานนท์ เราจัก เข้าไปยังกุฏาคารสาลาป่ามหาวัน
ไปเถิดอานนท์ เธอจงให้ภิกษุทุกรูป เท่าที่อาศัย เมืองเวสาลี อยู่ มาประชุมที่ อุปัฏฐานศาลา

10
ภิกษุพึงเสพ กระทำ เจริญให้มาก ซึ่งโพธิปักคิยธรรม ๓๗
ธรรมเหล่าใดที่เราแสดงแล้วด้วย ปัญญาอันยิ่ง ธรรมเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ แก่เทวดาและ มนุษย์ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โภชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘

11 ปัจฉิมโอวาท
บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอ สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมเป็นธรรมดา พวกเธอจงยัง ความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อม ความปรินิพพาน แห่งตถาคต จักมีในไม่ช้า โดยล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จัก ปรินิพพาน

12
วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราเป็นของน้อย เราจักละพวกเธอไป
พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีล อันดีเถิด จงเป็นผู้มีความดำริ ตั้งมั่นดีแล้ว ตามรักษาจิตของ ตนเถิด ผู้ใดเป็นผู้ไม่ประมาท อยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติ สงสาร แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

 
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๗ -๑๑๑

มหาปรินิพพานสูตร (๗)

1
(มารเข้าเฝ้า ขอให้พระองค์จงปรินิพพานในบัดนี้)

          [๑๐๒] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่งเราแรกตรัสรู้ พักอยู่ที่ต้นไม้  อชปาลนิโครธ แทบฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ ครั้งนั้นมารผู้มีบาปได้เข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ครั้น เข้าไปหาแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

          ครั้นมาร ผู้มีบาปยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลา ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค เมื่อมารกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า



2
(ทรงตอบว่า ภิกษุ ภิกษุณี อบาสก อุบาสิกา ยังไม่เฉียบแหลม ศาสนายังไม่แพร่หลาย)

          ดูกรมารผู้มีบาป ภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับ แนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรมเรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ ปรับปวาท ที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ ปรินิพพาน เพียงนั้น

          ดูกรมารผู้มีบาป ภิกษุณีผู้เป็นสาวิกาของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม... เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

          ดูกรมารผู้มีบาป อุบาสกผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม... เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

          ดูกรมารผู้มีบาป อุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม... เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

          ดูกรมารผู้มีบาป พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดามนุษย์ประกาศได้ดีแล้วเพียงใด เราจักไม่ ปรินิพพานเพียงนั้น

          ดูกรอานนท์ วันนี้เมื่อกี้นี้เอง มารผู้มีบาปได้เข้ามาหาเรา ที่ปาวาลเจดีย์  ครั้นเข้ามาหา แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง มารผู้มีบาปครั้นยืนเรียบร้อย  แล้ว ได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพาน ในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจง ปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า



3

(ถ้าสาวกยังไม่เฉียบแหลมเพียงใด เราจะยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น)

            ดูกรมารผู้มีบาป
ภิกษุผู้เป็นสาวกของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ...
ภิกษุณีผู้เป็นสาวิกา ของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ... อุบาสกผู้เป็นสาวกของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ...
อุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ...  เพียงใด ... พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก
เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้วเพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

            ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญก็บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคสมบูรณ์แล้ว กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ ประกาศ ได้ดีแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานใน บัดนี้เถิดขอพระสุคตจงปรินิพพาน ในบัดนี้เถิด บัดนี้ เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ฯ

            ดูกรอานนท์ เมื่อมารกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า ดูกรมารผู้มีบาป ท่านจง มีความ ขวนขวายน้อยเถิด ความปรินิพพานแห่งตถาคตจักมีไม่ช้า โดยล่วงไปอีก สามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพาน



4

(อานนท์ร้องขอให้พระองค์ทรงอยู่ตลอดกัป แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่3)

อานนท์วิงวอนพระผู้มีพระภาคให้ทรงอยู่ตลอดกัป..แต่เป็นการร้องขอหลังจาก พระผู้มีพระภาค ได้ปลงสังขารไปแล้ว

            ดูกรอานนท์ วันนี้เมื่อกี้นี้ ตถาคตมีสติสัมปชัญญะปลงอายุสังขารแล้ว ที่ปาวาลเจดีย์

            เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรง ดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย

            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เวลานี้อย่าเลย อย่าวิงวอนตถาคตเลย บัดนี้มิใช่เวลาที่จะวิงวอนตถาคต
            แม้ครั้งที่สอง
...
            แม้ครั้งที่สาม ...
            ท่านพระอานนท์ ก็ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรง ดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชน เป็นอัน มาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เพื่อ เกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

            ดูกรอานนท์ เธอเชื่อความตรัสรู้ของตถาคตหรือ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เชื่อ ดูกรอานนท์ เมื่อเชื่อไฉนเธอจึงแค่นได้ตถาคตถึงสามครั้งเล่า

            ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ฟังมาได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มาก แล้ว กระทำให้เป็น ดุจยานกระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป 

            ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วกระทำ ให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว  ตถาคต นั้น เมื่อจำน อยู่ จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

           ดูกรอานนท์ เธอเชื่อหรือ
           ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เชื่อ



5
อานนท์เรื่อนี้เป็นความผิดพลาดของเธอ (ถูกมารดลใจ)

            ดูกรอานนท์ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว เพราะว่า เมื่อตถาคต ทำนิมิตอันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอน ตถาคตว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคต จงทรงดำรงอยู่ ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชน เป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข ของเทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้ามวาจาเธอเสียสองครั้ง เท่านั้น ครั้น ครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความผิดพลาด ของเธอผู้เดียว



6
(อิทธิบาท๔ ผู้ใดเจริญกระทำให้มากแล้วพึงอยู่ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่า)


          [๑๐๓] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ เขตพระนคร ราชคฤห์ ณ ที่นั้นเราเรียกเธอมาบอกว่า ดูกรอานนท์ พระนครราชคฤห์ น่ารื่นรมย์ ภูเขาคิชฌกูฏ น่ารื่นรมย์ อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ ตลอดกัป หรือ เกินกว่ากัป

          ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป



7
(คำวิงวอนของอานนท์ไม่ได้ผล เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว)

            เมื่อตถาคตทำนิมิตอันหยาบ โอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอน ตถาคตว่า ขอพระผู้มีพระภาคจง ทรงดำรงอยู่ตลอดกัปขอพระสุคต จงทรงดำรง อยู่ ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็น อันมาก เพื่อความสุขของชน เป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้าม วาจาเธอ เสียสองครั้ง เท่านั้น ครั้นครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความ ผิดพลาดของเธอผู้เดียว



8
(อานิสงส์ของการเจริญอิทธิบาท ๔)

           [๑๐๔] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่โคตมนิโครธ เขตพระนคร ราชคฤห์นั้น ...เราอยู่ที่เหวเป็นที่ทิ้งโจร เขตพระนครราชคฤห์นั้น ... เราอยู่ที่ถ้ำ  สัตตบรรณคูหา ข้างภูเขาเวภารบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นั้น ... เราอยู่ที่กาฬศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ เขตพระนครราชคฤห์นั้น ...เราอยู่ที่เงื้อมชื่อสัปปโสณฑิก    ณ สีตวัน เขตพระนคร ราชคฤห์นั้น ... เราอยู่ที่ตโปทาราม เขตพระนครราชคฤห์  นั้น ... เราอยู่ที่เวฬุวันกลัน ทกนิวาปสถาน เขตพระนครราชคฤห์นั้น ... เราอยู่ที่ ชีวกัมพวัน เขตพระนครราชคฤห์ นั้น ... เราอยู่ที่มัททกุจฉิมฤคทายวัน เขตพระนคร ราชคฤห์นั้นณ ที่นั้น เราเรียกเธอมาบอกว่า

            ดูกรอานนท์ พระนครราชคฤห์ น่ารื่นรมย์ ภูเขาคิชฌกูฏน่ารื่นรมณ์ โคตมนิโครธ เหวที่ทิ้งโจร ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างภูเขาเวภารบรรพต กาฬศิลา ข้างภูเขา อิสิคิลิ เงื้อมชื่อว่า สัปปโสณฑิกสีตวัน ตโปทาราม เวฬุวันกลัน ทกวิวาปสถาน ชีวกัมพวัน มัททกุจฉิมฤคทายวัน ต่างน่ารื่นรมย์ อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำ ให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

          ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำ ให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป เมื่อตถาคตทำนิมิต อันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอนตถาคตว่า ขอพระผู้มี พระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข ของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้ามวาจาเธอเสีย สองครั้งเท่านั้น ครั้นครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์เรื่องนี้ เป็นความผิดพลาด ของเธอผู้เดียว

           [๑๐๕] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่อุเทนเจดีย์ เขตเมืองเวสาลี นี้เอง ณ ที่นั้น เราเรียกเธอมาบอกว่า ดูกรอานนท์ เมืองเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ น่ารื่นรมย์ อิทธิบาททั้ง ๔อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็น ดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

           ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้ เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป เมื่อตถาคต กระทำนิมิตอันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอน ตถาคตว่า  ขอพระผู้มี พระภาค จงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข ของเทวดาและ มนุษย์ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้ามวาจาเธอเสีย สองครั้ง เท่านั้น ครั้นครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้ เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว

          [๑๐๖] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่โคตมกเจดีย์ เขตเมืองเวสาลี นี้เอง ... เราอยู่ที่สัตตัมพเจดีย์ เขตเมืองเวสาลีนี้เอง ... เราอยู่ที่พหุปุตตเจดีย์  เขตเมืองเวสาลี นี้เอง ... เราอยู่ที่สารันททเจดีย์ เขตเมืองเวสาลีนี้เอง ... วันนี้ เมื่อกี้นี้เอง เราบอกเธอ ที่ปาวาลเจดีย์ว่า ดูกรอานนท์ เมืองเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ โคตมกเจดีย์ สัตตัมพเจดีย์ พหุปุตตเจดีย์สารันททเจดีย์ ปาวาลเจดีย์ ต่างน่ารื่นรมย์ อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจ พื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป

          ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้ เป็นดุจ ยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้วอบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัปเมื่อตถาคตกระทำนิมิต อันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอนตถาคตว่า ขอพระผู้มีพระภาค จง ทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชน เป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้ามวาจาเธอเสีย สองครั้ง เท่านั้น ครั้นครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้เป็นความ ผิดพลาดของเธอผู้เดียว

           ดูกรอานนท์ เราได้บอกเธอไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ความเป็นต่างๆความ พลัดพราก ความเป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ต้องมี เพราะฉะนั้นจะพึง ได้ในของรักของชอบใจนี้แต่ที่ไหน สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความ ทำลายเป็นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้น อย่าทำลายไปเลย ดังนี้ มิใช่ฐานะ จะมีได้ ก็สิ่งใดที่ตถาคตสละแล้ว คายแล้วปล่อยแล้ว ละแล้ว วางแล้ว อายุสังขาร ตถาคตปลงแล้ว วาจาที่ตถาคตกล่าวไว้โดยเด็ดขาดว่า ความปรินิพพาน แห่งตถาคต จักมีไม่ช้า โดยล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพานอันตถาคต จะกลับคืน ยังสิ่งนั้น เพราะเหตุแห่งชีวิต ดังนี้ มิใช่ฐานะ ที่จะมีได้



9
(ไปกันเถิดอานนท์ เราจัก เข้าไปยังกุฏาคารสาลาป่ามหาวัน)

           ท่านพระอานนท์รับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค พร้อมด้วยท่านพระอานนท์เสด็จเข้าไปยังกุฏาคารสาลาป่ามหาวัน

            ครั้นแล้ว รับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ไปเถิดอานนท์ เธอจงให้ภิกษุทุกรูป เท่าที่อาศัย เมืองเวสาลี อยู่ มาประชุมที่ อุปัฏฐานศาลา ท่านพระอานนท์ ทูลรับ พระดำรัสของ พระผู้มีพระภาคแล้ว จึงให้ภิกษุทุกรูปเท่าที่อาศัยเมืองเวสาลีอยู่ มาประชุมที่ อุปัฏฐานศาลา แล้วจึงเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคม พระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระอานนท์ยืน เรียบร้อยแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ ประชุมกันแล้ว ขอพระผู้มี พระภาคทรงทราบกาล อันควรในบัดนี้เถิด

          [๑๐๗] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลาประทับนั่ง บนอาสนะ ที่เขาจัดถวาย ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า



10
(ภิกษุพึงเสพ กระทำ เจริญให้มาก ซึ่งโพธิปักคิยธรรม ๓๗)


            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่าใดที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ธรรมเหล่านั้น พวกเธอเรียนแล้ว พึงส้องเสพ พึงให้เจริญ พึงกระทำให้มากด้วยดี โดยประการที่ พรหมจรรย์ นี้จะพึงยั่งยืน ดำรงอยู่ได้นาน เพื่อประโยชน์ของชน เป็นอันมาก เพื่อประโยชน์ เพื่อ เกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย ก็ธรรมที่เรา แสดงแล้วด้วย ปัญญาอันยิ่ง ... เหล่านั้นเป็นไฉน คือสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โภชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘
(โพธิปักคิยธรรม ๓๗)

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้แลที่เรา แสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ...



11
(ปัจฉิมโอวาท)

          ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า
           ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอ สังขารทั้งหลาย มีความ เสื่อมเป็นธรรมดา พวกเธอจงยัง ความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ความปรินิพพานแห่งตถาคตจักมีในไม่ช้า โดยล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพาน

          พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส พระคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

           [๑๐๘] คนเหล่าใด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน ล้วนมี ความตายเป็นเบื้องหน้า ภาชนะดินที่นายช่างหม้อกระทำแล้ว ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบ ทุกชนิด มีความแตกเป็นที่สุด ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น



12
(วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราเป็นของน้อย เราจักละพวกเธอไป)

           พระศาสดาได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของ เราเป็นของน้อย เราจักละพวกเธอไป เรากระทำที่พึ่งแก่ตนแล้ว

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีล อันดีเถิด จงเป็นผู้มี ความดำริตั้งมั่นดีแล้ว ตามรักษาจิตของตนเถิด ผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาท อยู่ใน ธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติ สงสาร แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังนี้


จบภาณวารที่สาม

มหาปรินิพพานสูตร 8/14  Next
 
 
พุทธวจน : ออนไลน์
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์