พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๙
1
เสด็จถึงเมืองเมืองเวสาลีของพวกเจ้าลัจฉวี (๔)
(พระผู้มีพระภาคให้ภิกษุดูการแต่งกายด้วยเสื้อผ้า และเครื่องประดับ ตามสีของวรรณะ ว่าเหมือนเทวดาชั้นดาวดึงส์)
[๙๒] พวกเจ้าลิจฉวี เมืองเวสาลี ได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จ ถึงเมือง เวสาลี ประทับอยู่ ณ อัมพปาลีวันเขตเมืองเวสาลี ครั้งนั้นพวกเจ้าลิจฉวี รับสั่งให้จัดยานที่ดีๆ แล้วเสด็จขึ้นยานออกจากเมืองเวสาลีไปแล้ว ในพวกเจ้า ลิจฉวีนั้น บางพวกเขียวล้วน คือมี วรรณะเขียว มีผ้าเขียว มีเครื่องประดับเขียว บางพวกเหลืองล้วน คือมี วรรณะเหลือง มีผ้าเหลือง มีเครื่องประดับเหลือง บางพวก แดงล้วน คือมี วรรณะแดง มีผ้าแดง มีเครื่องประดับแดง บางพวกขาวล้วน คือมี วรรณะขาว มีผ้าขาว มีเครื่องประดับขาว
ครั้งนั้น นางอัมพปาลีคณิกา ให้เพลารถกระทบเพลารถ ล้อรถกระทบล้อรถ แอกกระทบแอก ของพวกเจ้าลิจฉวี หนุ่มๆพวกเจ้าลิจฉวีได้พูดกะนางอัมพปาลีคณิกา ว่า แน่ะนางอัมพปาลี เหตุไร ท่านจึงให้เพลารถกระทบเพลารถ ล้อรถกระทบล้อรถ แอกกระทบแอก ของพวก เจ้าลิจฉวีหนุ่มๆ
อ. ข้าแต่ลูกเจ้าจริงอย่างนั้น หม่อมฉันทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาค พร้อมด้วยภิกษุ สงฆ์ ให้ทรงรับภัตในวันพรุ่งนี้
ล. แน่ะนางอัมพปาลี เจ้าจงให้ภัตนี้โดยราคาแสนหนึ่งเถิด
ข้าแต่ลูกเจ้า ก็พวกท่านจักให้เมืองเวสาลีพร้อมทั้งชนบท แก่หม่อมฉัน แม้อย่างนั้น หม่อมฉันก็จักไม่ให้ภัตอันใหญ่ได้
ลำดับนั้น พวกเจ้าลิจฉวีปรบนิ้วมือว่า ดูกรท่านทั้งหลาย นางอัมพปาลี ชนะ พวกเราแล้ว หนอ พวกเราถูกนางอัมพปาลีลวงแล้วหนอ จึงพวกเจ้าลิจฉวีได้ไปยัง อัมพปาลีวันแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นพวกเจ้าลิจฉวีมาแต่ไกล ครั้นแล้ว จึงรับสั่ง กะพวกภิกษุว่า
2 พวกเจ้าลิจฉวีแต่งกายเหมือนเทวดาชั้นดาวดึงส์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่ยังไม่เคยเห็นพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์จงดูพวกเจ้าลิจฉวี จงจ้องดูหมู่เจ้าลิจฉวีจงนำเข้าไปเปรียบหมู่เจ้าลิจฉวี ให้เหมือนกับ เทวดาชั้นดาวดึงส์
ลำดับนั้น พวกเจ้าลิจฉวีไปด้วยยานจนสุดภูมิประเทศที่ยานจะไปได้ ลงจากยาน เดินเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วจึงถวาย บังคม พระผู้มีพระภาค นั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพวกเจ้าลิจฉวีนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค ทรงยังพวก เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา
ครั้งนั้นแล พวกเจ้าลิจฉวีอันพระผู้มีพระภาคทรงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้ อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถาแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ขอพระผู้มี พระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จงทรงรับภัต ของพวกข้าพระองค์ ในวันพรุ่งนี้ พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า
ดูกรพวกเจ้าลิจฉวี เราได้รับภัตของนางอัมพปาลีคณิกา ไว้ในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว ลำดับนั้นพวกเจ้าลิจฉวี ปรบนิ้วมือว่านางอัมพปาลีคณิกาชนะพวกเราแล้วหนอ พวกเราถูกนาง อัมพปาลี คณิกาลวงแล้วหนอ พวกเจ้าลิจฉวีชื่นชมยินดี ภาษิตของ พระผู้มีพระภาคแล้วลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ หลีกไปแล้ว
3 นางอัมพปาลีคณิกาถวายอาราม
ครั้งนั้น นางอัมพปาลีคณิกา ให้ตระเตรียมของเคี้ยวของฉันอันประณีต ในอารามของตน คืนยังรุ่ง เสร็จแล้วสั่งให้กราบทูลภัตกาล แด่พระผู้มีพระภาค ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว
ลำดับนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังที่พักชั่วคราวของนางอัมพปาลีคณิกา ประทับนั่ง บนอาสนะ ที่เขาจัดถวาย นางอัมพปาลีคณิกา อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้อิ่มหนำเพียงพอด้วย ของเคี้ยวของฉัน อันประณีตด้วยมือของตน
ครั้นพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ วางพระหัตถ์จากบาตรแล้ว นางอัมพปาลีคณิกาถือ อาสนะต่ำ นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอมอบอารามนี้แด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า เป็นประมุข พระผู้มีพระภาคทรงรับอารามแล้ว ทรงยังนางอัมพปาลีคณิกาให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา เสด็จลุกจากอาสนะหลีกไปแล้ว
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ อัมพปาลีวัน เขตเมืองเวสาลีนั้น ทรงกระทำ ธรรมีกถา นี้แหละเป็นอันมากแก่พวกภิกษุว่า อย่างนี้ศีล อย่างนี้สมาธิอย่างนี้ปัญญา สมาธิ อันศีลอบรมแล้วย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ปัญญาอันสมาธิอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ จิตอันปัญญาอบรมแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะโดย ชอบ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ
|