สุริยเปยยาลที่ ๖ (ต่อ) (หน้า 75)
132
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 75)
ฉันทสัมปทาเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๒]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งฉันทะ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
133
อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 75)
อัตตสัมปทาเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๓]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งตน (ความถึงพร้อมแห่งจิต) ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕ 1
134
ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 75)
ทิฏฐิสัมปทาเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๔]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
135
อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 75)
ความไม่ประมาทเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๕]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
136
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 77)
โยนิโสมนสิการเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง สิ่งที่เป็นเบื้องต้น เป็นนิมิตมาก่อน เพื่อความบังเกิดแห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือ ความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๓๗]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะอาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะอาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๗
138
กัลยาณมิตรสูตรที่ ๒ (หน้า 77)
มิตรดีเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๓๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง สิ่งที่เป็นเบื้องต้น เป็นนิมิตมาก่อน เพื่อความบังเกิดแห่ง อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือความเป็น ผู้มีมิตรดี ฉันนั้น เหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีมิตรดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่าจักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๓๙]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็น ที่สุดมีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุดมีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๘
140
สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 79)
สีลสัมปทาเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๔๐]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง สิ่งที่เป็นเบื้องต้น เป็นนิมิตมาก่อน เพื่อความเกิดแห่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือความถึงพร้อมด้วยศีล ฉันนั้น เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
141
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 79)
ฉันทสัมปทาเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๔๑]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งฉันทะ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
145
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 83)
โยนิโสมนสิการเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[๑๔๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง สิ่งที่เป็นเบื้องต้น เป็นนิมิตมาก่อน เพื่อความเกิดแห่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือ ความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๔๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุดมีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิมีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑๔
จบ สุริยเปยยาลที่ ๖
รวมพระสูตรที่มีในเปยยาลนี้
๑. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๑ ๒. สีลสัมปทาสูตรที่ ๑
๓. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ ๔. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑
๕. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ ๖. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๑
๗. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ ๘. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๒
๙. สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๐. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๑. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๒. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๓. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๔. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒
เอกธัมมเปยยาลที่ ๗ (หน้า 85)
147
กัลยาณมิตตสูตรที่ ๑ (หน้า 85)
กัลยาณมิตรมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๔๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน ? คือ ความเป็นผู้มีมิตรดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีมิตรดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่าจักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๔๘]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธน้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธน้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑
149
สีลสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 87)
สีลสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๔๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่ง เป็นไฉน ? คือความถึงพร้อมแห่งศีล ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
150
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 87)
ฉันทสัมปทามีอุปการ 1 มากแก่อริยมรรค
[๑๕๐]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งฉันทะ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
151
อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 87)
อัตตสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๑]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งตน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
152
ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 87)
ทิฏฐิสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๒]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
153
อัปปมาทสูตรที่ ๑ (หน้า 87)
ความไม่ประมาทมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๓]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
154
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 89)
โยนิโสมนสิการมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน ? คือ ความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๕๕]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวกอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๗
156
กัลยาณมิตตสูตรที่ ๒ (หน้า 89)
กัลยาณมิตรมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน ? คือ ความเป็นผู้มีมิตรดีพึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๕๗]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะ
เป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๘
158
สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 91)
สีลสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่ง เป็นไฉน ? คือความถึงพร้อมแห่งศีล ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
159
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 93)
ฉันทสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๕๙]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งฉันทะ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
160
อัตตสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 93)
อัตตสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๖๐]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งตน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
161
ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 93)
ทิฏฐิสัมปทามีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๖๑]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิ ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๒
162
อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 93)
ความไม่ประมาทมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๖๒]
...คือ ความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๓
163
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 95)
โยนิโสมนสิการมีอุปการะมากแก่อริยมรรค
[๑๖๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งมีอุปการะมาก เพื่อความเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน ? คือ ความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้แจ้งซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๖๔]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึง พร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑๔
จบ เอกธัมมเปยยาลที่ ๗
รวมพระสูตรที่มีในเปยยาลนี้ คือ
๑. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๑ ๒. สีลสัมปทาสูตรที่ ๑
๓. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ ๔. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑
๕. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ ๖. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๑
๗. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ ๘. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๒
๙. สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๐. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๑. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๒. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๓. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๔. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒
นาหันตเอกธัมมเปยยาลที่ ๘ (หน้า 97)
165
กัลยาณมิตตสูตรที่ ๑ (หน้า 97)
กัลยาณมิตรเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๖๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เหมือนความเป็นมิตรดีเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีมิตรดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่าจักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้ว ยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๖๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธน้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธน้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑
167
สีลสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 97)
สีลสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๖๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เหมือนความถึงพร้อมแห่งศีลเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
168
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 97)
ฉันทสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๖๘]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งฉันทะเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
169
อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 99)
อัตตสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๖๙]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งตนเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
170
ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 99)
ทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๐]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
171
อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 99)
อัปปมาทสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๑]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาทเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
172
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ (หน้า 101)
โยนิโสมนสิการเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุ 1 ให้อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เหมือนความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๗๓]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิอันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้ว ยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๗
174
กัลยาณมิตตสูตรที่ ๒ (หน้า 101)
กัลยาณมิตรเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เหมือนความเป็นผู้มีมิตรดีเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีมิตรดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๑๗๕]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีมิตรดี ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๘
176
สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 103)
สีลสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ งซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถึงความบริบูรณ์ เหมือนความถึงพร้อมแห่งศีลเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
177
ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 103)
ฉันทสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๗]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งฉันทะเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
178
อัตตสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 105)
อัตตสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๘]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งตนเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
179
ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 105)
ทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๙]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งทิฏฐิเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๒
180
อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 105)
อัปปมาทสัมปทาเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๘๐]
...เหมือนความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาทเลย ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๓
181
โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒ (หน้า 107)
โยนิโสมนสิการเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๘๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุ ให้อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่ถึงพร้อมแห่งการกระทำ ไว้ในใจโดยแยบคาย เลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อม ด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘.
[๑๘๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิมี อันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็น ที่สุดมีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑๔
จบ นาหันตเอกธัมมเปยยาลที่ ๘
รวมพระสูตรที่มีในเปยยาลนี้ คือ
๑. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๑ ๒. สีลสัมปทาสูตรที่ ๑
๓. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๑ ๔. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๑
๕. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๑ ๖. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๑
๗. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๑ ๘. กัลยาณมิตตสูตรที่ ๒
๙. สีลสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๐. ฉันทสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๑. อัตตสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๒. ทิฏฐิสัมปทาสูตรที่ ๒
๑๓. อัปปมาทสัมปทาสูตรที่ ๒ ๑๔. โยนิโสมนสิการสัมปทาสูตรที่ ๒
คังคาเปยยาลที่ ๙ (หน้า 109)
183
คังคาปาจีนนินนสูตร (หน้า 109)
ผู้เจริญอริยมรรคเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่า ไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๑๘๔]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้ม ไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯ.
จบ สูตรที่ ๑
185
ยมุนาปาจีนนินนสูตร (หน้า 109)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำยมุนาไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วย องค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
186
อจีรวตีปาจีนนินนสูตร (หน้า 109)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำจิรวดีไหลไปสูทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ทิศ ปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
187
สรภูปาจีนนินนสูตร (หน้า 111)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศ ปราจีนบ่าไปสู่ ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
188
มหีปาจีนนินนสูตร (หน้า 111)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
189
มหานทีปาจีนนินนสูตร (หน้า 113)
ผู้เจริญอริยมรรคเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน เหมือนแม่นํ้าใหญ่ไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๘๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่ทิศปราจีนหลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศ ปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็น ผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๑๙๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ โน้ม 1 ไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอั นประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๖
191
คังคาสมุทนินนสูตร (หน้า 115)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอัน ประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพ พานโอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๑๙๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญสัมมาทิฏฐิอันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิอันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๗
193
ยมุนาสมุทนินนสูตร (หน้า 115)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่า ไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๘
194
อจิรวดีสมุทนินนสูตร (หน้า 117)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
195
สรภูสมุทนินนสูตร (หน้า 117)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
196
มหีสมุทนินนสูตร (หน้า 117)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภู 1 ไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วย 2 ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
197
มหานทีสมุทนินนสูตร (หน้า 119)
ผู้เจริญอริยมรรคน้อมไปสู่นิพพานเหมือนแม่นํ้าใหญ่ไหลไปสู่สมุทร
[๑๙๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่สมุทรหลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉัน ใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๑๙๘]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้ม ไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
วาระแห่งคังคาเปยยาลที่เขียนไว้โดยย่อ พึงให้พิสดารในเปยยาล.
หมวดที่ ๑ ว่าด้วยการอาศัยวิเวก (เป็นต้น) รวมเป็น ๑๒ สูตร
๖ สูตรแรกอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่ทิศปราจีน
๖ สูตรหลังอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่สมุทร.
199
คังคาปาจีนนินนสูตร (หน้า 121)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๑๙๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘เมื่อกระทำ ให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๐๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไป สู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะ เป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้ มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แลจึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่ นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑
201
ยมุนาปาจีนนินนสูตร (หน้า 121)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๐๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำยมุนาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไป สู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
202
อจิรวดีปราจีนนินนสูตร (หน้า 123)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๐๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำ อจิรวดีไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่า ไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
203
สรภูปาจีนนินนสูตร (หน้า 121)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๐๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไปสู่ ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
204
มหีปาจีนนินนสูตร (หน้า 123)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๐๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
205
มหานทีปาจีนนินนสูตร (หน้า 125)
ผู้เจริญอริยมรรคย่อมน้อมไปสู่นิพพาน เหมือนแม่นํ้าใหญ่ไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๐๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่ทิศปราจีนหลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
206
คังคาสมุทนินนสูตร (หน้า 125)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร
[๒๐๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพานโอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๐๗]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า? จึงจะเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้ม ไปสู่นิพพาน โอนไปสู่ นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันจำกัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุดมีอันกำจัด โมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษ 1 เมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๗
208
ยมุนาสมุทนินนสูตร (หน้า 127)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร
[๒๐๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๘
209
อจิรวตีสมุทนินนสูตร (หน้า 127)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร
[๒๐๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
210
สรภูสมุทนินนสูตร (หน้า 127)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร
[๒๑๐]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
211
มหีสมุทนินนสูตร (หน้า 129)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร
[๒๑๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำ มหีไหลไปสู่สมุทร หลั่ง ไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
212
มหานทีสมุทนินนสูตร (หน้า 129)
ผู้เจริญอริยมรรคน้อมไปสู่นิพพานเหมือนแม่นํ้าใหญ่ไหลไปสู่สมุทร
[๒๑๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่สมุทรหลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉัน ใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๑๓]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้ม ไปสู่ นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะ เป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑๒
หมวดที่ ๒ ว่าด้วยการกำจัดราคะ (เป็นต้น) รวมเป็น ๑๒ สูตร
๖ สูตรแรกอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่ทิศปราจีน
๖ สูตรหลังอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่สมุทร.
214
คังคาปาจีนนินนสูตร (หน้า 131)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๑๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไปสู่ ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๑๕]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วย ๘ 2 อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันหยั่งลงสู่ อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุดดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑
216
ยมุนาปราจีนนินสูตร (หน้า 131)
ผุ้เจริญอริยมรรค 4 ฯลฯ
เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๑๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำ ยมุนาไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่ง ไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
217
อจิรวตีปาจีนนินนสูตร (หน้า 133)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๑๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
218
สรภูปราจีนนินนสูตร (หน้า 133)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๑๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำ สรภู ไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้น เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
[๒๑๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำมหีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้น เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
220
มหีปราจีนนินนสูตร (หน้า 133)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๒๐]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่ทิศปราจีนหลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศ ปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
221
คังคาสมุทนินนสูตร (หน้า 135)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพานโอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้น เหมือนกัน.
[๒๒๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่ นิพพาน โอนไปสู่พระนิพพาน 3 ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันหยั่งลงสู้ 4 อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุดดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญ อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๗
223
ยมุนาสมุทนินนสูตร (หน้า 137)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแมนํ้า 1 ยมุนาไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๘
224
อจิรวตีสมุทนินนสูตร (หน้า 137)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแมนํ้า 2 อจิรวดีไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร
บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
225
สรภูสมุทนินนสูตร (หน้า 137)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
226
มหีสมุทนินนสูตร (หน้า 139)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
227
มหานทีสมุทนินนสูตร (หน้า 139)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนมหานทีไหลไปสู่สมุทร
[๒๒๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่สมุทร
หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๒๘]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโนม้ ไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้ามีอมตะเป็น ที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็น เบื้องหน้ามีอมตะเป็น ที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญ อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑๒
หมวดที่ ๓ ว่าด้วยการหยั่งลงสู่อมตะ รวมเป็น ๑๒ สูตร
๖ สูตรแรกอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่ทิศปราจีน
๖ สูตรหลังอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่สมุทร.
229
คังคาปราจีนนินนสูตร (หน้า 141)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๒๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งลงไป 1 สู่ทศิ ปราจีน บ่าไปสู่ทิศ ปราจีน แมฉ้ นั ใด ภกิ ษุเมอื่ เจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘เมื่อกระทำ ให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๓๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญ สัมมาทิฏฐิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้ม ไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑
231
ยมุนาปราจีนนินนสูตร (หน้า 143)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๓๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำยมุนาไหลไปสู่ทิศ ปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่า ไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘...
ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๒
232
อจิรวตีปราจีนนินนสูตร (หน้า 143)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๓๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งลงไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๓
233
สรภูปราจีนนินนสูตร (หน้า 143)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๓๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่า ไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๔
234
มหีปราจีนนินนสูตร (หน้า 145)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๓๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีนบ่าไปสู่ ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘...ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๕
235
มหานทีปราจีนนินนสูตร (หน้า 145)
มหานทีไหลไปสู่ทิศปราจีนเหมือนผู้เจริญอริยมรรคน้อมไปสู่นิพพาน
[๒๓๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่นํ้าสรภู แม่นํ้ามหี ทั้งหมดนั้นไหลไปสู่ ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำ ให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๓๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันน้อมไป สู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่ นิพพาน ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แลจึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๖
237
คังคาสมุทนินนสูตร (หน้า 147)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร
[๒๓๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าคงคาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพานโอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๓๘]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไป สู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่พระนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๗
239
ยมุนาสมุทนินนสูตร (หน้า 147)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมื่อน 1 แม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร
[๒๓๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ายมุนาไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๘
240
อจิรวดีสมุทนินนสูตร (หน้า 149)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร
[๒๔๐]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าอจิรวดีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
241
สรภูสมุทนินนสูตร (หน้า 149)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร
[๒๔๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าสรภูไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
242
มหีสมุทนินนสูตร (หน้า 149)
ผู้เจริญอริยมรรค ฯลฯ เหมือนแม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร
[๒๔๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้ามหีไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทร บ่าไปสู่สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘... ฉันนั้น
เหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
243
มหานทีปราจีนนินนสูตร (หน้า 151)
ผู้เจริญอริยมรรคน้อมไปสู่นิพพานเหมือนแม่นํ้าใหญ่ไหลไปสู่ทิศปราจีน
[๒๔๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่นํ้าใหญ่ๆ สายใดสายหนึ่งนี้ คือ แม่นํ้าคงคาแม่นํ้ายมุนา แม่นํ้าอจิรวดี แม่น้ำ สรภู แม่นน้ำ มหี ทั้งหมดนั้น ไหลไปสู่สมุทร หลั่งไปสู่สมุทรบ่าไปสู่ สมุทร แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อ กระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพานโอนไป สู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๔๔]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? จึงเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพานโน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันน้อมไปสู่ นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรค อันประกอบ ด้วยองค์ ๘ เมื่อกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงเป็นผู้น้อม ไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
จบ สูตรที่ ๑๒
หมวดที่ ๔ ว่าด้วยการน้อมไปสู่นิพพาน รวมเป็น ๑๒ สูตร
๖ สูตรแรกอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่ทิศปราจีน
๖ สูตรหลังอุปมาด้วยแม่นํ้าไหลไปสู่สมุทร.
อัปปมาทวรรคที่ ๑๐ (หน้า 153)
245
ตถาคตสูตรที่ ๑
ผู้เจริญอริยมรรคน้อมไปในการสละ
[๒๔๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญา ก็มิใช่ไม่มีสัญญา ก็มิใช่ก็ดี มีประมาณเท่าใด พระตถาคตอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่าเป็นผู้เลิศ กว่าสัตว์เหล่านั้น ฉันใด กุศลธรรม เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้นมีความไม่ประมาทเป็นมูล รวมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่า กุศลธรรมเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ไม่ประมาทแล้ว พึงหวังข้อนี้ได้ว่าจักเจริญ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๒๔๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อม กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑
247
ตถาคตสูตรที่ ๒
ผู้เจริญอริยมรรคมีการกำจัดราคะเป็นที่สุด
[๒๔๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี... อันภิกษุผู้ไม่ประมาท พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญ อริยมรรคอันประกอบด้วย องค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๒๔๘]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๒
249
ตถาคตสูตรที่ ๓
ผู้เจริญอริยมรรคอันหยั่งลงสู่อมตะ
[๒๔๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี ... อันภิกษุผู้ไม่ประมาท พึงหวังข้อนี้ได้ว่าจักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘จักกระทำให้มากซึ่ง อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๒๕๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้ามีอมตะเป็น ที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๓
251
ตถาคตสูตรที่ ๔
ความไม่ประมาทเลิศกว่ากุศลธรรม
[๒๕๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญา ก็มิใช่ไม่มีสัญญา ก็มิใช่ก็ดี มีประมาณเท่าใด พระตถาคตอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าบัณฑิตกล่าวว่า เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์เหล่านั้นฉันใด กุศลธรรมเหล่า ใดเหล่าหนึ่งทั้งหมดนั้นมีความ ไม่ประมาทเป็นมูล รวมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่า กุศลธรรมเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ไม่ประมาทพึงหวัง ข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ .
[๒๕๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันน้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่ นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำ ให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๔
253
ปทสูตร
กุศลธรรมทั้งปวงมีความไม่ประมาทเป็นมูล
[๒๕๓]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย รอยเท้าของสัตว์ทั้งหลายผู้สัญจรไปบน แผ่นดินชนิดใดชนิดหนึ่ง ทั้งหมดนั้น ย่อมถึงความประชุมลงในรอยเท้าช้าง รอยเท้าช้างบัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่ารอยเท้าเหล่านั้น เพราะเป็นรอยใหญ่ แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล รวมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่ากุศลธรรมเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ไม่ประมาท พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๒๕๔]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วย องค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๕
254
กูฏสูตร
ว่าด้วยเรือนยอด
[๒๕๕]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย กลอนแห่งเรือนยอดอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นไปสู่ยอด น้อมไปสู่ยอด ประชุมเข้าที่ยอด ยอดแห่งเรือนยอดนั้น บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่ากลอนเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๖
256
มูลคันธสูตร
ว่ายด้ว 1 กลิ่นที่ราก
[๒๕๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้มีกลิ่นที่รากชนิดใดชนิดหนึ่ง ไม้กลัมพัก บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าไม้มีกลิ่นที่รากเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด เหล่าหนึ่งทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๗
257
สารคันธสูตร
ว่าด้วยกลิ่นที่แก่น
[๒๕๗]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้มีกลิ่นที่แก่นชนิดใดชนิดหนึ่ง จันทน์แดง บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าไม้มีกลิ่นที่แก่นเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด เหล่าหนึ่งทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๘
258
ปุปผคันธสูตร
ว่าด้วยกลิ่นที่ดอก
[๒๕๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้มีกลิ่นที่ดอกชนิดใดชนิดหนึ่ง มะลิ บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าไม้มีกลิ่นที่ดอกเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด เหล่าหนึ่งทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๙
259
กุฏฐราชาสูตร
ว่าด้วยพระราชาผู้เลิศ
[๒๕๙]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาผู้น้อย (ชั้นตํ่า) เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นผู้ตามเสด็จพระเจ้าจักรพรรดิ พระเจ้าจักรพรรดิ บัณฑิต กล่าวว่าเลิศกว่าพระราชาผู้น้อยเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด เหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้นมีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๐
260
จันทิมสูตร
ว่าด้วยพระจันทร์
[๒๖๐]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แสงสว่างแห่งดวงดาวชนิดใดชนิดหนึ่ง ทั้งหมดนั้นย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แสงสว่างของพระจันทร์ แสงสว่างของ พระจันทร์ บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าแสงสว่างของดวงดาวเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้นมีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๑
261
สุริยสูตร
ว่าด้วยพระอาทิตย์
[๒๖๑]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสรทสมัยท้องฟ้าบริสุทธิ์ ปราศจากเมฆ พระอาทิตย์ขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ย่อมส่องแสงและแผดแสงไพโรจน์ กำจัดความมืด อันมีอยู่ในอากาศทั่วไป แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ.
จบ สูตรที่ ๑๒
262
วัตถสูตร
ว่าด้วยผ้า
[๒๖๒]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผ้าที่ทอด้วยด้ายชนิดใดชนิดหนึ่ง ผ้าของชาว กาสีบัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าผ้าที่ทอด้วยด้ายเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรม เหล่าใด เหล่าหนึ่งทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล รวมลงในความ ไม่ประมาท ความไม่ประมาทบัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่ากุศลธรรมเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลายอันภิกษุผู้ไม่ประมาท พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘.
[๒๖๓]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑๓
จบ อัปปมาทวรรค
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ตถาคตสูตรที่ ๑ ๒. ตถาคตสูตรที่ ๒
๓. ตถาคตสูตรที่ ๓ ๔. ตถาคตสูตรที่ ๔
๕. ปทสูตร ๖. กูฏสูตร
๗. มูลคันธสูตร ๘. สารคันธสูตร
๙. ปุปผคันธสูตร ๑๐. กุฏฐราชาสูตร
๑๑. จันทิมสูตร ๑๒. สุริยสูตร
๑๓. วัตถสูตร
พลกรณียวรรคที่ ๑๑
264
พลกรณียสูตรที่ ๑
อาศัยศีลเจริญอริยมรรคน้อมไปในการสละ
[๒๖๔]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังอย่างใด อย่างหนึ่ง อันบุคคลทำอยู่ ทั้งหมดนั้น อันบุคคลอาศัยแผ่นดิน ดำรงอยู่บนแผ่นดิน จึงทำได้การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังเหล่านี้ อันบุคคลย่อมกระทำได้ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ฉันใดภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จึงเจริญอริยมรรค ประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๖๕]
ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุอาศัยศีล ตงั้ อยู่ในศีลแล้ว จึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มาก ซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวกอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยศีลตั้งอยู่ในศีลแล้วจึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล. (พึงทราบความพิสดารสูตรที่บริบูรณ์ตามพรรณนาในคังคาเปยยาล)
จบ สูตรที่ ๑
266
พลกรณียสูตรที่ ๒
อาศัยศีลเจริญอริยมรรคมีการกำจัดราคะ
[๒๖๖]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังอย่างใด อย่างหนึ่ง อันบุคคลทำอยู่ ทั้งหมดนั้น อันบุคคลอาศัยแผ่นดิน ดำรงอยู่บนแผ่นดิน จึงทำได้การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังเหล่านี้ อันบุคคลย่อมกระทำได้ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ฉันใดภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้วจึงเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๖๗]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ มีอันกำจัดราคะเป็นที่สุดมี อันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิมีอันกำจัดราคะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีอันกำจัดโมหะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยศีล ตั้ง อยูในศีลแล้วจึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๒
268
พลกรณีสูตรที่ ๓
อาศัยศีลเจริญอริยมรรคอันหยั่งลงสู่อมตะ
[๒๖๘]
สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังอย่างใด อย่างหนึ่ง อันบุคคลทำอยู่ ทั้งหมดนั้น อันบุคคลอาศัยแผ่นดิน ดำรงอยู่บนแผ่นดิน จึงทำได้การงานที่จะพึงทำด้วยกำลังเหล่านี้ อันบุคคลย่อมกระทำได้ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ฉันใดภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้วจึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๒๖๙]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จึงเจริญอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันหยั่งลงสู่อมตะมีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันหยั่งลงสู่อมตะมีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จึงเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๓
อ่านต่อ
|