เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

 
 9.เรื่องอภิธรรม จากข้อมูลอื่น (วิกิพีเดีย/ tipitaka/ พจนานุกรมศาสน์ โดย ปอ.ปยุตโต) 1474
  P1466 P1467 P1468 P1469 P1470 P1471 P1472 P1473 P1474
รวมเรื่องอภิธรรม
 


เรื่องอภิธรรม จากข้อมูลอื่น
1. วิกิพีเดีย /ประวัติพระอภิธรรมปิฎก / องค์ประกอบ
2. tipitaka/ ความหมาย /พจนานุกรมศาสน์ โดย ปอ.ปยุตโต
3. พระอภิธรรมปิฎก ๑๒ เล่ม/เนื้อหาทั้ง ๑๒ เล่ม
4. พระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔-เล่มที่ ๔๕)

พระอภิธรรมปิฎก ๑๒ เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๖)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๔ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๕ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๖ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๗ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๐)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๙ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๐ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๑ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๔)
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๒
(พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๕)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
รวมพระสูตร
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
(ดูทั้งหมด)

 


พระอภิธรรมปิฎก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระอภิธรรมปิฎก (บาลี: Abhidhammapiṭaka) เป็นปิฎกฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามใน "พระไตรปิฎกภาษาบาลี" (Pali Canon) อภิธรรม มาจาก อภิ- อุปสรรค + ธรรม แปลว่า "ธรรมอันยิ่ง" ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วย ประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วน ๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ และบุคคลเลย

ประวัติ

คำสอนของพระพุทธเจ้า เดิมเรียกว่า "ธรรมวินัย" ทั้งหมด ยังมิได้แยกเป็นปิฎก สามปิฎก ดังพระพุทธวจนะว่า "ธรรมและวินัยใดที่เราตถาคตแสดงไว้แล้ว บัญญัติไว้แล้ว ธรรมและวินัยนั้น จะเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อเราตถาคตล่วงลับ ไปแล้ว" ต่อมาในการสังคายนาครั้งที่สาม ในศาสนาพุทธ พระธรรมวินัย ได้รับการ แบ่งแยกออกเป็น ปิฎกสามปิฎก คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และ พระอภิธรรมปิฎก

อรรถกาอัตถสาลินี อันเป็นอรรถกาที่อธิบายคัมภีร์สังคณี แห่งพระอภิธรรมปิฎก และอรรถกาธัมมปทัฏฐกา อันเป็นอรรถกถาที่อธิบายคัมภีร์ธรรมบท แห่ง พระสุตตันตปิฎก ว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จขึ้นไปเทศน์ พระอภิธรรมโปรด พระพุทธมารดา บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่ 7 หลังจากทรงตรัสรู้ และได้ทรงถ่ายทอดพระอภิธรรมนั้น แก่พระสารีบุตรในเวลาต่อมา

มีผู้สันนิษฐานว่าพระอภิธรรมปิฎกนี้ เป็นของแต่งขึ้นใหม่ โดยมีเหตุผล ได้แก่

1.สำนวนในการเขียนพระอภิธรรมปิฎกเป็น ภาษาหนังสือ แตกต่างจากสำนวนภาษา ในพระวินัยปิฎก และพระสุตตันตปิฎก

2. หลักมหาปเทส ให้สาวก เทียบเคียงความ ถูกต้อง กับพระสูตรและพระวินัย ไม่ปรากฏว่าให้เทียบเคียงกับพระอภิธรรมปิฎกเลย

3.ข้ออ้างเรื่องพระพุทธเจ้า เสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ ไม่ปรากฏในพระสูตร และพระวินัย

4. คำว่า อภิธมฺเม ที่ปรากฏในพระสูตร บางแห่ง หมายถึง โพธิปักขิยธรรม

5.พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า ธมฺโม จ วินโย จ หมายถึงพระธรรม กับพระวินัย เท่านั้น (ที่ให้เป็นศาสดาแทนต่อไป)

6. ยญฺจ โข ภควตา ชานตา ปสฺสตา ซึ่งแปลว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้ารู้อยู่ เห็นอยู่" และวุตฺตญฺเจตํ ภควตา ซึ่งแปลว่า พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสไว้ดังนี้ เป็นสำนวนของ พระสังคีติกาจารย์

7. นิกายสรวาสติวาทิน (นิกายอภิธรรม) ถือว่าพระอภิธรรมปิฎกเป็น สาวกภาษิต


องค์ประกอบ

สำหรับพระอภิธรรมปิฎกนั้น แบ่งออกเป็นเจ็ดคัมภีร์ ซึ่งเรียกย่อว่า สํ. วิ. ธา. ปุ. ก. ย. และ ป. ตามลำดับ ประกอบไปด้วย

๑) ธัมมสังคณี (เรียกโดยย่อว่า "สํ.") - รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้ว อธิบาย ทีละประเภท

๒) วิภังค์ (เรียกโดยย่อว่า "วิ.") - ยกหมวดธรรมขึ้นตั้งเป็นหัวข้อเรื่องแล้ว แยกแยะออก อธิบายชี้แจง วินิจฉัยโดยละเอียด

๓) ธาตุกถา (เรียกโดยย่อว่า "ธา.") - สังเคราะห์ หรือจัดประเภทข้อธรรมต่าง ๆ เข้าเป็นหมวดเป็นหมู่ดังต่อไปนี้ คือ ขันธ์ อายตนะ และธาตุ

๔) ปุคคลบัญญัติ (เรียกโดยย่อว่า "ปุ.") - บัญญัติความหมายบุคคลประเภทต่าง ๆ ตามคุณธรรมที่มีอยู่

๕) กถาวัตถุ (เรียกโดยย่อว่า "ก.") - แถลงและวินิจฉัยทัศนะ ที่ขัดแย้งกัน ของ นิกายต่าง ๆ

6) ยมก (เรียกโดยย่อว่า "ย.") - ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ โดยตั้ง คำถามย้อนกันเป็นคู่ ๆ

7) ปัฏฐาน หรือมหาปกรณ์ (เรียกโดยย่อว่า "ป.") - อธิบายปัจจัย 24 และแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมทั้งหลายอย่างละเอียด


ในสมัยสังคายนาครั้งที่ 3 โดยเน้นความถูกต้องของฝ่ายเถรวาท คัมภีร์นี้เป็นบท นิพนธ์ของ พระโมคคลีบุตรติสสเถระ ยมก (เรียกโดยย่อว่า "ย.") - ยกหัวข้อธรรม ขึ้น วินิจฉัยด้วย วิธีถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ ๆ ปัฏฐาน หรือมหาปกรณ์ (เรียกโดยย่อว่า "ป.") - อธิบายปัจจัย 24 และแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างธรรมทั้งหลาย อย่างละเอียด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



https://84000.org › tipitaka
(คัดลอกจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ โดยพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)

ความหมายของ พระอภิธรรมปิฎก

พระอภิธรรมปิฎก ประมวลพระพุทธพจน์หมวดพระอภิธรรม คือ หลักธรรม และคำอธิบาย ที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ แบ่งเป็น ๗ คัมภีร์ (เรียกย่อหรือหัวใจว่า สํ วิ ธา ปุ ก ย ป) คือ
๑. สังคณี หรือ ธัมมสังคณี รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้วอธิบายทีละประเภท ๆ
๒. วิภังค์ ยกหมวดธรรมสำคัญ ๆ ขึ้นตั้งเป็นหัวเรื่องแล้วแยกแยะออก อธิบายชี้แจง วินิจฉัยโดยละเอียด
๓. ธาตุกถา สงเคราะห์ข้อธรรมต่าง ๆ เข้าในขันธ์ อายตนะ ธาตุ
๔. ปุคคลบัญญัติ บัญญัติความหมายของบุคคลประเภทต่างๆ ตามคุณธรรมที่มีอยู่ใน บุคคลนั้นๆ
๕. กถาวัตถุ แถลงและวินิจฉัยทัศนะของนิกายต่างๆ สมัยสังคายนาครั้งที่ ๓
๖. ยมก ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ๆ
๗. ปัฏฐาน หรือ มหาปกรณ์ อธิบายปัจจัย ๒๔ แสดงความสัมพันธ์เนื่องอาศัยกัน แห่ง ธรรมทั้งหลายโดยพิสดาร

พระอภิธรรมปิฎก ๑๒ เล่ม

เล่ม ๓๔ ธัมมสังคณี ต้นเล่มแสดง มาติกา (แม่บท) อันได้แก่บทสรุปแห่งธรรม ทั้งหลาย ที่จัดเป็นชุดๆ มีทั้งชุด ๓ เช่น จัดทุกสิ่งทุกอย่างประดามีเป็นกุศลธรรม อกุศลธรรม อัพยากฤตธรรม ชุดหนึ่ง เป็นอดีตธรรม อนาคตธรรม ปัจจุบันธรรม ชุดหนึ่ง ฯลฯ และชุด ๒ เช่น จัดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสังขตธรรม อสังขตธรรม ชุดหนึ่ง รูปีธรรม อรูปีธรรม ชุดหนึ่ง โลกียธรรม โลกุตตรธรรม ชุดหนึ่งเป็นต้น รวมทั้งหมดมี ๑๖๔ ชุด หรือ ๑๖๔ มาติกา จากนั้นขยายความมาติกาที่ ๑ เป็นตัวอย่าง แสดงให้เห็นกุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากฤตธรรม ที่กระจายออกไปโดย จิต เจตสิก รูป และนิพพาน ท้ายเล่มมีอีก ๒ บท แสดงคำอธิบายย่อ หรือคำจำกัดความข้อธรรมทั้งหลาย ในมาติกาที่กล่าวถึงข้างต้น จนครบ ๑๖๔ มาติกา ได้คำจำกัดความข้อธรรมใน ๒ บท เป็น ๒ แบบ (แต่บทท้าย จำกัดความไว้เพียง ๑๒๒ มาติกา)

เล่ม ๓๕ วิภังค์ ยกหลักธรรมสำคัญ ๆ ขึ้นมาแจกแจงแยกแยะอธิบาย กระจายออก ให้เห็นทุกแง่ จนชัดเจนจบไปเป็นเรื่องๆ รวมอธิบายทั้งหมด ๑๘ เรื่อง คือ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘อริยสัจจ์ ๔ อินทรีย์ ๒๒ ปฏิจจสมุปบาท สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ โพชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ ฌาน อัปปมัญญา ศีล ๕ ปฏิสัมภิทา ๔ ญาณประเภทต่าง ๆ และเบ็ดเตล็ดว่าด้วยอกุศลธรรมต่างๆ อธิบายเรื่องใด ก็เรียกว่าวิภังค์ ของเรื่องนั้นๆ เช่นอธิบายขันธ์ ๕ ก็เรียกขันธวิภังค์ เป็นต้น รวมมี ๑๘ วิภังค์

เล่ม ๓๖ ธาตุกถา นำข้อธรรมในมาติกาทั้งหลายและข้อธรรมอื่นๆ อีก ๑๒๕ อย่าง มาจัดเข้าในขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ และธาตุ ๑๘ ว่าข้อใดได้หรือไม่ได้ในอย่างไหนๆ และปุคคลบัญญัติ บัญญัติความหมายของชื่อที่ใช้เรียกบุคคลต่างๆ ตามคุณธรรม เช่นว่า “โสดาบัน” ได้แก่ บุคคลผู้ละสังโยชน์๓ ได้แล้ว ดังนี้เป็นต้น

เล่ม ๓๗ กถาวัตถุ คัมภีร์ที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ เรียบเรียงขึ้น เพื่อแก้ความเห็นผิดของนิกายต่างๆ ในพระพุทธศาสนาครั้งนั้น ซึ่งได้ แตกแยกกันออกแล้วถึง ๑๘ นิกาย เช่นความเห็นว่า พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการเกิดได้ ทุกอย่างเกิดจากกรรมเป็นต้น ประพันธ์เป็นคำปุจฉา วิสัชนา มีทั้งหมด ๒๑๙ กถา

เล่ม ๓๘ ยมก ภาค ๑ คัมภีร์อธิบายหลักธรรมสำคัญให้เห็นความหมาย และขอบเขต อย่างชัดเจน และทดสอบความรู้อย่างลึกซึ้ง ด้วยวิธีตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ๆ (ยมก แปลว่า คู่) เช่นถามว่า ธรรมทั้งปวงที่เป็นกุศล เป็นกุศลมูล หรือว่าธรรมทั้งปวงที่เป็น กุศลมูล เป็นกุศล, รูป (ทั้งหมด) เป็นรูปขันธ์ หรือว่ารูปขันธ์(ทั้งหมด) เป็นรูป, ทุกข์ (ทั้งหมด) เป็นทุกขสัจจ์ หรือว่าทุกขสัจจ์ (ทั้งหมด) เป็นทุกข์ หลักธรรมที่นำมาอธิบายใน เล่มนี้มี ๗ คือ มูล (เช่นกุศลมูล) ขันธ์ อายตนะ ธาตุ สัจจะ สังขาร อนุสัย ถามตอบ อธิบายเรื่องใด ก็เรียกว่ายมกของเรื่องนั้นๆ เช่น มูลยมก ขันธยมก เป็นต้น เล่มนี้จึงมี ๗ ยมก

เล่ม ๓๙ ยมก ภาค ๒ ถามตอบอธิบายหลักธรรม เพิ่มเติมจากภาค ๑ อีก ๓ เรื่อง คือ จิตตยมก ธรรมยมก (กุศล-อกุศล-อัพยากตธรรม) อินทรียยมก บรรจบเป็น ๑๐ ยมก

เล่ม ๔๐ ปัฏฐาน ภาค ๑ คัมภีร์ปัฏฐานอธิบายปัจจัย ๒๔ โดยพิสดาร แสดงความสัมพันธ์ อิงอาศัย เป็นปัจจัยแก่กันแห่งธรรมทั้งหลาย ในแง่ด้านต่างๆ ธรรมที่นำมาอธิบาย ก็คือ ข้อธรรมที่มีในมาติกา คือแม่บทหรือบทสรุปธรรม ซึ่งกล่าวไว้แล้วในคัมภีร์สังคณีนั่นเอง แต่อธิบายเฉพาะ ๑๒๒ มาติกาแรกที่เรียกว่า อภิธรรมมาติกา

ปัฏฐานเล่มแรกนี้ อธิบายความหมายของ ปัจจัย ๒๔ เป็นการปูพื้นความเข้าใจ เบื้องต้น ก่อน จากนั้นจึงเข้าสู่เนื้อหาของเล่ม คือ อนุโลม

ติกปัฏฐาน อธิบายความ เป็นปัจจัยแก่กัน แห่งธรรมทั้งหลาย ในแม่บทชุด ๓ (ติกมาติกา) โดยปัจจัย ๒๔ นั้น เช่นว่า

กุศลธรรมเป็นปัจจัย แก่กุศลธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย (เพราะศรัทธา จึงให้ทาน จึง สมาทาน ศีล จึงบำเพ็ญฌาน จึงเจริญวิปัสสนา ฯลฯ)

กุศลธรรมเป็นปัจจัยแก่อกุศลธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย (คิดถึงทานที่ตนได้ให้ ศีลที่ได้ รักษาแล้ว ดีใจ ยึดเป็นอารมณ์แน่นหนา จนเกิดราคะ ทิฏฐิ, มีศรัทธา มีศีล มีปัญญา แล้วเกิดมานะว่า ฉันดีกว่า เก่งกว่า หรือเกิดทิฏฐิว่า ต้องทำอย่างเรานี้เท่านั้น จึงถูกต้อง ฯลฯ)

อกุศลธรรมเป็นปัจจัยแก่กุศลธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย (เพราะความอยากบางอย่าง หรือ เพราะ มานะ หรือทิฏฐิ จึงให้ทาน จึงรักษาศีล จึงทำฌานให้เกิด ฯลฯ)

กุศลธรรมเป็นปัจจัยแก่ อกุศลธรรม โดยอารัมมณปัจจัย (คิดถึงฌานที่ตนเคยได้ แต่มา เสื่อมไปเสียแล้ว เกิดความโทมนัส ฯลฯ) อย่างนี้เป็นต้น (เล่มนี้อธิบายแต่ในเชิงอนุโลม คือตามนัย ปกติไม่อธิบาย ตามนัยปฏิเสธจึงเรียกว่าอนุโลมปัฏฐาน)

เล่ม ๔๑ ปัฏฐาน ภาค ๒ อนุโลมติกปัฏฐาน ต่อ คือ อธิบายความเป็นปัจจัยแก่กัน แห่งธรรมทั้งหลายในแม่บทชุด ๓ ต่อจากเล่ม ๔๐ เช่น อดีตธรรมเป็นปัจจัย แก่ปัจจุบัน ธรรม โดยอารัมมณปัจจัย (พิจารณารูปเสียงเป็นต้น ที่ดับเป็นอดีตไปแล้ว ว่าเป็นของ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดความโทมนัสขึ้น ฯลฯ) เป็นต้น

เล่ม ๔๒ ปัฏฐาน ภาค ๓ อนุโลมทุกปัฏฐาน อธิบายความเป็นปัจจัยแก่กัน แห่งธรรม ทั้งหลายในแม่บทชุด ๒ (ทุกมาติกา) เช่น โลกียธรรมเป็นปัจจัย แก่โลกียธรรม โดย อารัมมณปัจจัย (รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ) ดังนี้ เป็นต้น

เล่ม ๔๓ ปัฏฐาน ภาค ๔ อนุโลมทุกปัฏฐาน ต่อ

เล่ม ๔๔ ปัฏฐาน ภาค ๕ ยังเป็นอนุโลมปัฏฐาน แต่อธิบายความเป็นปัจจัยแก่กัน แห่งธรรมทั้งหลายในแม่บทต่างๆ ข้ามชุดกันไปมา ประกอบด้วย

อนุโลมทุกติกปัฏฐาน ธรรมในแม่บทชุด ๒ (ทุกมาติกา) กับธรรมในแม่บทชุด ๓ (ติกมาติกา) เช่น อธิบาย "กุศลธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นปัจจัยแก่กุศลธรรม ที่เป็นโลกียธรรม โดยอธิปติปัจจัย" เป็นอย่างไร เป็นต้น

อนุโลมติกทุกปัฏฐาน ธรรมในแม่บทชุด ๓ (ติกมาติกา) กับธรรมในแม่บทชุด ๒ (ทุกมาติกา)

อนุโลมติกติกปัฏฐาน ธรรมในแม่บทชุด ๓ (ติกมาติกา) กับธรรมในแม่บทชุด ๓ (ติกมาติกา) โยงระหว่างต่างชุดกัน เช่นอธิบายว่า "กุศลธรรมที่เป็นอดีตธรรมเป็นปัจจัยแก่ อกุศลธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม" เป็นอย่างไร เป็นต้น

อนุโลมทุกทุกปัฏฐาน ธรรมในแม่บทชุด ๒ (ทุกมาติกา) กับธรรมในบทชุด ๒ (ทุกมาติกา) โยงระหว่างต่างชุดกัน เช่นชุดโลกียะ โลกุตตระ กับชุดสังขตะอสังขตะ เป็นต้น

เล่ม ๔๕ ปัฏฐาน ภาค ๖ เป็นปัจจนียปัฏฐาน คืออธิบายความเป็นปัจจัยแก่กัน แห่งธรรม ทั้งหลายอย่างเล่มก่อนๆ นั่นเอง แต่อธิบายแง่ปฏิเสธ แยกเป็น

ปัจจนียปัฏฐาน คือ ปฏิเสธ+ปฏิเสธ เช่นว่า ธรรมที่ไม่ใช่กุศล อาศัยธรรมที่ไม่ใช่กุศล เกิดขึ้น โดยเหตุปัจจัย เป็นอย่างไร

อนุโลมปัจจนียปัฏฐาน คือ อนุโลม+ปฏิเสธ เช่นว่า อาศัยโลกิยธรรม ธรรมที่ไม่ใช่ โลกุตตรธรรม เกิดขึ้นโดยเหตุปัจจัย เป็นอย่างไร

ปัจจนียานุโลมปัฏฐาน คือ ปฏิเสธ+อนุโลม เช่นว่า อาศัยธรรมที่ไม่ใช่กุศลธรรม ที่เป็น อกุศล เกิดขึ้น โดยเหตุปัจจัย เป็นอย่างไร และในทั้ง ๓ แบบนี้ แต่ละแบบ จะอธิบาย โดยใช้ ธรรม ในแม่บทชุด ๓ แล้วต่อด้วยชุด ๒ แล้วข้ามชุดระหว่างชุด ๒ กับชุด ๓ ชุด ๓ กับชุด ๒ ชุด ๓ กับชุด ๓ ชุด ๒ กับชุด ๒ จนครบทั้งหมดเหมือนกัน

ดังนั้นแต่ละแบบ จึงแยกซอยละเอียดออกไปเป็น ติก ทุก ทุกติก ติกทุก ติกติก ทุกทุก ตามลำดับ (เขียนให้เต็มเป็น ปัจจนียติกปัฏฐาน ปัจจนียทุกปัฏฐาน ปัจจนีย ทุกติกปัฏฐาน ฯลฯ ดังนี้เรื่อยไป จนถึงท้ายสุดคือ ปัจจนียานุโลม ทุกทุกปัฏฐาน)

คัมภีร์ปัฏฐานนี้ ท่านอธิบายค่อนข้างละเอียด เฉพาะเล่มต้นๆ เท่านั้น เล่มหลังๆ ท่านแสดงไว้แต่หัวข้อหรือแนว และทิ้งไว้ให้ผู้เข้าใจแนวนั้น แล้วเอาไปแจกแจง โดยพิสดารเอง โดยเฉพาะเล่มสุดท้ายคือภาค ๖ แสดงไว้ย่นย่อที่สุด แม้กระนั้นก็ยังเป็น

หนังสือถึง ๖ เล่ม หรือ ๓,๓๒๐ หน้ากระดาษพิมพ์ ถ้าอธิบายโดยพิสดาร ทั้งหมด จะเป็น เล่มหนังสืออีกจำนวนมากมาย หลายเท่าตัว ท่านจึงเรียกปัฏฐานอีกชื่อหนึ่ง ว่า "มหาปกรณ์" แปลว่า ตำราใหญ่ ใหญ่ทั้งโดยขนาด และโดยความสำคัญ

พระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า
พระไตรปิฎกมีเนื้อความทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็น
พระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
พระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
พระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์


  พระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑






  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
 

  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓
 

  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๔
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๕
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๖
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๗
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๙
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๐
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๑
 
 
  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑๒
 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์