"ทสุตตรสูตร" พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๒๕๓ - ๒๕๔
ทสุตตรสูตร
ธรรม ๓ อย่างมีอุปการะมาก (ย่อ)
ข้อ [๓๘๘]-[๓๙๘]
[๓๘๘] ธรรม ๓ อย่างมีอุปการะมาก ธรรม ๓ อย่างควรให้เจริญ ธรรม๓ อย่างควร กำหนดรู้ ธรรม ๓ อย่างควรละ ธรรม ๓ อย่างเป็นไปในส่วนข้างเสื่อมธรรม ๓ อย่างเป็นไป
ในส่วนข้างวิเศษ ธรรม ๓ อย่างแทงตลอดได้ยาก ธรรม๓ อย่างควรให้บังเกิดขึ้น ธรรม ๓ อย่างควรรู้ยิ่ง ธรรม ๓ อย่างควรทำให้แจ้ง ฯ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ธรรม ๓ อย่างที่ มีอุปการะมาก เป็นไฉน คือ
๑) การคบหาสัตบุรุษ
๒)
การฟังธรรมของ สัตบุรุษ
๓)
การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรให้เจริญ เป็นไฉน คือ
สมาธิ ๓ ได้แก่
๑) สมาธิมีวิตกมีวิจาร
๒) สมาธิไม่มีวิตกมีแต่วิจาร
๓) สมาธิไม่มีวิตกไม่มีวิจาร
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรกำหนดรู้ เป็นไฉน คือ เวทนา ๓
ได้แก่
๑) สุขเวทนา
๒) ทุกขเวทนา
๓) อทุกขมสุขเวทนา
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรละ เป็นไฉน คือ ตัณหา ๓
ได้แก่
๑) กามตัณหา
๒)
ภวตัณหา
๓) วิภวตัณหา
ธรรม ๓ อย่างที่ เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม เป็นไฉน คือ อกุศลมูล ๓
ได้แก่
๑) อกุศลมูล คือ โลภะ
๒) อกุศลมูล คือ โทสะ
๓) อกุศลมูล คือ โมหะ
ธรรม ๓ ที่ เป็นไปในส่วนข้างวิเศษ เป็นไฉน คือกุศลมูล ๓ อย่างได้แก่
๑) กุศลมูล คือ อโลภะ
๒) กุศลมูล คือ อโทสะ
๓) กุศลมูล คือ อโมหะ
ธรรม ๓ อย่างที่ แทงตลอดได้ยาก เป็นไฉน คือธาตุเป็นที่ตั้งแห่งความสลัดออก ๓ คือ
๑) เนกขัมมะ เป็นที่ถ่ายถอนกาม
๒) อรูป เป็นที่ถ่ายถอนรูป
๓) นิโรธ เป็นที่ถ่ายถอน สิ่งที่เกิดแล้ว อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยเหตุเกิดขึ้นแล้ว อย่างใดอย่างหนึ่ง
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรให้บังเกิดขึ้น เป็นไฉน คือญาณ ๓
ได้แก่
๑) อตีตังสญาณ
๒)
อนาคตังสญาณ
๓) ปัจจุปันนังสญาณ
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรรู้ยิ่ง เป็นไฉน คือธาตุ ๓
ได้แก่
๑) กามธาตุ
๒) รูปธาตุ
๓) อรูปธาตุ
ธรรม ๓ อย่างที่ ควรทำให้แจ้ง เป็นไฉน คือวิชชา ๓ ได้แก่
๑) วิชชาคือความรู้ระลึกถึง ชาติหนหลังได้ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ)
๒) วิชชาคือความรู้ในการจุติ และอุปบัติของ สัตว์ทั้งหลาย (จุตูปปาตญาณ)
๓) วิชชาคือความรู้ในความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย (อาสวักขยญาณ)
ธรรมทั้ง ๓๐ ดังพรรณนามานี้ เป็นของจริง แท้ แน่นอน ไม่ผิดพลาดไม่เป็นอย่างอื่น อันพระตถาคตตรัสรู้แล้วโดยชอบ
|