เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม

     เรื่องทั่วไป ในวงการศาสนา ข่าวในวงการสงฆ์ กฎหมายปกครองสงฆ์
ค้นหาคำที่ต้องการ          

  กฎหมายพระสงฆ์ สมัยรัชกาลที่ ๑ ฉบับที่ ๑๐ (ภาษาดั่งเดิม) N123
Page ฉบับที่ ให้ไว้แก่
N114 ข้าทูลละอองธุลีฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือน ฝ่ายน่า ฝ่ายใน ขอเฝ้าเจ้าต่างกรม กรมพระราชวังบวร
N115 สังฆการีธรรมการ พระสงฆ์ราชาคณะ อธิการฝ่ายคันธธุระ วิปัศนาธุระ นอกกรุงในกรุงหัวเมือง ๑-๒-๓-๔
N116 สังฆการีธรรมการ พระสงฆ์ราชาคณะ เจ้าอธิการ อนุจรฝ่าย คันธธุระ วิปัศนาธุระ นอกกรุง ในกรุงเทพ
N117 สังฆการีธรรมการ พระสงฆ์ราชาคณะ เจ้าอธิการ อนุจรในกรุง นอกกรุง หัวเมือง ๑-๒-๓-๔
N118 สังฆการีธรรมการ พระราชาคณะ เจ้าอธิการ ฝ่ายคันธธุระ วิปัศนาธุระ นอกกรุงในกรุง แขวง จังหวัดหัวเมือง
N119 สังฆการีธรรมการ พระราชาคณะ เจ้าอธิการ อนุจรแลข้าทูลละออง
N120 สังฆการีธรรมการ พระสงฆ์ราชาคณะ ผู้ใหญ่ผู้น้อย เจ้าอธิการ ฝ่ายคันธธุระ วิปัศนาธุระ นอกกรุงในกรุง หัวเมือง
N121 พระสุรัศวะดีซ้ายขวา ในนอก ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าหลวงกรม พระราชวังบวร
N122 พระราชาคณะ เจ้าอธิการ  านานุกรม ในกรุงนอกกรุง แขวง จังหวัด หัวเมือง  ๑-๒-๓-๔ ปากใต้ ฝ่ายเหนือ
N123 ๑๐ เจ้าพระยาและพระยา พระหลวง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น พัน ทนาย ฝ่ายทหาร พลเรือน มหาดเลก
 

กฎหมายพระสงฆ์ สมัยรัชกาลที่ ๑ จุลศักราช ๑๑๒๔ (พ.ศ.๒๓๒๖)

กฎหมายพระสงฆ์ ฉบับที่ ๑๐



        
กฎให้แก่เจ้าพระยาและพระยา พระ หลวง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น พัน ทนาย ฝ่ายทหาร พลเรือน มหาดเลก ขอเฝ้าเจ้า ต่างกรม ฝ่ายน่า ฝ่ายใน แลกรมพระราช วังบวร สฐานมงคล แล กรมพระราชวังบวรสฐานภิมุข ฝ่ายหลัง แลผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการหัวเมือง ๑-๒-๓-๔ ปากใต้ ฝ่ายเหนือ ทั้งปวง จงทั่ว

         ด้วยสมเด็จบรมนารถบรมพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณธรรมอนันตา สัมภารา ดิเรก เอกพิบูลยสุนธรราชศรัทธา เปนอัคมหาสาศนุปถัมภก พระพุทธ สาศนา จำเริญ ศรีสวัสดิ์ ทั้งพระบริญัติ และปฏิปติสาศนา ให้ถาวรารุ่งเรืองไป เปนที่ เลื่อมใส นมัศการ บูชา แก่เทพยดา มนุษยทั้งปวง  เสด็จออก ณ พระที่นั่งดุสิดา มหาปราสาท โดยบูรพาพิมุข พร้อมด้วยอัคมหามนตรี กระวีชาติราชปะโรหิตา โหราราชบัณฑิตย เฝ้าพระบาทบงกชมาส สั่งว่า ทรงตั้งพระไทย ด้วยพระราชศรัทธา จะทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา ให้บริบูรณไป ด้วยรัศมีแก้วทั้งสาม

         กล่าวคือ พระพุทธรัตน พระธรรมรัตน พระสังฆรัตน ให้เปนเนื้อนาบุญอัน ประเสริฐ แก่สัปุรุษยทายก ทั้งปวง บัดนี้ พระสงฆ์อันนับเข้า ในพระพุทธชิโนรส มิได้มีหิริ โอตัปะ คบหากัน ทำอุลามก เปนอะลัชชีภิกษุ คือ เสพสุรายาเมา น้ำตาล ซ่มแล โภชนอาหาร ของกัดของเคี้ยว เวลาปัจฉาภัตร

         และในราตรีก็มีบ้าง ลางเหล่า เอาผ้า พาดบาตรเหล็ก ไปขาย แลกเหล้า เล่นเบี้ยเสีย มิได้ครองไตรยจีวร กระทำจอมปลอมเหมือนสามเณร มิได้ปลงผมโกน หนึ่ง สองโกนบ้าง เที่ยวกลางวัน กลางคืน ดูโขน ดูหนัง ดูหุ่นดู ลคอน เบียดเสียด อุบาศกสีกา พูดจาตลก คนอง เฮฮา หยาบช้าทารุน ลางเหล่าเหนเด็กชาย ลูกข้าราชการ อาณาประชาราษฎร รูปร่างหมดหน้า ก็พูดจาเกลี้ยกล่อม ชักชวนไปไว้ แล้วกอดจูบหลับนอน เคล้าคลึง ไปไหนเอาไปด้วย แต่งตัวเด็กโอ่อวด ประกวด กันเรียกว่า ลูกสวาศ ลูกสุดใจ 

         ก็มีบ้างที่ช่วงชิงลูกสวาศ เกิดความหึงษาพยาบาท จนเกิดวิวาทตีรันกันตาย ด้วยไม้ กระบองซั่น พิจารณาได้ตัว มารับ เปนสัตย ได้ไม้กระบองซั่น เปนหลายอัน ลางพวก เหนสลุบกำปั่น สำเภาจีนเข้ามา ก็ขึ้นเที่ยวบนสำเภา ซุกซน ซื้อหา ของเล่น อนละวน จีนจามฝรั่ง ให้เดียรัดถียนครณฐดูหมิ่นก็มีบ้าง

         ลางพวกก็เที่ยวซื้อผ้าแพรพรรณ ในพ่วงแพ แลร้านแขก ร้านจีน เอาไปเย็บ ย้อม เปนผ้าพาด ผ้าจีวร สบง สใบ รัดประคต กราบพระ อังษะ กระทำเปนศรีแสด ศรีชมภู นุ่งครอง ให้ต้องอาบัติ เปนมหานิศสัคคีทุกครั้ง  ลางพวก ก็นุ่งแดงห่มแดง ลางพวก ก็นุ่งห่มเปน แต่ศรีกร้ำกรุ่น อำปลัง คาดรัดประคตบ้าง ไม่คาดรัดประคตบ้าง คลุมศีรษะ สูบบุหรี่ ดอกไม้ห้อยหู เดินกรีดกราย ตามกันดุจฆราวาศ

         ลางจำพวกขึ้น พระพุทธบาท  เดินทางคาดกระตุด โพกประเจียก ถือดาบ ถือกระบี่ ถือกฤช ดุจพวกโจร ถึงพระพุทธบาท แล้ว คุมกันเปนพวก ๆ กลางวัน เข้าถ้ำร้อง ลคอน ลำนำ หยอกสีกา กลางคืนก็คลุมศีษะตามกัน ตีวงร้องปรบไก่ ดุจฆราวาศ

         ลางจำพวกเปนนักสวด สัปุรุษยทายกนิมนตสวดพระมาไลย  ไม่สวดต้อง ตาม เนื้อความ พระบาฬี  ร้องเปนลำนำแขก ญวณ จีน มอญ ฝรั่ง แล้วฉัน สาคูเปียก แกงบวด เมี่ยงซ่ม เมี่ยงใบกล้วยอ้อย ก็มีบ้าง แลซึ่งพระสงฆ์สามเณร กระทำจลาจล เปนมหาโจรปล้นพระสาศนาดังนี้ เพราะพระสงฆ์ พระราชาคณะ ถานานุกรม เจ้าอธิการ ละเมินเสีย มิได้ดูกำชับห้ามปราม

         บัดนี้ ให้พระราชาคณะ ถานานุกรม สังฆการีธรรมการ ราชบัณฑิตยพร้อมกัน ชำระ พระสงฆ์ ซึ่งเปน อะลัชชีภิกษุ พิจารณา รับเปนสัตย ให้พระราชทานผ้าขาว ศึกออก เสียจากพระศาสนา เปนคน ๑๒๘ สักแขนเปนไพร่หลวง  ใช้ราชการที่หนัก หวังมิให้ ดูเยี่ยงอย่างกัน

        แต่นี้สืบไปเมื่อน่า ถ้าผู้ใดเหนพระสงฆ์ กระทำอุลามกอะลัชชี ภิกษุ เสพสุรา ยาเมา กินน้ำตาลซ่ม แลตลก คนอง เล่นเบี้ย ชนไก่ กระทำให้ผิดเพศสมณะ ไม่ต้อง ด้วยพระวินัยบัญญัติให้ ว่ากล่าวตักเตือน ถ้ามิฟังให้ไปบอกเจ้าอธิการ  เจ้าคณะ

        อนึ่ง  ถ้าผู้ใดล้มตาย ห้ามอย่าให้เจ้าภาพนิมนตพระสงฆ์ สวดพระมาไลย ให้นิมนต สวดแต่พระอภิธรรม และ สวดสำรวดไปตามปรกติ อย่าให้ร้องเปนลำนำ แขก จีน ฝรั่ง ญวน แลให้เจ้าภาพปรปฏิบัติเปนแต่อัฐบาน น้ำชา ยาเสียง อย่าให้ เลี้ยงสาคู แกงบวด เมี่ยงซ่ม เมี่ยงใบกล้วยอ้อย ของกัดของเคี้ยว เปนอันขาด ถ้า ฆราวาศ ที่มาช่วยจะ สวดพระมาไลย ก็ตามเถิด แต่อย่าให้สวดเปนลำนำตลกคนอง

        ประการหนึ่ง ห้ามอย่าให้อาณาประชาราษฎร ลูกค้าร้านแพแจกจีน ไทย ขายผ้าแพรพรรณ แก่พระสงฆ์สามเณร เปนอันขาดทีเดียว ถ้าผู้ใดมิฟัง ยังขืนคบหา พระสงฆ์สามเณรให้สวดพระมาไลยเล่นตลกคนอง แลขายผ้าแพพรรณ แก่พระสงฆ์ แก่สามเณร ดุจหนึ่งแต่หลัง จะเอาตัวเปนโทษจงหนัก

        แลให้พระสัศดีหมายบอก ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ให้กรมพระนครบาล นายอำเภอประกาศป่าวร้อง อาณา ประชาราษฎร ลูกค้าวานิช พ่วงแพ  ร้านแขก จีนไทย แลให้มหาดไทย กะลาโหม กรมท่ามีตราไปถึงหัวเมือง ทั้งปวง จงทั่ว

        กฎให้ไว้ ณ วันอังคาร เดือนเจ็ด แรมสิบสามค่ำ จุลศักราช ๑๑๖๓ ปีรกา นักษัตรตรีศก

กฎหมายพระสงฆ์นี้ประกาศใช้ในรัชกาลที่ ๑

จากหนังสือกฎหมายเมืองไทย เล่ม ๒ หน้า ๑๔๒  พุทธศักราช ๒๔๓๙

 



 
หนังสือพุทธวจน : ออนไลน์
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์