เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  พระเทวทัต (ตอนที่ ๖) พระเทวทัตแสดงฤทธิ์ แปลงร่างเป็นกุมารน้อยมีความคิดจะปกครองสงฆ์ 990
 
  เรื่องพระเทวทัต
  (ความย่อ

พระเทวทัต แสดงฤทธิ์
พระเทวทัตหวังให้คนมาเลื่อมใสตน เพื่อหวังลาภสักการะ ที่จะมีมากขึ้น จึงแปลงร่างเป็นกุมารน้อย มีงูพันเอว ขึ้นไปนั่งบนตัก อชาตสัตตุกุมารวัยหนุ่ม ทำให้อชาตสัตตุตกใจ พระเทวทัตจึงถาม ว่า กลัวไม๊  อชาตฯบอกกลัว พระเทวทัตจึงแปลงร่างกลับมาสู่ร่างเดิม.. ครั้งนั้น ทำให้อชาตฯ เลื่อมใส พระเทวทัต จึงบำรุงบำเรอทั้งเช้าและเย็นด้วยรถ ๕๐๐ คัน อาหาร ๕๐๐ สำรับ ทำให้พระเทวทัต เกิดอกุศลขึ้นใจ(จิตตุปทาน) คิดการใหญ่ที่จะปกครองสงฆ์ (แทนพระพุทธเจ้า)

เทวดาแจ้งพระโมคคัลลานะ
โกฬิยบุตรชื่อ กักกุธะ เป็นอุปัฏฐากของพรโมคคัลลานะผู้ตายไม่นาน ได้เข้าถึงวาระจิตของ พระโมคคัลลานะ ว่าพระเทวัตได้เสื่อมจากฤทธิ์ นั้นแล้ว และมีจิตที่คิดอกุศล

พระโมค และ กักกุธะ เข้าเฝ้า
พระมหาโมคคัลลานะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลเรื่องพระเทวทัตให้ทรงทราบ ตามที่ โกฬิยบุตร ได้เข้าถึงวาระจิตของตน (เข้าถึงมโนมัยกาย) ครั้งนั้น กักกุธะเทพบุตร(เทวดา)เข้าไปหา พระพุทธเจ้าแจ้งว่า พระเทวทัต อันลาภสักการะครอบงำ รึงรัดจิตแล้ว ได้เกิดความปราถนา “เราจักปกครองภิกษุสงฆ์ “ จากนั้นได้ อภิวาท  กระทำประทักษิณแล้วหายไป

พระเทวทัตทูลขอปกครองสงฆ์
ให้เหตุผลว่า พระผู้มีพระภาคทรงพระชราแล้ว เป็นผู้เฒ่า แก่หง่อม ขอจงทรงขวน ขวายน้อย ประกอบทิฏฐธรรม สุขวิหารอยู่เถิด จงมอบภิกษุสงฆ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าฯจักปกครองสงฆ์

พระเทวทัตโกรธจัด ที่ถูกประนามท่ามกลางหมู่สงฆ์
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า แม้แต่สารีบุตรและโมคคัลลานะ เรายังไม่มอบภิกษุสงฆ์ให้ ไฉนจะพึงมอบ ให้เธอ ผู้เช่นทรากศพ ผู้บริโภคปัจจัย เช่นก้อนเขฬะ(น้ำลาย)เล่า.. ทีนั้น พระเทวทัต รู้สึกโกรธ น้อยใจ ที่ถูกประนามท่ามกลางหมู่สงฆ์ ถวายบังคม ทำประทักษิณแล้วกลับไป

(ด้วยเหตุนี่เอง ทำให้พระเทวทัต คิดลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า)


   เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
   การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
   การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
   แสวงหาสัจจะ บำเพ็ญทุกรกิริยา
   ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
   ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
   ปลงสังขาร ปรินิพพาน
   ลำดับขั้นการปรินิพพาน
   เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
   แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
 


เรื่องพระเทวทัต ชุดที่ 6

ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๑๐๙


พระเทวทัต แสดงฤทธิ์
(แปลงร่างเป็นกุมารน้อย และมีความคิดที่จะเป็นใหญ่ในสงฆ์)


           [๓๔๙] ครั้งนั้น พระเทวทัตหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความปริวิตกแห่งจิต อย่างนี้ว่าเราจะพึงยังใครหนอให้เลื่อมใส เมื่อผู้ใดเลื่อมใสต่อเราแล้ว ลาภสักการะ เป็นอันมากจะพึงเกิดขึ้นลำดับนั้น พระเทวทัตได้คิดต่อไปว่า อชาตสัตตุกุมาร* นี้แล ยังหนุ่ม ยังเจริญต่อไป ไฉนเราพึงยังอชาตสัตตุกุมารให้เลื่อมใส เมื่อ อชาตสัตตุกุมาร นั้น เลื่อมใสต่อเราแล้ว ลาภสักการะเป็นอันมากจักเกิดขึ้น
*(อชาตสัตตุกุมาร หรือ พระเจ้าอชาติศัตรู คือบุคคลคนเดียวกัน เป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ราชา แห่งแคว้นมคธ กาลต่อมาพระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้อุปถัมภ์การสังคายนาพุทธศาสนา ณ ถ้ำสุวรรณคูหา)

          ลำดับนั้น พระเทวทัตเก็บเสนาสนะแล้ว ถือบาตร จีวร เดินทางไปยัง กรุง ราชคฤห์ ถึงกรุงราชคฤห์โดยลำดับ แล้วแปลงเพศของตน นิรมิตเพศเป็น กุมารน้อย เอางูพันสะเอว ได้ปรากฏบนพระเพลา(บนตัก) ของ อชาตสัตตุกุมาร ทีนั้น อชาตสัตตุ กุมาร กลัว หวั่นหวาด สะดุ้ง ตกพระทัย พระเทวทัตจึงได้กล่าว กะอชาตสัตตุ กุมารว่า พระกุมาร ท่านกลัวฉัน หรือ
           อ. จ้ะ ฉันกลัว ท่านเป็นใคร
           ท. ฉัน คือ พระเทวทัต
           อ. ท่านเจ้าข้า ถ้าท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าเทวทัต ขอจงปรากฏด้วยเพศ  ของตนทีเดียวเถิด

           ทันใดนั้น พระเทวทัต กลับเพศกุมารน้อยแล้ว ทรงสังฆาฏิ บาตร และ จีวร ได้ยืนอยู่ข้างหน้า อชาตสัตตุกุมาร (แปลงร่างจากกุมารกลับมาเป็นพระเทวทัต)

           ครั้งนั้น อชาตสัตตุกุมาร เลื่อมใสยิ่งนัก ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์นี้ของพระเทวทัต ได้ไปสู่ที่บำรุงทั้งเวลาเย็นทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน และนำภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับ ไปด้วย

           ครั้งนั้น พระเทวทัต อันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำ รึงรัด จิต และเกิดความปราถนาเห็นปานนี้ว่า เราจักปกครองภิกษุสงฆ์ พระเทวทัต ได้เสื่อม จากฤทธิ์นั้น พร้อมกับจิตตุปบาท(คิดอกุศล) ทีเดียว ฯ


เรื่องกักกุธโกฬิยบุตร
(อุปัฏฐากพระโมค หลังตายได้เกิดเป็นเทวดา ได้รายงานความคิดอกุศล ของพระเทวทัต ให้พระโมคทราบ)

           [๓๕๐] สมัยนั้น โกฬิยบุตรชื่อกักกุธะ เป็นอุปัฏฐากของท่านพระมหา โมคคัลลานะผู้ตายไม่นาน ได้เข้าถึงมโนมัยกายอย่างหนึ่ง อัตภาพเห็นปานดังนี้ ที่เขาได้มีขนาดเท่ากับคามเขตของชาวมคธ ๒ หรือ ๓ แห่ง เขาย่อมไม่ยังตนและ   คนอื่นให้ลำบาก เพราะอัตภาพที่เขาได้นั้น ครั้งนั้น กักกุธะเทพบุตร เข้าไปหา  ท่านพระมหาโมคคัลลานะ อภิวาทแล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

           ครั้นแล้วได้ กล่าวกะท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านเจ้าข้า พระเทวทัต อันลาภ สักการะ และ ความสรรเสริญ ครอบงำ รึงรัดจิต แล้วได้เกิดความปราถนาเห็น ปานนี้ว่า เรา จักปกครองภิกษุสงฆ์ ท่านเจ้าข้า พระเทวทัตได้เสื่อมจากฤทธิ์นั้นแล้ว พร้อมกับ จิตตุปบาททีเดียว กักกุธะเทพบุตรได้กล่าวอย่างนี้แล้ว จึงอภิวาทท่าน พระมหา โมคคัลลานะ กระทำประทักษิณแล้วหายไปณ ที่นั้นเอง ฯ

           [๓๕๑] ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่าพระพุทธเจ้าข้า โกฬิยบุตร ชื่อ กักกุธะ เป็นอุปัฏฐากของข้าพระพุทธเจ้า ผู้ตายไม่นาน ได้เข้าถึง มโนมัยกาย อย่างหนึ่ง อัตภาพเห็นปานดังนี้ ที่เขาได้มีขนาดเท่ากับคามเขตของชาวมคธ ๒หรือ ๓ แห่ง เขาย่อมไม่ยังตนและคนอื่นให้ลำบาก เพราะอัตภาพที่เขาได้นั้น พระพุทธเจ้าข้า (กักกุธะ เคยเป็นอุปฐากให้กับพระโมค หลังตายได้ไปเกิดเป็นเทวดา และได้แจ้ง ให้พระโมคทราบทางจิต)

           ครั้งนั้น กักกุธะเทพบุตร(เทวดา)เข้าไปหาข้าพระพุทธเจ้า อภิวาทแล้ว ได้ยืนอยู่ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะข้าพระพุทธเจ้าว่า ท่านเจ้าข้า พระเทวทัต อันลาภสักการะครอบงำ รึงรัดจิตแล้ว ได้เกิดความปราถนาเห็นปานนี้ว่า เราจักปกครองภิกษุสงฆ์ ท่านเจ้าข้า

           พระเทวทัตเสื่อมจากฤทธิ์นั้นแล้ว พร้อมกับ จิตตุปบาท (ความคิดอกุศล โลภะ โทสะ โมหะ) ทีเดียว พระพุทธเจ้าข้า กักกุธะเทพบุตรได้กล่าวอย่างนี้แล้ว อภิวาทข้าพระพุทธเจ้า กระทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้นเอง



พระเทวทัต คิดการณ์ใหญ่ ต้องการปกครองสงฆ์

           [๓๕๘] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพี ตามพุทธา ภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกไปทางกรุงราชคฤห์ เสด็จจาริกไปโดยลำดับถึงกรุงราชคฤห์ แล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ที่เวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตกรุงราชคฤห์นั้น ฯ

           [๓๕๙] ครั้งนั้น ภิกษุเป็นอันมากเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม    แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า อชาต  สัตตุกุมาร ได้ไปสู่ที่บำรุงของพระเทวทัต ทั้งเวลาเย็นทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน  แลนำภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับ ไปด้วย

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
(โทษของลาภสักการะ)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่าพอใจลาภสักการะและความสรรเสริญของเทวทัตเลย อชาตสัตตุกุมาร จักไปสู่ที่บำรุงของเทวทัต ทั้งเวลาเย็น ทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐คัน แลจักนำ ภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับไปด้วย สักกี่วัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวทัตพึงหวังความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลายถ่ายเดียว หวังความเจริญไม่ได้ เปรียบเหมือนคน ทั้งหลายพึงทาน้ำดีหมีที่จมูกลูกสุนัขที่ดุร้าย ลูกสุนัขนั้นจะเป็นสัตว์ดุร้ายขึ้นยิ่งกว่า ประมาณ ด้วยอาการอย่างนี้แลแม้ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อชาตสัตตุกุมาร จักไปสู่ที่บำรุงของเทวทัตทั้งเวลาเย็นทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน แลจักนำ  ภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับไปด้วย สักกี่วัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวทัตพึงหวังความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย ถ่ายเดียว หวังความเจริญไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่เทวทัตเพื่อฆ่าตน ลาภสักการะและ ความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่เทวทัตเพื่อความวอดวาย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นกล้วยย่อมเผล็ดผลเพื่อ ฆ่าตน ย่อมเผล็ดผลเพื่อความวอดวาย ฉันใด ลาภสักการะและความสรรเสริญก็เกิดขึ้นแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตน ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่ เทวทัต เพื่อความวอดวาย ฉันนั้นเหมือนกันแล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้ไผ่ย่อมตกขุยเพื่อฆ่าตน ย่อมตกขุยเพื่อความวอดวาย แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญก็เกิดขึ้นแก่เทวทัตเพื่อฆ่าตน   ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่เทวทัตเพื่อความวอดวาย ฉันนั้นเหมือน    กันแล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม้อ้อย่อมตกขุยเพื่อฆ่าตน ย่อมตกขุยเพื่อความวอดวาย แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตน ลาภสักการะและความสรรเสริญเกิดขึ้นแก่เทวทัต เพื่อความวอดวาย ฉันนั้นเหมือนกัน แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่ม้าอัสดรย่อมตั้งครรภ์เพื่อฆ่าตน ย่อม ตั้งครรภ์เพื่อความวอดวาย แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญ ก็เกิดขึ้นแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตน ลาภสักการะและความสรรเสริญเกิดขึ้น แก่เทวทัต เพื่อความวอดวาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ

           [๓๖๐] พระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์บาลีนี้แล้ว จึงตรัสคาถาประพันธ์  ดังต่อไปนี้
ผลกล้วยย่อมฆ่าต้นกล้วย, ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่, ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ, สักการะย่อม ฆ่าคนชั่ว เหมือนม้าอัสดรซึ่งเกิดในครรภ์ ย่อมฆ่าแม่ม้า อัสดรฉะนั้น ฯ

ปฐมภาณวาร จบ

ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๒

พระเทวทัตทูลขอปกครองสงฆ์



           [๓๖๑] ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคอันบริษัทหมู่ใหญ่ แวดล้อม แล้ว ประทับนั่งแสดงธรรมแก่บริษัท พร้อมทั้งพระราชาครั้งนั้น พระเทวทัตลุกจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่านั่งกระหย่ง ประคองอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า

           พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้พระผู้มีพระภาคทรงพระชราแล้ว เป็นผู้เฒ่าแก่หง่อมแล้ว ล่วงกาล ผ่านวัยไปแล้ว บัดนี้ขอพระองค์จงทรงขวนขวายน้อย ประกอบทิฏฐธรรม สุขวิหาร อยู่เถิด ขอจงมอบภิกษุสงฆ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจักปกครอง ภิกษุสงฆ์

           พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามว่า อย่าเลย เทวทัต เธออย่าพอใจที่จะปกครอง ภิกษุสงฆ์เลย
           แม้ครั้งที่สอง ...
           แม้ครั้งที่สาม พระเทวทัตก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ พระผู้มีพระภาคทรงพระชราแล้ว เป็นผู้เฒ่าแก่หง่อมแล้ว ล่วงกาลผ่านวัยไปแล้ว บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงขวนขวายน้อย ประกอบทิฏฐธรรม สุขวิหารอยู่เถิด ขอจงมอบภิกษุสงฆ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจักปกครอง ภิกษุสงฆ์

           พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรเทวทัต แม้แต่สารีบุตรและโมคคัลลานะ   เรายังไม่มอบภิกษุสงฆ์ให้ ไฉนจะพึงมอบให้เธอผู้ เช่นทรากศพ ผู้บริโภคปัจจัย  เช่นก้อนเขฬะเล่า

           ทีนั้น พระเทวทัตคิดว่า พระผู้มีพระภาคทรงรุกรานเรากลางบริษัทพร้อม ด้วยพระราชาด้วยวาทะว่า บริโภคปัจจัยดุจก้อนเขฬะ ทรงยกย่องแต่พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ดังนี้จึงโกรธ น้อยใจ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วกลับไป

นี่แหละ พระเทวทัตได้ผูกอาฆาตในพระผู้มีพระภาค เป็นครั้งแรก ฯ

Next 7   

 

 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์