เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ภูตมิทสูตร (ตรัสกับพระสารีบุตร) ความต่าง ภิกษุตรัสรู้แล้ว กับ เสขะบุคคล (ยังไม่ตรัสรู้) 1877
 
ภิกษุตรัสรู้แล้ว (เสขะบุคคล)
ภิกษุเห็นขันธปัญจก(ขันธ์๕)เกิดขึ้นเพราะอาหาร ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจก ที่เกิด เพราะอาหารนั้น ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดแล้ว สิ่งนั้นมีความดับ เป็นธรรมดา เพราะอาหารนั้นดับไป ... การเห็นเช่นนี้ย่อมหลุดพ้น ชื่อว่าได้ตรัสรู้แล้ว

ภิกษยังไม่ตรัสรู้ (อเสขะบุคคล)
ยังไม่รอบรู้ใน ขันธปัญจก (ขันธ์๕)


เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๙-๕๒

กฬารขัตติยวรรคที่ ๔

๑. ภูตมิทสูตร (ตรัสกับพระสารีบุตร)

             [๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกท่าน พระสารีบุตร มาว่า ดูกรสารีบุตร อชิตมาณพได้กล่าวปัญหานี้ ไว้ในอชิตปัญหา ในปรายนวรรค ว่า

             ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ บุคคลที่ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว และบุคคล ที่ยังเป็น เสขบุคคล อยู่เหล่าใด มีอยู่มากในศาสนานี้ พระองค์ ผู้มีปัญญาอันข้าพเจ้าถามแล้ว ขอได้โปรดตรัสบอกความ ประพฤติของบุคคลทั้งสองพวกนั้น แก่ข้าพเจ้า ดังนี้

             ดูกรสารีบุตร เธอจะพึงเห็นเนื้อความ ของคาถาที่กล่าวโดยย่อนี้ โดยพิสดาร ได้อย่างไร

             [๙๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้นิ่งอยู่ พระผู้มีพระภาค จึงตรัสกะท่านพระสารีบุตร เป็นครั้งที่สอง ฯลฯ แม้ในครั้งที่สองท่าน พระสารีบุตรก็ได้นิ่งอยู่ แม้ในครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาค ก็ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า

             ดูกรสารีบุตร อชิตมาณพ ได้กล่าวปัญหานี้ไว้ในอชิตปัญหาในปรายนวรรคว่า
(อชิตะสูตร)

             ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ บุคคลที่ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว และบุคคลมีอยู่มากในศาสนานี้ พระองค์ ผู้มีปัญญาอันข้าพเจ้าถามแล้ว ขอได้โปรดตรัสบอกความ ประพฤติของบุคคล ทั้งสองพวกนั้น แก่ข้าพเจ้า ดังนี้

             ดูกรสารีบุตร เธอจะพึงเห็นเนื้อความ ของคำที่กล่าวโดยย่อนี้ โดยพิสดาร ได้อย่างไร เมื่อพระผู้มีพระภาค ตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรก็ยังนิ่งอยู่ แม้ในครั้ง ที่สาม (พระสารีบุตรตอบไม่ได้)

             [๑๐๐] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสารีบุตร เธอเห็นไหมว่า นี้คือ ขันธปัญจก ที่เกิดแล้ว (ขันธ์๕ที่เกิดขึ้นแล้ว)

             ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บุคคลเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า นี้คือขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อ ความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับแห่งขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ย่อมเห็นด้วย ปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า ขันธปัญจกนี้เกิดเพราะอาหารนั้น

             ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับแห่งขันธปัญจก ที่เกิดเพราะอาหาร ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดแล้ว สิ่งนั้นมีความดับเป็นธรรมดา เพราะอาหารนั้นดับไป ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับ แห่งขันธปัญจก ซึ่งมีความดับเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าข้า บุคคลย่อมเป็นเสขะได้ ด้วย การปฏิบัติอย่างนี้

             [๑๐๑] พระพุทธเจ้าข้า บุคคลได้ชื่อว่าตรัสรู้ธรรมเป็นไฉน บุคคลเห็นด้วย ปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า นี้คือขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นเพราะความหน่าย เพราะคลายความกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่น ซึ่งขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า ขันธปัญจกนี้ เกิดเพราะอาหารนั้น ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้วย่อมหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะคลาย ความกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจก ที่เกิดเพราะอาหารนั้น ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดแล้ว สิ่งนั้นมีความดับ เป็นธรรมดา เพราะ อาหารนั้น ดับไป

             ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นเพราะความหน่าย เพราะคลายความ กำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจก ซึ่งมีความดับเป็นธรรมดาบุคคล ชื่อว่า ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้แล

             คำที่อชิตมาณพกล่าวไว้ในอชิตปัญหา ในปรายนวรรคว่า

             ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ บุคคลที่ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว และบุคคล ที่ยังเป็นเสขบุคคล อยู่ เหล่าใด มีอยู่มากในศาสนานี้ พระองค์ ผู้มีปัญญาอันข้าพเจ้าถามแล้ว ขอได้โปรด ตรัสบอกความ ประพฤติของบุคคลทั้งสองพวกนั้น แก่ข้าพเจ้า ดังนี้ พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ทราบเนื้อความ ของคำที่กล่าวไว้โดยย่อนี้ โดยพิสดาร อย่างนี้แล

             [๑๐๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถูกละๆ สารีบุตร บุคคลเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า นี้คือขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อ ความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับแห่งขันธปัญจก ที่เกิดแล้ว ย่อมเห็น ด้วย ปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า ขันธปัญจกนี้เกิดเพราะอาหารนั้น

             ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับ แห่งขันธปัญจก ที่เกิดเพราะอาหาร ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดแล้ว สิ่งนั้นมีความดับเป็นธรรมดา เพราะความดับแห่ง อาหารนั้น ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับแห่งขันธปัญจก ที่มีความดับเป็นธรรมดา
             ดูกรสารีบุตร บุคคลชื่อว่าเป็นเสขะ ได้ด้วยการปฏิบัติอย่างนี้แล

             [๑๐๓] ดูกรสารีบุตร ก็บุคคลชื่อว่า ได้ตรัสรู้ธรรมแล้วเป็นไฉน ดูกรสารีบุตร บุคคลเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า นี้คือขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ครั้นเห็น เช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะคลายความกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจกที่เกิดแล้ว ย่อมเห็นด้วยปัญญาโดยชอบตามความเป็นจริง ว่า ขันธปัญจกนี้เกิดเพราะอาหารนั้น

             ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นเพราะความหน่าย เพราะคลายความกำหนัด เพราะความดับ เพราะความไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจก ที่เกิดแล้วเพราะอาหาร ย่อมเห็นด้วย ปัญญาโดยชอบ ตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดแล้ว สิ่งนั้นมีความดับเป็นธรรมดา เพราะความดับแห่งอาหารนั้น ครั้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นเพราะความหน่าย เพราะคลายความกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นซึ่งขันธปัญจก ที่มีความดับ เป็นธรรมดา

             ดูกรสารีบุตร บุคคลได้ชื่อว่าตรัสรู้ธรรมแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้แล คำที่ อชิตมาณพ กล่าวไว้ ในอชิตปัญหา ในปรายนวรรคว่า ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ บุคคลที่ได้ ตรัสรู้ธรรมแล้ว และบุคคลที่ ยังเป็นเสขะบุคคล อยู่เหล่าใด มีอยู่มากในศาสนานี้ พระองค์ ผู้มีปัญญาอันข้าพเจ้าถามแล้ว ขอได้โปรด ตรัสบอกความ ประพฤติของบุคคลทั้งสอง พวก นั้น แก่ข้าพเจ้า ดังนี้

             ดูกรสารีบุตร เธอพึงเห็นเนื้อความ ของคำที่กล่าวโดยย่อนี้ โดยพิสดารได้ อย่างนี้แล

จบสูตรที่ ๑

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์