(โดยย่อ) ปัญหาของอชิตะ
1.โลกคือหมู่สัตว์ อะไรหุ้มห่อไว้.. อวิชชาห่อหุ้มไว้ 2.โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร.. เพราะความตระหนี่ (ความประมาท) 3.อะไรเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ .. ตัณหา 4.อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย.. สติ 5.ปัญญา สติ และ นามรูป ธรรมทั้งหมดนี้ ย่อมดับไป ณ ที่ไหน นาม และ รูป ย่อมดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติ และ ปัญญา ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๓๙๖ อชิตสูตร อชิตปัญหาที่ ๑ [๔๒๕] อชิตมาณพ ทูลถามปัญหาว่า โลกคือหมู่สัตว์ อันอะไรหุ้มห่อไว้ โลกย่อมไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร พระองค์ตรัสอะไรว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ อะไรเป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรอชิตะ โลกอัน อวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะ ความตระหนี่ (เพราะความประมาท) เรากล่าว ตัณหา ว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น ฯ อ. กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแส ทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสทั้งหลายอันบัณฑิต ย่อมปิดได้ด้วยธรรมอะไร ฯ พ. ดูกรอชิตะ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลก เรากล่าวสติว่า เป็นเครื่อง กั้นกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยปัญญา ฯ อ. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และ นามรูป ธรรมทั้งหมดนี้ ย่อมดับไป ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกปัญหาข้อนี้ แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พ. ดูกรอชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านได้ถามแล้วแก่ท่าน นาม และ รูป ย่อมดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติ และ ปัญญานี้ ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ ฯ อ.ชนเหล่าใดผู้มีธรรมอันพิจารณาเห็นแล้ว และชนเหล่าใดผู้ยังต้อง ศึกษาอยู่ เป็นอันมากมีอยู่ในโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระองค์ผู้มีปัญญา รักษาตน อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกความเป็นไปของชนเหล่านั้น แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พ. ภิกษุไม่กำหนัดยินดีในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว ฉลาดในธรรมทั้งปวง มีสติ พึงเว้นรอบ ฯ