พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๖๗-๑๖๙
มิทธิสูตรที่ ๒
[๔๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่กรุงศิลาวดี ในแคว้นสักกะ ฯ ก็สมัยนั้นแล ท่านสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่งไปแล้ว อยู่ในที่ใกล้พระผู้มีพระภาค
ครั้งนั้นแล ท่านสมิทธิ ผู้พักผ่อนอยู่ในที่ลับ มีความปริวิตกแห่งจิต เกิดขึ้น อย่างนี้ ว่า เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้พระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบเป็นพระศาสดาของเรา เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้บวชในพระธรรมวินัย อันพระศาสดาตรัสดีแล้ว อย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้เพื่อนพรหมจรรย์ อันมีศีลมีกัลยาณธรรม
[๔๘๓] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป ทราบความปริวิตกแห่งจิต ของท่านสมิทธิ ด้วยจิตแล้ว เข้าไปหาท่านสมิทธิถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จึงทำเสียงดัง น่ากลัว น่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ
[๔๘๔] ลำดับนั้น ท่านสมิทธิ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ยังที่ประทับถวาย อภิวาท พระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ท่านสมิทธิครั้นนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง แล้ว จึงได้กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่ง ไปแล้ว อยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้ พระเจ้าข้าข้าพระองค์อยู่ในที่ลับเร้น มีความปริวิตก แห่งจิต เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้พระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นพระศาสดาของเรา เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้บวชในพระธรรมวินัย อันพระศาสดา ตรัสดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้เพื่อนพรหมจรรย์ อันมีศีล มีกัลยาณธรรม พระเจ้าข้าขณะนั้น ก็ได้มีเสียงดังน่ากลัว น่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม เกิดขึ้นในที่ใกล้ข้าพระองค์
[๔๘๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สมิทธิ นั้นไม่ใช่แผ่นดินจะถล่ม นั้นเป็นมาร ผู้มีบาป มาเพื่อกำบังตาเธอ เธอจงไปเถิด สมิทธิ จงเป็นผู้ไม่ประมาทมีความเพียร มีตนอันส่งไปแล้ว อยู่ในที่นั้นตามเดิมเถิด
ท่านสมิทธิรับพระดำรัส แล้วลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วหลีกไป
[๔๘๖] แม้ครั้งที่สอง ท่านสมิทธิ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่งไป แล้ว อยู่ในที่นั้นนั่นเอง แม้ในครั้งที่สอง ท่านสมิทธิไปในที่ลับเร้นอยู่ มีความปริวิตก เกิดขึ้นอย่างนี้ ฯลฯ แม้ในครั้งที่สอง มารผู้มีบาป ทราบความปริวิตกแห่งจิต ของท่าน สมิทธิ ด้วยจิตแล้ว ฯลฯ จึงทำเสียงดังน่ากลัว น่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ
[๔๘๗] ลำดับนั้น ท่านสมิทธิทราบว่า ผู้นี้เป็นมารผู้มีบาป จึงกล่าวกะมาร ผู้มีบาป ด้วยคาถาว่า เราหลีกออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนด้วยศรัทธา สติ
และ ปัญญาของเรา เรารู้แล้ว อนึ่ง จิตของเราตั้งมั่นดีแล้ว ท่าน จักบันดาลรูปต่างๆ อันน่ากลัวอย่างไร ก็จักไม่ยังเราให้หวาด กลัวได้เลยโดยแท้
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า ภิกษุสมิทธิรู้จักเรา ดังนี้จึงได้หายไป ในที่นั้นนั่นเอง
|