พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๓
1. อาปายิกสูตร
[๕๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ ไม่ละบาปกรรม ๓ อย่างนี้ จักต้องไปอบาย จักต้องไปนรก บุคคล ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
๑.ผู้ที่ไม่ใช่พรหมจารี แต่ปฏิญาณตนว่าเป็นพรหมจารี
๒.คนที่ตามกำจัดท่านที่มีพรหมจรรย์บริสุทธิ์ ประพฤติพรหมจรรย์หมดจด ด้วยกรรมเป็น ข้าศึกแก่พรหมจรรย์อันไม่มีมูล
๓.คนที่มีวาทะ อย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า โทษในกามไม่มี ถึงความเป็นผู้ตกไปในกาม ทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แลไม่ละบาปกรรม ๓ อย่างนี้ จักต้องไป อบาย จักต้องไปนรก
2. ทุลลภสูตร
[๕๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏแห่งบุคคล ๓ จำพวกหาได้ยาก ในโลก บุคคล ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑
บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ๑
กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏแห่งบุคคล ๓ จำพวกนี้แล หาได้ยากในโลกฯ
3. อัปปเมยยสูตร
[๕๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวก เป็นไฉนคือ
๑.สุปปเมยยบุคคล
๒.ทุปปเมยยบุคคล
๓.อัปปเมยย บุคคล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สุปปเมยยบุคคลเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว โลเล ปากกล้า พูดพร่ำเพรื่อ หลงลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตไม่แน่นอน ไม่สำรวมอินทรีย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สุปปเมยยบุคคล ผู้พึงประมาณได้โดยง่าย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุปปเมยยบุคคลเป็นไฉน คือบุคคลบางคนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่านไม่ถือตัว ไม่โลเล ปากไม่กล้าไม่พูดพร่ำเพรื่อ ดำรงสติมั่น มีสัมปชัญญะมีจิตตั้งมั่น มีจิตแน่วแน่ สำรวมอินทรีย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทุปปเมยยบุคคลผู้พึงประมาณได้โดยยาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อัปปเมยยบุคคลเป็นไฉนคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ นี้เรียกว่า อัปปเมยยบุคคลผู้พึงประมาณไม่ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
4. อเนญชสูตร
[๕๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
๑. บุคคลบางคนในโลกนี้ บรรลุอากาสานัญจายตนฌานอยู่ โดยบริกรรมว่า อากาศไม่มีที่สุดเพราะล่วงรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะถึงความสิ้นไป แห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา เขาย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนา ฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น เขาตั้งอยู่ในฌานนั้นน้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌานนั้น ทำกาละย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดา พวกที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้น อากาสานัญจายตนะ มีอายุประมาณ สองหมื่นกัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้น อากาสานัญจายตนะนั้น ตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณ อายุ--- ของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ไปสู่นรกก็มี ไปสู่ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้น ตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้น ให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชน ผู้มิได้สดับมีความแปลกกัน เช่นนี้ มีความแตกต่างกันเช่นนี้ มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆ กันเช่นนี้ ในเมื่อคติ และอุบัติยังมีอยู่
๒. อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ก้าวล่วงอากาสานัญจายตน ฌาน โดยประกายทั้งปวงบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน โดยบริกรรมว่า วิญญาณ ไม่มีที่สุด เขาย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนาฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น เขาดำรง อยู่ในฌานนั้น น้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌาน นั้น ทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกที่เข้าถึง ชั้นวิญญาณัญจายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ มีอายุ ประมาณ สี่หมื่นกัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นวิญญาณัญจายตนะนั้น ตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณ อายุของเทวดาเหล่านั้น ให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ไปสู่นรกก็มี ไปสู่กำเนิด สัตว์ดิรัจฉานก็ มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้น วิญญาณัญจายตนะ ตราบเท่าสิ้นอายุยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้ สิ้นไป จนหมด แล้ว ปรินิพพานในภพนั้นเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกัน เช่นนี้ มีความแตกต่างกันเช่นนี้ มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆกันเช่นนี้ ในเมื่อคติ และอุบัติ ยังมีอยู่
๓. อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ก้าวล่วงวิญญาณัญจายตน ฌาน โดยประการทั้งปวง บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดยบริกรรมว่า ไม่มีอะไร เขา ย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนาฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น เขาดำรงอยู่ใน ฌานนั้น น้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌานนั้น ทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกที่ เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้น อากิญจัญญายตนะ มีอายุประมาณ หกหมื่นกัป ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณ อายุของเทวดาพวกนั้น ให้สิ้นไปจนหมดแล้วไปสู่นรกก็มี ไปสู่กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้น ตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้น ให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ปรินิพพาน ในภพนั้นเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกัน เช่นนี้มีความแตกต่างกันเช่นนี้ มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆ กันเช่นนี้ ในเมื่อคติ และ อุบัติยังมีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
|