(1)
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๙ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๗
เต่าตาบอด กับ แอกไม้ใผ่
ฉิคคฬสูตรที่ ๑
ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ยาก
[๑๗๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนแอก ซึ่งมีช่องเดียว ลงไป ในมหาสมุทร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาสมุทรนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้น คราวหนึ่งๆ เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้น คราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอก ซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้าง หรือ หนอ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าล่วงกาลนานไป บางครั้ง บางคราว เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกนั้นได้บ้าง
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ สอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้น ยังจะเร็วกว่า เราย่อมกล่าวความเป็น มนุษย์ เพราะคนพาลผู้ไปสู่วินิบาตแล้วคราวเดียวก็หามิได้
ข้อนั้น เพราะเหตุไร?
เพราะว่าในวินิบาตนี้ ไม่มีการประพฤติธรรม การประพฤติชอบ การกระทำ กุศล การกระทำบุญ มีแต่การเคี้ยวกินกันและกันการเคี้ยวกิน ผู้มีกำลังน้อยกว่า ย่อม เป็นไปใน วินิบาตนี้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
(2)
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๙ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๖๗
เศษฝุ่นปลายเล็บ
อามกธัญญเปยยาล
ว่าด้วยสัตว์ผู้มีการทำต่างๆ กัน
[๑๗๙๒] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นไว้ในปลายพระนขา แล้ว ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลาย มาแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อย ที่เราช้อนไว้ในปลายเล็บ กับแผ่นดิน ใหญ่นี้ ไหนจะมากกว่ากัน?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อย ที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ที่ปลาย พระนขา มีประมาณน้อย เมื่อเทียบ กับแผ่นดินใหญ่ ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ที่ปลาย พระนขา ย่อมไม่ถึง ซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติในพวกมนุษย์แล้ว กลับมาเกิด ในพวกมนุษย์ มีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว กลับไปเกิด ในนรก มีมากกว่า
(2.1)
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๙๘-๒๙๙
เศษฝุ่นปลายเล็บ
นขสิขสูตร
[๖๖๓] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ...
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อย ไว้ที่ปลายพระนขา(เล็บ) แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อย ที่เราช้อนขึ้นไว้ที่ปลายเล็บนี้ กับ มหาปฐพีนี้ อย่างไหนมากกว่ากัน
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีนั่นแหละมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อย ที่พระผู้มีพระภาค ทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขานี้ มีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการนับ ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการเทียบเคียง ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งส่วนแห่ง เสี้ยว เพราะเทียบมหาปฐพีเข้าแล้ว ฝุ่นที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ ที่ปลาย พระนขา มีประมาณเล็กน้อย
[๖๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์ มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุ ดังนี้ นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
(3)
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๔๘
ความยาก ๓ สิ่งที่เสมอกัน
ฉิคคฬสูตรที่ ๒
ภิกษุทั้งหลาย
๑. การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
๒. พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะอุบัติในโลกเป็นของยาก
๓. ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก
ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติแล้วในโลก
และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลาย พึงกระทำความเพียร เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา |