เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ทานสูตร ให้ทานที่เข้าถึงเหล่าเทวดาแต่ยังต้องกลับมา(สู่คติ5) และให้ทานแล้วเข้าถึงสุทธาวาส 1599
  (ย่อ)

1. ให้ทานโดยหวังผลในทาน มีจิตผูกพันในผล ไม่มุ่งการสั่งสม (บุญ) คิดว่า ตายไปจักได้ เสวยผลของทาน... เขาให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเทวดาเหล่าจาตุมหาราชิกา เมื่อสิ้นกรรมแล้ว ยังเป็นผู้กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ (เป็นอาคามี มาสู่คติ5 ไม่พ้นนรก อบาย)

2. ให้ทานโดยไม่มีจิตผูกพันในผล ไม่มุ่งการสั่งสม คิดว่าทานเป็นการดี เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึง เทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 ยังไม่พ้นอบาย-นรก)

3. ให้ทานโดย คิดว่าให้ทานเป็นการดี บิดามารดาปู่ย่าตายาย เคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้ เสียประเพณี ย่อมเข้าถึงเทวดาชั้นยามา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความ เป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่คติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)

4. ให้ทานโดยคิดว่า บิดา มารดา ปู่ ย่าตา ยายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากิน สมณะและพราหมณ์ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้ …เมื่อสิ้นกรรมแล้ว ย่อมเข้าถึงเทวดาชั้นดุสิต เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ แล้วยังเป็นผู้กลับมา (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ)

5. ให้ทานโดยคิดว่า เราหุงหา กินได้ สมณะและพราหมณ์หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ สมณะหรือพราหมณ์ไม่สมควร เมื่อสิ้นกรรมแล้วย่อมเข้าถึงเทวดาชั้นนิมมานรดี เขาสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์ ยังเป็นผู้กลับมา (ยังกลับมาสู่คติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)

6. ให้ทานโดยคิดว่า เราจัก เป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน ด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส … ย่อมเข้าถึงเทวดาชั้นปรนิม มิตวสวัสดี เขาสิ้นกรรม สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา (ยังกลับมาสู่คติ 5 )

7. ให้ทานโดยไม่มีจิตผูกพันในผล ไม่มุ่งการสั่งสม ไม่ได้คิดว่า เราตายไปแล้ว จักได้เสวยผลทานนี้ …เขาให้ทานเช่นนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็น สหายแห่งเทวดา ชั้นพรหม เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือ ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ผู้ไม่ต้องกลับมาคือ อนาคามี)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การให้ทาน 7 แบบ มีแบบที่ 7 แบบเดียวที่ให้ทานแล้ว เข้าถึง เทวดาชั้นพรหมสุทธาวาส หรือชั้น อนาคามี(ไม่ต้องกลับมา) เมื่อสิ้นกรรม(สุทธาวาส) แล้วก็จะปรินิพพาน
มนุษย์ (ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต) --> พรหมกายิกา -->สุทธาวาส --> ปรินิพพาน

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)

 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๕๔

ทานสูตร

            [๔๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณี ชื่อคัคครา ใกล้จัมปานครครั้งนั้นแล อุบาสกชาวเมืองจัมปามากด้วยกัน เข้าไปหาท่าน พระสารีบุตร ถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่าน พระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค พวกกระผม ได้ฟังมานานแล้ว ขอได้โปรดเถิด พวกกระผมพึงได้ฟังธรรมีกถา ของ พระผู้มีพระภาค

            ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นท่าน ทั้งหลาย พึงมาในวันอุโบสถ ท่านทั้งหลายพึงได้ฟังธรรมีกถา ในสำนัก พระผู้มีพระภาค แน่นอน อุบาสกชาวเมืองจัมปารับคำท่านพระสารีบุตร แล้วลุกจาก ที่นั่ง อภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ต่อมา ถึงวันอุโบสถ อุบาสกชาวเมือง จัมปา พากันเข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง

            ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตร พร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปา เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานเช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคน ในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมีหรือหนอแลและทานเช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มากพึงมีหรือพระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่าดูกรสารีบุตร ทานเช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมี และทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มากพึงมี

            สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทาน เช่นนั้นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

-------------------------------------------------------------------------------------------------
(1)
            พ. ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพัน ในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผล ทานนี้ เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และ เครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์
             ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ
            สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า
            พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพัน ในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้ว จักได้เสวยผล ทานนี้ เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้วเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่ง เทวดา ชั้นจาตุมมหาราช สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังมีผู้กลับมา คือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ (อาคามี)
(ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)

-------------------------------------------------------------------------------------------------
(2)

            ดูกรสารีบุตร ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพัน ในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่คิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แล้วให้ทาน แต่ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดี เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะ หรือพราหมณ์ ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ
            สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า
            พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิต ผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้ว จักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
(3)
            ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาให้ทานคือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็น สหายแห่งเทวดาชั้นยามา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
(4)

            ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดา มารดา ปู่ ย่าตา ยายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี แต่ให้ทาน ด้วยคิดว่า เราหุงหากิน สมณะและพราหมณ์เหล่านี้ ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทาน แก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหาไม่สมควร เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความ เป็นใหญ่ แล้วยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
(5)

            ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหา กินได้ สมณะและพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่ สมณะ หรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้ จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อนคือ อัฏฐกฤาษี วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษีวาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี บูชามหายัญ ฉะนั้น เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็น สหายแห่งเทวดา ชั้นนิมมานรดีเขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
(6)

            ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราจัก เป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี ฯลฯและภคุฤาษี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและ โสมนัส เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา ชั้นปรนิม มิตวสวัสดี เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ยังกลับมาสู่สังสารวัฏ คือคติ 5 และยังไม่พ้น อบาย-นรก)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
(7)
(ให้ทานประเภทเดียว ที่ไปเกิดในชั้นพรหม) ไม่หวังผล ไม่มีจิตผูกพันในผล
มนุษย์ (ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต) --> พรหมกายิกา -->สุทธาวาส --> ปรินิพพาน

            ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเรา ให้ทานอย่างนี้จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่อง ปรุงแต่งจิต เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์
             ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญ ความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ
            สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า
            พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลผู้ไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผล ให้ทานไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปแล้ว จักได้เสวยผลทานนี้ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี ไม่ได้ให้ทาน ด้วยคิดว่า บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้เคยทำมา เราไม่ควรทำ ให้เสียประเพณี ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้ หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้ จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษี แต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษี วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี ผู้บูชามหายัญ ฉะนั้น และไม่ได้ให้ทาน ด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานนี้ จิตจะเลื่อมใสจะเกิดความปลื้มใจ และโสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เขาให้ทานเช่นนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา ชั้นพรหม เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือ ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ผู้ไม่ต้องกลับมาคือ อนาคามี)

            ดูกรสารีบุตร นี้แลเหตุปัจจัยเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้น ที่บุคคลบางคน ในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก และเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้น ที่บุคคล บางคน ในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

มนุษย์ (ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต) --> พรหมกายิกา -->สุทธาวาส --> ปรินิพพาน

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์