พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ หน้าที่ ๘๖
เรื่องภิกษุแบ่งของที่ไม่ควรแบ่ง
[๒๙๓] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระนครสาวัตถีตามพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกทางกิฏาคิรีชนบท พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ ๕๐๐ รูป ทั้ง พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ
ภิกษุพวกพระอัสสชิ และพระปุนัพพสุกะ ได้ทราบ ข่าวแล้วกล่าวกันว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จมาสู่กิฏาคิรีชนบท พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ
ท่านทั้งหลายพวกเราตกลงแบ่ง เสนาสนะของสงฆ์ให้หมด เพราะพระ สารีบุตร และพระโมคคัลลานะ มีความปราถนาลามก ไปสู่อำนาจแห่งความ ปราถนาอันชั่วช้า พวกเราจะได้ไม่ต้องจัดหาเสนาสนะถวายท่าน
ภิกษุเหล่านั้นได้แบ่งเสนาสนะของสงฆ์หมดแล้ว ครั้นพระผู้มีพระภาค เสด็จ จาริก โดยลำดับ ได้ถึงชนบทกิฏาคิรีแล้ว จึงรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอ จงไปหาภิกษุ พวกอัสสชิ และปุนัพพสุกะ แล้วบอกอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาค เสด็จมาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ หมู่ใหญ่ ประมาณ ๕๐๐ รูป ทั้งพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ขอท่านจงช่วย จัดหาเสนา สนะถวาย พระผู้มีพระภาค ภิกษุสงฆ์ และพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ภิกษุเหล่านั้น รับสนองพระดำรัส แล้วเข้าไปหาภิกษุพวกพระอัสสชิ และ พระปุนัพพสุกะ
ครั้นแล้วได้แจ้งว่า ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาค เสด็จมาพร้อมกับภิกษุสงฆ์ หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ก็แล พวกท่านจง จัดหาเสนาสนะ ถวายพระผู้มีพระภาค ภิกษุสงฆ์ และพระสารีบุตรพระโมคคัลลานะ
ภิกษุพวกพระอัสสชิและพระ ปุนัพพสุกะตอบว่า ท่านทั้งหลายเสนาสนะของ สงฆ์ ไม่มี พวกผมแบ่งกันหมดแล้ว พระผู้มีพระภาคเสด็จมาดีแล้ว พระองค์ ทรงพระ ประสงค์ จะประทับในวิหารใด ก็จักประทับ ในวิหารนั้น พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ มีความปราถนาลามก ไปสู่อำนาจของความปรารถนาอันชั่วช้า พวกผมจักไม่จัดหา เสนาสนะ ถวายท่าน
ภิ. ท่านทั้งหลาย พวกท่านแบ่งเสนาสนะของสงฆ์ หรือ
อ. เป็นเช่นนั้น ขอรับ
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่าไฉน ภิกษุ พวกพระอัสสชิ และ พระปุนัพพสุกะ จึงได้แบ่งเสนาสนะของสงฆ์เล่า แล้ว กราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ...
พระผู้มีพระภาค ทรงสอบถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุพวกอัสสชิ และปุนัพพะสุกะ แบ่งเสนาสนะของสงฆ์ จริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูล ว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
ของที่ไม่ควรแบ่ง ๕ หมวด
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุโมฆ บุรุษเหล่านี้ จึงได้แบ่งเสนาสนะของสงฆ์เล่า การกระทำของโมฆบุรุษ เหล่านั้น นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน ที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้วทรงทำ ธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ของที่ไม่ควรแบ่งมี ๕ หมวดนี้ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแบ่ง แม้แบ่งไปแล้วก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย ของไม่ ควรแบ่ง ๕ หมวด อะไรบ้าง คือ
อารามพื้นที่อาราม นี้เป็นของไม่ควรแบ่งหมวดที่ ๑ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแบ่งแม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอัน แบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
วิหาร พื้นที่วิหาร นี้เป็นของไม่ควรแบ่งหมวดที่ ๒ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดีไม่ควรแบ่ง แม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เตียง ตั่ง ฟูก หมอน นี้เป็นของไม่ควรแบ่งหมวดที่ ๓ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดีไม่ควรแบ่ง แม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
หม้อโลหะ อ่างโลหะ กระถางโลหะ กระทะโลหะ มีด ขวาน ผึ่ง จอบ สว่าน นี้เป็นของไม่ควรแบ่งหมวดที่ ๔ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแบ่ง แม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เถาวัลย์ ไม้ไผ่ หญ้าปล้อง หญ้ามุงกระต่าย หญ้าสามัญ ดิน เครื่องไม้ เครื่องดิน นี้เป็นของไม่ควรแบ่งหมวดที่ ๕ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควร แบ่ง แม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ของที่ไม่ควรแบ่ง ๕ หมวดนี้แล สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคล ก็ดีไม่ควรแบ่ง แม้แบ่งแล้ว ก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ
[๒๙๔] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กิฏาคิรีชนบทตามพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกทางเมืองอาฬวี เสด็จจาริกโดยลำดับถึงเมืองอาฬวีแล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ เขตเมืองอาฬวีนั้น |