ai เคยตอบว่า "วิญญาณเป็นพลังงาน หรือแรงขับที่ทำให้นามรูป ดำเนินต่อไปในภพชาติ " ขอถามว่าข้อความนี้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสหรือไม่ มีหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ai เอาข้อมูลนี้มาจากอรรถกถา หรือจากที่ไหน
คำตอบจากAI
(ต่อเนื่องจากคำถามก่อนหน้านี้ AI-019)
ข้อความที่ว่า "วิญญาณเป็นพลังงาน หรือแรงขับที่ทำให้นามรูปดำเนินต่อไปในภพชาติ" นั้น ไม่ใช่พระพุทธดำรัสโดยตรง และในพระไตรปิฎก ไม่มีการนิยามวิญญาณว่าเป็น "พลังงาน"
อย่างไรก็ตาม เนื้อหานี้อาจเป็นการอธิบาย หรือตีความหลักคำสอนเรื่อง "ปฏิจจสมุปบาท" (การเกิดขึ้นแห่งทุกข์อาศัยกันและกัน) โดยใช้ศัพท์สมัยใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากคำสอนดั้งเดิม
หลักฐานในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างวิญญาณและนามรูป ไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ในเรื่องของปฏิจจสมุปบาท
ในมหานิทานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า:
"อานนท์! เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงเกิดวิญญาณ"
"เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงเกิดนามรูป"
"ดังนั้น นามรูปและวิญญาณ จึงเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ดุจไก่และฟองไข่ ที่ สัมพันธ์กัน"
ความหมายของวิญญาณในพระพุทธศาสนา
ในทางพุทธศาสนา วิญญาณมีสองความหมายที่แตกต่างกัน และไม่มีความหมายใด ที่หมายถึง "พลังงาน" แบบทางโลก
ในขันธ์ 5: วิญญาณเป็นหนึ่งในกองขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) หมายถึง การรู้แจ้งอารมณ์ทางอายตนะทั้ง 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ซึ่งเกิดขึ้น และดับไปเป็นขณะๆ
ในปฏิจจสมุปบาท: วิญญาณหมายถึง ความรู้หรือการรับรู้ที่สืบต่อในสังสารวัฏ ซึ่งอาศัยกรรมเป็นปัจจัย ทำให้เกิดการปรุงแต่งและรับรู้ในภพชาติต่อไป
ที่มาของข้อความที่คลาดเคลื่อน
ข้อความที่ว่า "วิญญาณเป็นพลังงาน" อาจมีที่มาจากหลายส่วน:
การตีความของบุคคลบางกลุ่ม: บางคนอาจนำหลักธรรม มาเทียบเคียงกับ แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ เช่น ฟิสิกส์ หรือจิตวิทยา ทำให้เกิดการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่นำไปสู่การตีความที่ผิดเพี้ยน
แนวคิดจากคัมภีร์อื่นที่ไม่ใช่พระไตรปิฎก: บางความเชื่อหรือลัทธิอาจมีแนวคิดเรื่อง "พลังงานชีวิต" ที่คล้ายคลึงกัน แล้วนำมาผสมกับคำสอนทางพุทธศาสนา
การแปลความหมายแบบสรุปเกินไป: การนำหลักปฏิจจสมุปบาทที่ว่า "วิญญาณ เป็นปัจจัยให้นามรูปเกิด" มาสรุปแบบสั้นๆ ว่าเป็น "แรงขับ" อาจทำให้เกิดการเชื่อมโยง กับคำว่า "พลังงาน" ซึ่งเป็นคำที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายกว่า
สรุป
ข้อความดังกล่าว "ไม่มีหลักฐานว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้โดยตรง" และการนิยาม วิญญาณว่าเป็น "พลังงาน" ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคำสอน จากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าโดยตรง เนื้อหานี้เป็นเพียงการตีความของบุคคล บางกลุ่ม ที่นำหลักธรรมมาเปรียบเทียบกับแนวคิดสมัยใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิด ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
ความเห็น
AI ยอมรับว่า วิญญาณไม่ได้เป็นพลังงาน ไม่ใช่พระพุทธดำรัสโดยตรง และใน พระไตรปิฎกไม่มีการนิยามวิญญาณว่าเป็น "พลังงาน" แต่เป็นการตีความของบุคคล บางกลุ่ม (ซึ่งไม่ทราบว่ากลุ่มไหน) หากเป็นนักวิชาการทางด้านพุทธศาสนา ก็ถือว่า เป็นอันตรายต่อศาสนาพุทธ เพราะความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้จึงตีความตามทัศนะ ของตน หรือของกลุ่มคน กลายเป็นการบัญญัติเพิ่ม ซึ่งพระองค์ทรงห้ามไว้แล้ว...ภิกษุทั้งหลายจะไม่บัญญัติสิ่งที่(ตถาคต)ไม่เคยบัญญัติ จะไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติ ไว้แล้ว...ฯลฯ
วิญญาณในคำสอนของพระศาสดาคือ กิริยาที่รู้แจ้งต่ออารมณ์ ที่มากระทบ (ผัสสะทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ทรงอุปมาวิญญาณ ว่าเหมือนนักมายากล เมื่อพิจารณาแล้ว ก็จะเห็นเป็นของว่างเปล่า หาแก่นสารไม่ได้ (วิญญาณเป็นของว่างเปล่า ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา)
|