เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
  AI กับพระไตรปิฎก
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ถาม AI :
คำว่า เสวยสุขด้วยนามกาย ในตติยฌาน หรือ ฌาน 3 หมายถึงอะไร

AI_021

 


ถาม AI คำว่า เสวยสุขด้วยนามกาย ในตติยฌาน หรือ ฌาน 3 หมายถึงอะไร

คำตอบจากAI

'เสวยสุขด้วยนามกาย' ในตติยฌาน (ฌาน 3) หมายถึงการเข้าถึงความสุขทางใจ ที่ละเอียดประณีตอย่างยิ่ง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ปีติ (ความอิ่มใจ) ได้จางหายไปแล้ว ความสุขนี้เป็นความสุขที่ละเอียดอ่อนกว่าสุข ที่เกิดขึ้นในปฐมฌานและทุติยฌาน

เพื่อทำความเข้าใจวลีนี้ ควรพิจารณาจากส่วนประกอบดังนี้:

   นามกาย หมายถึงสภาพธรรมที่ไม่มีรูป ได้แก่ เวทนา (ความรู้สึกสุขหรือทุกข์), สัญญา (ความจำ), เจตนา (ความจงใจ), ผัสสะ (ความกระทบอารมณ์) และมนะ (ใจ) ในที่นี้ นามกายหมายถึงเวทนาที่เป็นสุขที่ละเอียดประณีต

   เสวยสุข คือการได้รับหรือสัมผัสกับความรู้สึกเป็นสุขอย่างเต็มที่

ความหมายโดยสรุป

ดังนั้น "เสวยสุขด้วยนามกาย" ในตติยฌานจึงหมายถึงการรับรู้ และสัมผัสกับความสุข ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ อย่างละเอียดประณีต โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสุขทางกาย ที่เกิดจากสัมผัสภายนอก (ขยายเพิ่มเติม สุขทางกาย คือสุขอันเกิดจาก ตา+รูป ,หู+เสียง, จมูก+กลิ่น, ลิ้น+รส, กาย+สัมผัส ..anakame)

สถานะของจิตในตติยฌาน

ในฌาน 3 ผู้ปฏิบัติจะอยู่ในสภาพที่:

   มีอุเบกขา: จิตวางเฉย ไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ต่างๆ

   มีสติและสัมปชัญญะ: มีความระลึกได้และรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา

   ไม่มีปีติ: ปีติอันหยาบได้จางหายไปแล้ว

   เสวยสุขด้วยนามกาย: สุขที่เหลืออยู่เป็นสุขที่ละเอียดอ่อน และมั่นคงกว่าสุขในฌาน ก่อนๆ

ดังนั้น ฌาน 3 จึงเป็นสภาวะที่จิตสงบตั้งมั่น และผู้ปฏิบัติได้เสวยสุข ที่เกิดจากสมาธิ ภายในอย่างเต็ม ที่โดยอาศัยนามกาย (ความรู้สึกทางใจ) เป็นเครื่องรับรู้ความสุขนั้น

AI can make mistakes, so double-check responses (AI บอกว่าอาจผิดพลาด ควรตรวจสอบอีกครั้ง)


ความเห็น
คำตอบเหมือนจะดูดี แต่ก็กังขาในบางประโยค เช่น เสวยสุข คือการได้รับหรือสัมผัส กับความรู้สึกเป็นสุขอย่างเต็มที่ เพราะฟังแล้วดูแปร่งๆ เหมือนไม่ใช่คำของพระศาสดา อีกทั้ง ai ก็ยังไม่มั่นใจ(ตนเอง) ให้เราตรวจสอบอีกครั้ง .... ด้วยความสงสัยจึงต้อง ถามต่อไปให้สิ้นสงสัย ตามไปที่ (AI-022)


เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
 
โครงสร้างสุตตันตปิฎก ๒๕ เล่ม
พระไตรปิฎกแบ่งเป็น ๕ นิกาย
๕ นิกาย สาระโดยย่อ
     ๕ นิกาย แยกแบบตาราง
  ทีฆทิกาย เล่มที่ ๙-๑๑
  ๒ มัชฌิมนิกาย เล่มที่ ๑๒-๑๔
  ๓ สังยุตตนิกาย เล่มที่ ๑๕-๑๙
  ๔ อังคุตตรนิกาย เล่มที่ ๒๐-๒๔
  ๕ ขุททกนิกาย เล่มที่ ๒๕-๓๓

๕ นิกาย แบบลัดสั้นใน ๑ หน้า
พระไตรปิฎก ๒๕ เล่ม (๙-๓๓)

  โครงสร้างสุตตันตปิฎก (๒๕ เล่ม)
สุตตันตปิฎก
แบ่งเป็น ๕ นิกาย
(หมวด)    
ทีฆทิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย
๕ นิกายโดยย่อ ๕ นิกายแบบลัดสั้น ๒๕ เล่มโดยย่อ ๒๕ เล่มตามหมวด ชุดเต็ม (เล่ม๙-๓๓)
           



หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์