พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๖๐-๑๖๔
๙. อักขมสูตร
[๑๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ไม่ควรแก่พระราชา ไม่ควรเป็นช้างทรง ไม่ถึงการนับว่าเป็นพระราชพาหนะ
องค์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ช้างของพระราชาเป็นสัตว์
๑ ไม่อดทนต่อรูป
๒ ไม่อดทนต่อเสียง
๓ ไม่อดทนต่อกลิ่น
๔ ไม่อดทนต่อรส
๕ ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรูปอย่างไร
คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว เห็นกองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ หรือ กองพลเดินเท้า ย่อมหยุดนิ่งสะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรูปอย่างนี้แล
ก็ช้าง ของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อเสียงอย่างไร
คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ได้ยินเสียงกองพลช้าง เสียงกองพลม้า เสียง กองพล รถ เสียงกองพลเดินเท้า หรือเสียง กลอง บัณเฑาะว์ สังข์ มโหระทึก ย่อม หยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชา เป็นสัตว์ไม่อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล
ก็ช้าง ของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อกลิ่นอย่างไร
คือ ช้างของ พระราชา เข้าสู่ สงครามแล้ว ได้กลิ่นมูตรและคูถแห่งช้างของพระราชา (ฝ่ายข้าศึก) ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเข้าสนามรบทั้งหลาย ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถ เข้า สนามรบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล
ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรสอย่างไร
คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่ สงครามแล้ว ไม่ได้กินอาหารเพียงคืนหนึ่ง ๒ คืน ๓ คืน ๔ คืนหรือ ๕ คืน ย่อมหยุดนิ่ง สะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อรสอย่างนี้แล
ก็ช้าง ของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างไร
คือ ช้างของพระราชาเข้าสงคราม แล้ว ถูกเขายิงด้วยลูกศรครั้งหนึ่ง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ๔ ครั้ง หรือ ๕ ครั้งเข้าแล้ว ย่อมหยุด นิ่งสะทกสะท้าน ไม่สามารถเข้าสนามรบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเป็นผู้ ไม่ควรแก่ของคำนับ ไม่ควรแก่ของต้อนรับ ไม่ควรแก่ของทำบุญ ไม่ควรแก่ การกระทำอัญชลี ไม่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑ เป็นผู้ไม่อดทนต่อรูป
๒ ไม่อดทนต่อเสียง
๓ ไม่อดทนต่อกลิ่น
๔ ไม่อดทนต่อรส
๕ ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมกำหนัดในรูปที่ชวนให้กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทน ต่อ เสียงอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ฟังเสียงด้วยหูแล้วย่อมกำหนัดในเสียง ที่ชวน ให้กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่ อดทน ต่อกลิ่นอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สูดกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ย่อมกำหนัด ในกลิ่นที่ชวนให้กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทน ต่อรสอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ย่อมกำหนัดในรสที่ชวน ให้ กำหนัดไม่สามารถ ตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรสอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทน ต่อ โผฏฐัพพะอย่างไร
คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ ถูกโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ย่อมกำหนัด ในโผฏฐัพพะที่ชวนให้ กำหนัด ไม่สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อ โผฏฐัพพะ อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ไม่ควร แก่ของคำนับ ไม่ควรแก่ของต้อนรับ ไม่ควรแก่ของทำบุญ ไม่ควรแก่การกระทำอัญชลี ไม่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
(ช้างที่คู่ควรแก่พระราชา)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชา ประกอบด้วยองค์ ๕ ประการเป็นช้าง ควรแก่พระราชา ควรเป็นช้างทรง ถึงการนับว่าเป็นราชพาหนะองค์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูป ๑ อดทนต่อเสียง ๑ อดทนต่อกลิ่น ๑ อดทนต่อรส ๑ อดทนต่อโผฏฐัพพะ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูปอย่างไร คือช้าง ของ พระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว เห็นกองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ หรือ กองพล เดินเท้า ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรูปอย่างนี้แล
ก็ช้างของ พระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อเสียงอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ได้ยินเสียงกองพลช้าง เสียงกองพลม้า เสียง กองพลรถ เสียงกองพลเดินเท้า หรือ เสียงกลอง บัณเฑาะว์ สังข์ มโหระทึกที่ กระหึ่ม ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของ พระราชาอดทนต่อเสียงอย่างนี้แล
ก็ช้างของ พระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อกลิ่นอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสงครามแล้ว ได้กลิ่นมูตร และคูถแห่งช้างของพระราชา (ฝ่ายข้าศึก) ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเข้าสนามรบ ทั้งหลาย ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อกลิ่น อย่างนี้ แล
ก็ช้างของ พระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อรสอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสู่สงครามแล้ว ไม่ได้กินอาหาร แม้เพียงคืนหนึ่ง ๒ คืน ๓ คืน ๔ คืน หรือ ๕ คืน ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทก สะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาอดทนต่อรสอย่างนี้แล
ก็ช้างของพระราชา เป็นสัตว์อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างไร คือ ช้างของพระราชาเข้าสงครามแล้ว ถูกเขายิง ด้วยลูกศร ครั้งหนึ่ง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ๔ ครั้ง หรือ ๕ ครั้ง ย่อมไม่หยุดนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน สามารถเข้าสนามรบได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาเป็นสัตว์อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างของพระราชาประกอบด้วยองค์ ๕ ประการนี้แล เป็นช้างควรแก่ พระราชา ควรเป็นช้างทรง ถึงการนับว่าเป็นพระราชพาหนะ
(ภิกษุผู้ควรแก่ของคำนับ ควรต้อนรับ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ควรแก่ ของคำนับ ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ของทำบุญ ควรแก่การกระทำอัญชลี เป็นนาบุญ ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้อดทนต่อรูป ๑ อดทนต่อเสียง ๑ อดทนต่อกลิ่น ๑ อดทนต่อรส ๑ อดทนต่อโผฏฐัพพะ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้อดทน ต่อรูป อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในรูป ที่ชวนให้กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อรูปอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้อดทน ต่อเสียง อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ฟังเสียงด้วยหู แล้ว ย่อมไม่กำหนัดในเสียง ที่ ชวน ให้กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อเสียงอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้อดทน ต่อกลิ่น อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สูดกลิ่นด้วยจมูก แล้ว ย่อมไม่กำหนัดในกลิ่น ที่ชวน ให้กำหนัดสามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อกลิ่นอย่างนี้แล
ภิกษุย่อมเป็นผู้อดทน ต่อรส อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ลิ้มรสด้วยลิ้น แล้วย่อมไม่กำหนัดในรส ที่ชวนให้ กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อรสอย่างนี้แล
ก็ภิกษุเป็นผู้อดทน ต่อโผฏฐัพพะ อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ถูกต้อง โผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ย่อมไม่กำหนัดในโผฏฐัพพะ ที่ชวนให้กำหนัด สามารถตั้งจิตไว้ โดยชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อดทนต่อโผฏฐัพพะอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นผู้ควรแก่ของ คำนับ ควรแก่ของต้อนรับควรแก่ของทำบุญ ควรแก่การกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของ โลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
|