เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ปัตถนาสูตรที่ ๑ ราชโอรสองค์ใหญ่ประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมปรารถนาราชสมบัติ และปรารถนาเป็นอุปราช ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕.. อัปปสุปติสูตร คน ๕ จำพวกนี้ ย่อมหลับน้อย ตื่นมาก 2214
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒

ปัตถนาสูตรที่ ๑
พระราชโอรสองค์ใหญ่ ทรงประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ย่อมทรงปรารถนาราชสมบัติ
๑ ทรงเป็นอุภโตสุชาติทั้งฝ่ายพระมารดา ทั้งฝ่ายพระบิดา
๒ ทรงมีพระรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส
๓ ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาพระบิดา
๔ ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งชาวนิคมชนบท
๕ ทรงศึกษาสำเร็จดีแล้วในศิลปศาสตร์แห่งพระราชา

ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนาความสิ้นอาสวะฉันนั้นเหมือนกัน
๑ เป็นผู้มีศรัทธา เชื่อพระปัญญา เครื่องตรัสรู้ของตถาคต
๒ เป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย
๓ เป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา
๔ เป็นผู้ปรารภความเพียร
๕ เป็นผู้มีปัญญา
-------------------------------------------------------------------------------------------------

ปัตถนาสูตรที่ ๒
พระราชโอรสองค์ใหญ่ ทรงประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ย่อมทรงปรารถนาเป็นอุปราช
๑ เป็นอุภโตสุชาติ
๒ มีพระรูปสวยงาม
๓ เป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาพระบิดา
๔ ทรงเป็นที่รักที่พอใจแห่งกองทหาร
๕ ทรงเฉียบแหลมฉลาด มีปัญญา

ภิกษุในธรรมวินัยประกอบด้วย องค์ ๕
๑ เป็นผู้มีศีล สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒ เป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
๓ เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐานทั้ง ๔
๔ เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม
๕ เป็นผู้มีปัญญา ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ

-------------------------------------------------------------------------------------------------
อัปปสุปติสูตร
คน ๕ จำพวกนี้ ย่อมหลับน้อย ตื่นมาก
๑ สตรีผู้คิดมุ่งถึงบุรุษ
๒ บุรุษผู้คิดมุ่งถึงสตรี
๓ โจรผู้คิดมุ่งลักทรัพย์
๔ พระราชาผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณีย์
๕ ภิกษุผู้คิดมุ่งถึงธรรมที่ปราศจากสังโยชน์

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 
สารบาญพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๘-๓๓ (๒๕ เล่ม) ทุกพระสูตร
1. ฉบับหลวง
2. ฉบับมหาจุฬาฯ
3. อรรถกถาไทย
4. ฉบับภาษาบาลี
5. อรรถกถา-บาลี
6. Pali Roman (Roman Script)
7. Atthakatha PaliRoman
 

 


 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๕-๑๕๗

๕. ปัตถนาสูตรที่ ๑

            [๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชา ผู้กษัตริย์ได้ มูรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ย่อมทรงปรารถนาราชสมบัติ

            องค์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชาผู้กษัตริย์ ได้มูรธาภิเษกแล้วในโลกนี้ ย่อม

ทรงเป็นอุภโตสุชาติ ทั้งฝ่ายพระมารดา ทั้งฝ่ายพระบิดา มีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ หมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ เป็นผู้อันใครๆ จะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงพระชาติ ไม่ได้
ทรงมีพระรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง
ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาพระบิดา
ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งชาวนิคมชนบท
ทรงศึกษาสำเร็จดีแล้วในศิลปศาสตร์แห่งพระราชา ผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว เช่นในศิลปศาสตร์ในเพราะช้าง ม้า รถ หรือธนู พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้น ย่อมทรงดำริ อย่างนี้ว่า
-เราแลเป็นอุภโตสุชาติ ทั้งฝ่ายพระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดา มีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ หมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ เป็นผู้อันใครๆจะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงพระชาติ ไม่ได้ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า

-เราเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง ไฉนเราจะไม่ พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า

-เราแลเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาและพระบิดา ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา ราชสมบัติเล่า

-เราแลเป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งชาวนิคมชนบท ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราชสมบัติเล่า

-เราแลเป็นผู้ได้ศึกษาสำเร็จดีแล้ว ในศิลปศาสตร์แห่งพระราชาผู้กษัตริย์ ได้มูรธาภิเษก แล้ว เช่นในศิลปศาสตร์ในเพราะช้าง ม้า รถ หรือธนู ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาราช สมบัติเล่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ ของพระราชาผู้กษัตริย์ ได้มูรธา ภิเษก แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ประการนี้แล ย่อมทรงปรารถนาราชสมบัติ ฉันใด

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนาความ สิ้นอาสวะ ฉันนั้นเหมือนกัน

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้

เป็นผู้มีศรัทธา เชื่อพระปัญญา เครื่องตรัสรู้ของตถาคต ว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย ประกอบด้วยไฟธาตุ สำหรับย่อยอาหารสม่ำเสมอดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เป็นปานกลาง ควรแก่การบำเพ็ญเพียร

เป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา เปิดเผยตนตามเป็นจริงในพระศาสดา หรือเพื่อน พรหมจรรย์ผู้รู้แจ้ง

เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม

เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญา เครื่องหยั่งเห็นความเกิดและความดับ อันประเสริฐ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ เธอย่อมคิดอย่างนี้ว่า

- เราเป็นผู้มีศรัทธา เชื่อต่อพระปัญญาเครื่องตรัสรู้ของตถาคต ว่าแม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้น อาสวะเล่า

- เราแลเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อยประกอบด้วยไฟธาตุ สำหรับย่อยอาหาร สม่ำเสมอ ดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก เป็นปานกลาง ควรแก่การบำเพ็ญเพียร ไฉนเราจะไม่พึง ปรารถนา ความสิ้นอาสวะเล่า

- เราแลเป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา เปิดเผยตนตามเป็นจริงในพระศาสดา หรือเพื่อน พรหมจรรย์ผู้รู้แจ้ง ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า

- เราแลเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม มีกำลังมีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา ความ สิ้นอาสวะเล่า

- เราแลเป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญาเครื่องหยั่งเห็นความเกิดความดับ อันประเสริฐ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา ความสิ้นอาสวะเล่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม๕ ประการนี้แล ย่อมปรารถนา ความสิ้น อาสวะ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๗-๑๕๙

๖. ปัตถนาสูตรที่ ๒

            [๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชา ผู้กษัตริย์ได้ มูรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ ย่อมทรงปรารถนาเป็นอุปราช

องค์ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระราชา ผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้วในโลกนี้ เป็นอุภโตสุชาติทั้งฝ่ายพระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดา มีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ หมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ อันใครๆจะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงพระชาติไม่ได้

๒ ทรงมีพระรูปสวยงาม น่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง
๓ ทรงเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่งพระมารดาพระบิดา
๔ ทรงเป็นที่รักที่พอใจแห่งกองทหาร
๕ ทรงเฉียบแหลมฉลาด มีปัญญา สามารถคิดเหตุการณ์ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน

            พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้น ย่อมทรงดำริอย่างนี้ว่า เราแลเป็นอุภโตสุชาติ ทั้งฝ่าย พระมารดาทั้งฝ่ายพระบิดา มีพระครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ อันใครๆ จะคัดค้าน ตำหนิ โดยอ้างถึงชาติไม่ได้ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา เป็นอุปราชเล่า

            เราแลเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยฉวีวรรณผุดผ่องดียิ่ง ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาเป็นอุปราชเล่า เราแลเป็นที่รักเป็นที่พอพระทัยแห่ง พระมารดาพระบิดา ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาเป็นอุปราชเล่า เราแลเป็นที่รักที่พอใจแห่ง กองทหาร ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาเป็นอุปราชเล่าเราแลเป็นผู้เฉียบแหลม ฉลาด มีปัญญา สามารถคิดเหตุการณ์ทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา เป็นอุปราชเล่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้ มูรธาภิเษก แล้ว ประกอบด้วยองค์๕ ประการนี้แล ย่อมทรงปรารถนาเป็นอุปราช ฉันใด

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนา
ความสิ้น อาสวะ ฉันนั้นเหมือนกัน

ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ

๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒ เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
๓ เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐานทั้ง ๔
๔ เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม ฯลฯ ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม
๕ เป็นผู้มีปัญญา ฯลฯ ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
๖ เธอย่อมคิดอย่างนี้ว่า
-เราแลเป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย
ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา ความสิ้นอาสวะเล่า

-เราแลเป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความ สิ้นอาสวะเล่า

-เราแลเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐานทั้ง ๔
ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความ สิ้นอาสวะเล่า

-เราแลเป็นผู้ปรารภความเพียร ฯลฯ ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม
ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา ความ สิ้นอาสวะเล่า

-เราแลเป็นผู้มีปัญญา ฯลฯ ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความ สิ้นอาสวะเล่า

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมปรารถนา ความสิ้นอาสวะ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๙

๗. อัปปสุปติสูตร

            [๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๕ จำพวกนี้ ย่อมหลับน้อย ตื่นมาก ในราตรี
๕ จำพวกเป็นไฉน คือ

๑ สตรีผู้คิดมุ่งถึงบุรุษ
๒ บุรุษผู้คิดมุ่งถึงสตรี
๓ โจรผู้คิดมุ่งลักทรัพย์
๔ พระราชาผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณีย์
๕ ภิกษุผู้คิดมุ่งถึงธรรมที่ปราศจากสังโยชน์

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๕ จำพวกนี้แล ย่อมหลับน้อยตื่นมากในราตรี



 





หนังสือพุทธวจน ธรรมะของพระศาสดา
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์