พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑ - หน้าที่ ๔๙
๑. มหาปทานสูตร (๑๔)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1
(พราหมณ์ผู้รู้นิมิตตรวจพระราชกุมาร)
[๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อ พระวิปัสสีราชกุมาร ประสูติแล้วแล พวกอำมาตย์ได้ กราบทูลแด่พระเจ้าพันธุมาว่า ขอเดชะ พระราชโอรสของพระองค์ ประสูติแล้ว ขอพระองค์ จงทอดพระเนตร พระราชโอรสนั้นเถิด ภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าพันธุมา (พระบิดา) ได้ทอดพระเนตร เห็นพระวิปัสสีราชกุมาร แล้วรับสั่งเรียก พวกพราหมณ์ผู้รู้นิมิตมาแล้ว ตรัสว่า ขอพวกพราหมณ์ผู้รู้นิมิตผู้เจริญ จงตรวจดู พระราชกุมาร เถิด ภิกษุทั้งหลาย พวกพราหมณ์ ผู้รู้นิมิต ได้เห็นพระวิปัสสีราชกุมาร นั้นแล้ว ได้กราบทูลพระเจ้าพันธุมานั้นดังนี้
2
(พระราชกุมารมีคติ ๒ อย่าง ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวช จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)
ขอเดชะ ขอพระองค์จงดีพระทัยเถิด พระราชโอรสของพระองค์ที่ทรง เกิดแล้ว มีศักดิ์ใหญ่ ข้าแต่มหาราช เป็นลาภของพระองค์ ผู้เป็นเจ้าของสกุล อันเป็น ที่บังเกิดแห่ง พระราชโอรส เห็นปานดังนี้ ขอเดชะ พระองค์ได้ดีแล้ว เพราะ พระราช กุมารนี้ ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ซึ่งมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือน จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นพระราชา โดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้วมี ราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณีนางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ ๗ พระราชบุตรของพระองค์ มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูป ทรงสมเป็น วีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชำนะ โดยธรรม มิต้องใช้อาญา มิต้องใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดิน มีสาครเป็นขอบเขต ถ้าเสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก
ขอเดชะ ก็พระราชกุมารนี้ ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ เหล่าไหน อันเป็นเหตุ ให้มีคติ เป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือนจักได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ทรงธรรมเป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มี มหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้วมีพระราชอาณาจักรมั่นคงสมบูรณ์ด้วย แก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ฯลฯ ครอบครองแผ่นดินมีสาคร ๔ เป็นขอบเขต ถ้าเสด็จออกผนวชเป็น บรรพชิต จะได้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลังคา คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3
(มหาปุริสลักษณะของมหาบุรุษ ๓๒ ประการ)
[๒๙] ๑. ขอเดชะ ก็ พระราชกุมารนี้ มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี (เรียบเสมอ) ข้าแต่สมมติเทพ การที่พระราชกุมารนี้ มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี นี้เป็น มหาปุริสลักษณะ ของมหาบุรุษนั้น
๒. ณ พื้นภายใต้ฝ่าพระบาททั้ง ๒ ของพระราชกุมารนี้ มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง ข้าแต่สมมติเทพ แม้การที่พื้นภายใต้ฝ่าพระบาท ทั้ง ๒ ของพระราชกุมารนี้มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ ทั้งปวง นี้ก็เป็นมหาปุริสลักษณะของมหาบุรุษนั้น
๓. มีส้นพระบาทยาว
๔. มีพระองคุลียาว
๕. มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
๖. มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ
๘. มีพระชงฆ์รีเรียวดุจแข้งเนื้อทราย
๙. เสด็จสถิตยืนอยู่มิได้น้อมลง เอาฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบคลำได้ถึงพระชาณุทั้งสอง
๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก
๑๑. มีพระฉวีวรรณดุจวรรณแห่งทองคำ คือ มีพระตจะประดุจหุ้มด้วยทอง
๑๒. มีพระฉวีละเอียด เพราะพระฉวีละเอียด ธุลีละอองจึงมิติดอยู่ในพระกายได้
๑๓. มีพระโลมชาติเส้นหนึ่งๆ เกิดในขุมละเส้นๆ
๑๔. มีพระโลมชาติที่มีปลายช้อยขึ้นข้างบน มีสีเขียว มีสีเหมือนดอกอัญชัญขด เป็น
กุณฑลทักษิณาวัฏ
๑๕. มีพระกายตรงเหมือนกายพรหม
๑๖. มีพระมังสะเต็มในที่ ๗ สถาน
๑๗. มีกึ่งพระกายท่อนบนเหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของสีหะ
๑๘. มีระหว่างพระอังสะเต็ม
๑๙. มีปริมณฑลดุจไม้นิโครธ วาของพระองค์เท่ากับพระกายของพระองค์ พระกาย ของพระองค์เท่ากับวาของพระองค์
๒๐. มีลำพระศอกลมเท่ากัน
๒๑. มีปลายเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันดี
๒๒. มีพระหนุดุจคางราชสีห์
๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่
๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
๒๕. มีพระทนต์ไม่ห่าง
๒๖. มีพระทาฐะขาวงาม
๒๗. มีพระชิวหาใหญ่
๒๘. มีพระสุรเสียงดุจเสียงแห่งพรหม ตรัสมีสำเนียงดังนกการวิก
๒๙. มีพระเนตรดำสนิท (ดำคม)
๓๐. มีดวงพระเนตรดุจตาแห่งโค
๓๑. มีพระอุณณาโลมบังเกิด ณ ระหว่างแห่งขนง มีสีขาวอ่อนควรเปรียบด้วยนุ่น
๓๒. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ ข้าแต่สมมติเทพ แม้การที่พระราชกุมาร นี้ มีพระเศียรดุจประดับ ด้วยกรอบพระพักตร์นี้ ก็เป็นมหาปุริสลักษณะ ของมหาบุรุษนั้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4
(ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ทรงชำนะโดยธรรม)
[๓๐] ขอเดชะ พระราชกุมารนี้ ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ เหล่านี้ ซึ่งมีคติ เป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดินมีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชำนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้วคฤหบดีแก้ว ปริณายาแก้ว เป็นที่ ๗
พระราชบุตรของพระองค์ มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็น วีรกษัตริย์ สามารถ ย่ำยี เสนาของข้าศึกได้ พระองค์ ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศาตรา ครอบครองแผ่นดิน มีสาคร เป็นขอบเขต ถ้าเสด็จออกผนวชเป็น บรรพชิต จะได้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5
(พระเจ้าพันธุมา รับสั่งตั้งพี่เลี้ยงนางนม เลี้ยงดูพระวิปัสสี ราชกุมาร)
[๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมาโปรดให้พวกพราหมณ์ ผู้รู้นิมิตนุ่งห่มผ้าใหม่แล้ว เลี้ยงดูให้อิ่มหนำด้วยสิ่งที่ต้องประสงค์ทุกสิ่ง
ภิกษุทั้งหลาย
ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมา รับสั่งตั้งพี่เลี้ยงนางนม แก่พระวิปัสสี ราชกุมาร
๑. หญิงพวกหนึ่ง ให้เสวยน้ำนม
๒.หญิงพวกหนึ่ง ให้สรงสนาน
๓.หญิงพวกหนึ่ง อุ้ม
๔.หญิงพวกหนึ่ง ใส่สะเอว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราชบุรุษทั้งหลาย ได้กั้นเสวตฉัตรเพื่อพระวิปัสสี ราชกุมาร ผู้ประสูติแล้วนั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยหวังว่า หนาว ร้อน หญ้า ละออง หรือ น้ำค้าง อย่าได้ต้องพระองค์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พระวิปัสสีราชกุมาร ผู้ประสูติมาแล เป็นที่รักเป็นที่เจริญใจ ของชนเป็นอันมาก ดอกอุบล ดอกประทุม หรือดอกปุณฑริก เป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจ ของชนเป็นอันมาก แม้ฉันใด พระวิปัสสีราชกุมาร ก็ได้เป็น ที่รัก เป็นที่เจริญใจของชน เป็นอันมาก ฉันนั้นเหมือนกัน ได้ยินว่า พระวิปัสสี ราชกุมาร นั้นอันบุคคล ผลัดเปลี่ยน กันอุ้มใส่สะเอวอยู่เสมอ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมารผู้ประสูติมาแล เป็นผู้มีพระสุระเสียง กลมเกลี้ยงไพเราะ อ่อนหวาน และเป็นที่ตั้งแห่งความรัก ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่นก การวิก บนหิมวันตบรรพต มีสำเนียงกลมเกลี้ยง ไพเราะ อ่อนหวาน และ เป็นที่ตั้ง แห่งความ ปรีเปรม ฉันใดพระวิปัสสีราชกุมาร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้มีพระสุระเสียง กลมเกลี้ยง ไพเราะ อ่อนหวาน เป็นที่ตั้งแห่งความรัก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทิพยจักษุอันเกิดแต่กรรมวิบาก อันเป็นเหตุให้เห็นได้ ไกลโดยรอบโยชน์หนึ่งทั้งกลางวันและกลางคืน ได้ปรากฏแก่พระวิปัสสีราชกุมาร ผู้ประสูติแล้วแล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พระวิปัสสีราชกุมารผู้ประสูติมาแล ไม่กะพริบพระเนตร เพ่งแลดูภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ไม่กะพริบเนตรเพ่งแลดู แม้ฉันใด พระวิปัสสีราชกุมาร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่กะพริบพระเนตรเพ่ง แลดู
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมญาว่า วิปัสสี ดังนี้แล ได้บังเกิดขึ้นแล้วแก่พระวิปัสสี ราชกุมาร ผู้ประสูติมาแล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมาประทับนั่งในศาลสำหรับ พิพากษาคดีให้พระวิปัสสีราชกุมาร นั่งบนพระเพลา(นั่งตัก)ไต่สวนคดีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่าพระวิปัสสีราชกุมาร ประทับนั่งบนพระเพลา ของพระชนกณ ศาลสำหรับพิพากษา คดีนั้น ทรงสอดส่องพิจารณาคดีแล้ว ทรงทราบ ได้ด้วยพระญาณ พระราชกุมารสอดส่องพิจารณาคดีแล้ว ย่อมทรงทราบได้ด้วย พระญาณ ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สมญาว่าวิปัสสี ดังนี้แล ได้บังเกิดขึ้นแล้ว แก่พระวิปัสสีราชกุมารนั้น โดยยิ่งกว่าประมาณ
ลำดับนั้นแล พระเจ้าพันธุมา ได้โปรดให้สร้างปราสาท สำหรับพระวิปัสสี ราชกุมาร ๓ หลัง คือ
หลังหนึ่งสำหรับ ประทับในฤดูฝน
หลังหนึ่งสำหรับ ประทับในฤดูหนาว
อีกหลังหนึ่งสำหรับ ประทับในฤดูร้อน
โปรดให้บำรุงพระราชกุมาร ด้วยเบ็ญจกามคุณ ได้ยินว่า พระวิปัสสีราชกุมาร ได้รับการ บำรุงบำเรอด้วยดนตรี ไม่มีบุรุษปน ตลอด ๔ เดือนในปราสาท สำหรับประทับ ในฤดูฝน ในบรรดาปราสาททั้ง ๓ หลังนั้น มิได้เสด็จลงสู่ปราสาทชั้นล่างเลย ดังนี้แล
จบภาณวารที่หนึ่ง
|