เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

พระปริวิตกของพระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ 1696
  (ย่อ)

พระปริวิตกของพระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์
(วิปัสสี สีขี เวสสภู กกุสันธะ โกนาคมนะ กัสสป โคดม)
เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชราและมรณะจึงมี
ชราและมรณะย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ...

เมื่อเรายังเป็นพระโพธิสัตว์ ก่อนตรัสรู้ ยังมิได้ตรัสรู้
ได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า โลกนี้ถึงความยากแล้วหนอ ย่อมเกิด แก่ ตาย จุติ และ อุปบัติ และเมื่อเป็น เช่นนั้น ก็ยังไม่รู้ธรรมอันออกจากทุกข์ คือชราและมรณะนี้ เมื่อไรเล่า ความออกจากทุกข์คือชรา และ มรณะนี้ จักปรากฏ

เรานั้นเพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญาว่า
  เมื่อชาติมีอยู่ ชราและมรณะ จึงมี ชราและมรณะย่อมมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ...
  เมื่อภพมีอยู่ชาติจึงมี ชาติย่อมมีเพราะภพ เป็นปัจจัย ...
  เมื่ออุปาทานมีอยู่ภพจึงมี ภพย่อมมี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ...

เรานั้น เพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญาว่า
  เมื่อชาติ ไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี เพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ ...
  เมื่ออะไร หนอไม่มี ชาติจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ชาติจึงดับ ...
  เมื่อภพไม่มีชาติจึงไม่มี เพราะภพดับ ชาติจึงดับ ...
  เมื่ออุปาทานไม่มี ภพจึงไม่มี เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ ...

ดังพรรณนามาฉะนี้ ความดับแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ อย่างนี้
  จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้บังเกิดขึ้น แก่เรา ในธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน ว่า
  ฝ่ายข้างดับ ฝ่ายข้างดับ ดังนี้

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)

 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗ หน้าที่ ๙

พระปริวิตกของพระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์


          [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีโพธิสัตว์ ได้มีความ ปริวิตก ดังนี้ว่า เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชราและมรณะจึงมี ชราและมรณะย่อมมี เพราะอะไรเป็น ปัจจัย ...

          [๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีโพธิสัตว์ ได้มีความปริวิตก ดังนี้ว่า เมื่ออะไรหนอไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ชรา และมรณะจึงดับ

             ฯลฯ -----------------

          [๒๕] พระปริวิตกของพระพุทธเจ้าแม้ทั้ง ๗ พระองค์ ก็พึงให้พิศดาร เหมือนอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง พระนามว่าสีขี ... ทรงพระนามว่าเวสสภู ... ทรงพระนามว่ากกุสันธะ ... ทรงพระนามว่าโกนาคมนะ ... ทรงพระนามว่ากัสสป ... ฯลฯ (วิปัสสี, โคดม)

๑๐ มหาศักยมุนีโคตมสูตร

          [๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรายังเป็นพระโพธิสัตว์ ก่อนตรัสรู้ ยังมิได้ตรัสรู้ ได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า โลกนี้ถึงความยากแล้วหนอ ย่อมเกิด แก่ ตาย จุติ และ อุปบัติ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ยังไม่รู้ธรรมอันออกจากทุกข์ คือชราและมรณะนี้ เมื่อไรเล่า ความออกจากทุกข์คือชราและมรณะนี้จักปรากฏ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชรา และ มรณะ จึงมี ชราและมรณะ ย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นเพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญาว่า

เมื่อชาติมีอยู่ ชราและมรณะ จึงมี ชราและมรณะย่อมมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชาติจึงมี ชาติย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อภพมีอยู่ชาติจึงมี ชาติย่อมมีเพราะภพ เป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ภพจึงมีภพย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่ออุปาทานมีอยู่ภพจึงมี ภพย่อมมี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอ มีอยู่ อุปาทานจึงมี อุปาทานย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อตัณหามีอยู่ อุปาทานจึงมี อุปาทานย่อมมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ตัณหาจึงมี ตัณหา ย่อมมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อเวทนามีอยู่ ตัณหาจึงมี ตัณหาย่อมมีเพราะ เวทนาเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ เวทนาจึงมี เวทนาย่อมมีเพราะอะไร เป็นปัจจัย ...
เมื่อผัสสะมีอยู่ เวทนาจึงมี เวทนาย่อมมีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ผัสสะจึงมี ผัสสะย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อ สฬายตนะมีอยู่ ผัสสะจึงมี ผัสสะย่อมมีเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไร หนอมีอยู่ สฬายตนะจึงมี สฬายตนะมีย่อมเพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อนามรูปมีอยู่ สฬายตนะจึงมีสฬายตนะย่อมมีเพราะนามรูปเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ นามรูปจึงมี นามรูปย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย ...
เมื่อวิญญาณมีอยู่ นามรูปจึงมี นามรูปย่อมมีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ...

เมื่ออะไรหนอมีอยู่ วิญญาณ จึงมี วิญญาณย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย ... เมื่อสังขารมีอยู่ วิญญาณจึงมีวิญญาณย่อมมีเพราะสังขารเป็นปัจจัย

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตก ดังนี้ว่าเมื่ออะไรหนอมีอยู่ สังขารจึงมี สังขารย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นเพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญาว่า เมื่ออวิชชามีอยู่ สังขารจึงมี สังขารย่อมมี เพราะอวิชชาเป็น ปัจจัย
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ...

           ดังพรรณนา มาฉะนี้ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ อย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลายจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้บังเกิดขึ้นแก่เรา ในธรรม ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า ฝ่ายข้างเกิด ฝ่ายข้างเกิด ดังนี้

          [๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่ออะไร หนอไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ชราและมรณะจึงดับ

           ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เรานั้น เพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญาว่า
เมื่อชาติ ไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี เพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ ...
เมื่ออะไร หนอไม่มี ชาติจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ชาติจึงดับ ...
เมื่อภพไม่มีชาติจึงไม่มี เพราะภพดับ ชาติจึงดับ ...
เมื่ออุปาทานไม่มี ภพจึงไม่มี เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ ...
เมื่ออะไรหนอไม่มี อุปาทานจึงไม่มี เพราะอะไรดับ อุปาทานจึงดับ ...
เมื่อตัณหา ไม่มี อุปาทานจึงไม่มี เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ ...
เมื่ออะไร หนอไม่มี ตัณหา จึงไม่มี เพราะอะไรดับตัณหาจึงดับ ..
เมื่อเวทนาไม่มี ตัณหา จึงไม่มี เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ ...
เมื่ออะไรหนอไม่มีเวทนาจึงไม่มี เพราะอะไรดับ เวทนาจึงดับ ...
เมื่อผัสสะไม่มี เวทนาจึงไม่มีเพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ ...
เมื่ออะไรหนอไม่มี ผัสสะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ผัสสะจึงดับ ...
เมื่อสฬายตนะไม่มีผัสสะจึงไม่มี เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ ...
เมื่ออะไร หนอไม่มี สฬายตนะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ สฬายตนะจึงดับ ...
เมื่อนามรูป ไม่มี สฬายตนะจึงไม่มี เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ ...
เมื่ออะไรหนอ ไม่มี นามรูปจึงไม่มี เพราะอะไรดับ นามรูปจึงดับ ...
เมื่อวิญญาณไม่มีนามรูป จึงไม่มี เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ ...
เมื่ออะไรหนอไม่มี วิญญาณจึงไม่มี เพราะอะไรดับ วิญญาณจึงดับ ...
เมื่อสังขารไม่มี วิญญาณจึงไม่มี เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า
เมื่ออะไรหนอไม่มี สังขารจึงไม่มี
เพราะอะไรดับสังขารจึงดับ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้น เพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วย ปัญญา ว่า
เมื่ออวิชชาไม่มี สังขารจึงไม่มี
เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ...


          ดังพรรณนามาฉะนี้ ความดับแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ อย่างนี้

           ดูกรภิกษุทั้งหลายจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้บังเกิดขึ้น แก่เรา ในธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่าฝ่ายข้างดับ ฝ่ายข้างดับ ดังนี้


 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์