เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย และไม่แยบคาย 1677
  (ย่อ)
กรณีประพฤติพรหมจรรย์โดย
ไม่แยบคาย
1.บุคคลทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่บรรลุผล
2.บุคคลไม่หวังแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็จะบรรลุผล
3.บุคคลทำทั้งความหวัง และไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่บรรลุผล
4.บุคคลทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่อาจบรรลผลุ

กรณีประพฤติพรหมจรรย์โดย
แยบคาย
หากเขาทำความหวัง หรือไม่ทำความหวัง แต่เขาประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถ บรรลุผล


(ประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย โดยย่อคือ พระพฤติถูกต้อง ตรงตามคำสอนของพระศาสดา)


--------------------------------------------------------------------
อุปมา 4 ข้อ

1.เปรียบเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน
- แต่เกลี่ยทราย ลงในราง แล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไป... เขาย่อมไม่ได้น้ำมัน
- แต่เกลี่ยงาป่น ลงในราง แล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไป... เขาย่อมได้น้ำมัน (แม้ไม่ตั้งความหวัง)

2.เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด
- แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน ...เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด(รีดผิดที่)
- แต่ถ้ารีดเอาจากเต้านมแม่โคลูกอ่อน...เขาสามารถได้นมสด (แม้ไม่ตั้งความหวัง)

3.เปรียบเหมือนบุรุษต้องการเนยข้น
- แต่ใส่น้ำลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น ...เขาก็ไม่สามารถจะได้เนยข้น
- แต่ใส่นมส้มลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น ...เขาย่อมได้เนยข้น (แม้ไม่ตั้งความหวัง)

4.เปรียบเหมือนบุรุษต้องการไฟ
- แต่เอาไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟ สีกันไป ... เขาก็ไม่สามารถจะได้ไฟ
- แต่เอาไม้แห้งเกราะมาทำไม้สีไฟ สีกันไป ... เขาก็สามารถได้ไฟ (แม้ไม่ตั้งความหวัง)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๓๘-๒๔๖

ประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย และไม่แยบคาย
๖. ภูมิชสูตร (๑๒๖)


            [๔๐๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน อันเคยเป็นสถานที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระภูมิชะ นุ่งสบง ทรงบาตรจีวร เข้าไปยังวังของ พระราชกุมารชยเสนะในเวลาเช้า แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้ ต่อนั้น พระราชกุมารชยเสนะ เข้าไปหาท่านพระภูมิชะ แล้วได้ตรัสทักทายปราศรัย กับ ท่านพระภูมิชะ ครั้นผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

            [๔๐๖] พระราชกุมารชยเสนะ ประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้รับสั่งกะท่าน พระภูมิชะ ดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านภูมิชะ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิ อย่างนี้ว่า

(พระราชกุมารชยเสนะถาม)

ถ้าแม้
บุคคล ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำทั้ง ความหวังและความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล
ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่ สามารถจะบรรลุผล
            ในเรื่องนี้ ศาสดาของท่านภูมิชะมีวาทะอย่างไร มีความเห็นอย่างไร บอกไว้ อย่างไร

(ท่านภูมิชะ ตอบ)

            [๔๐๗] ท่านภูมิชะกล่าวว่า ดูกรพระราชกุมาร เรื่องนี้อาตมภาพ มิได้สดับ รับมา เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเลย แต่ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า

ถ้าแม้ บุคคลทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล

ถ้าแม้ ทำความไม่หวังแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถ จะบรรลุผล

ถ้าแม้ ทำทั้งความหวัง และความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล

ถ้าแม้ ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุ

แต่ถ้าแม้ ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถ บรรลุผล

ถ้าแม้ ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถ บรรลุผล

ถ้าแม้
ทำทั้งความหวัง และความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยแยบคาย เขาจะสามารถบรรลุผล

ถ้าแม้ ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผล

      ดูกรพระราชกุมาร เรื่องนี้อาตมภาพ มิได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาค เลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ นั่นเป็นฐานะ ที่มีได้แล

      ช. ถ้าศาสดาของท่านภูมิชะ มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ บอกไว้อย่างนี้ ศาสดาของท่านภูมิชะ ชะรอยจะดำรงอยู่เหนือหัว ของสมณพราหมณ์จำนวนมาก ทั้งมวลโดยแท้

      ต่อนั้น พระราชกุมารชยเสนะ ทรงอังคาสท่านพระภูมิชะ ด้วยอาหารในภาชนะ ส่วนของพระองค์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

            [๔๐๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระภูมิชะกลับจากบิณฑบาต ภายหลังเวลาอาหาร แล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอกราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อเช้านี้ข้าพระองค์นุ่งสบง ทรงบาตรจีวรเข้าไปยังวังของ พระราชกุมารชยเสนะ แล้วได้นั่งบนอาสนะที่เขา แต่งตั้ง ไว้

      ต่อนั้น พระราชกุมารชยเสนะ ได้เข้ามาหาข้าพระองค์แล้ว ได้ตรัสทักทายปราศรัย กับ ข้าพระองค์ ครั้นผ่านคำทักทายปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอประทับนั่งเรียบร้อยแล้วได้รับสั่งกะข้าพระองค์ดังนี้ว่า

      ข้าแต่ท่านภูมิชะ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า

ถ้าแม้บุคคลทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความหวัง และความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุ ผล
ถ้าแม้ทำความหวัง ก็มิใช่ความไม่หวัง ก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถ จะ บรรลุผล
ในเรื่องนี้ศาสดาของท่านภูมิชะ มีวาทะอย่างไร มีความเห็นอย่างไร บอกไว้อย่างไร

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระราชกุมารรับสั่งแล้วอย่างนี้ ข้าพระองค์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า

ดูกรพระราชกุมารเรื่องนี้อาตมภาพ มิได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเลย แต่ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า

ถ้าแม้บุคคลทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล

ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล

ถ้าแม้ทำทั้งความหวัง และความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ ไม่สามารถจะบรรลุผล

ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล

แต่ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาจะสามารถบรรลุผล

ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผลฅ

ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะ สามารถบรรลุผล

ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็ จะสามารถบรรลุผล

      ดูกรพระราชกุมาร เรื่องนี้อาตมภาพมิได้สดับรับมา เฉพาะพระพักตร์พระผู้มี พระภาค เลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ นั่น เป็นฐานะที่มีได้ แล พระราชกุมารชยเสนะ รับสั่งว่า ถ้าศาสดาของท่านภูมิชะมีวาทะอย่างนี้ มีความเห็น อย่างนี้ บอกไว้อย่างนี้ศาสดาของท่านภูมิชะ ชะรอยจะดำรงอยู่เหนือหัวของสมณ พราหมณ์ จำนวนมากทั้งมวลโดยแท้

      ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ถูกถามอย่างนี้แล้ว เมื่อพยากรณ์อย่างนี้ จะเป็นผู้ กล่าวตามพระดำรัสของพระผู้มีพระภาค ไม่กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำไม่จริง พยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และวาทะอนุวาทะไรๆ อันชอบด้วยเหตุ จะไม่ถึงฐานะน่า ตำหนิบ้างหรือ

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบ ท่านพระภูมิชะ ว่าเหมาะแล้ว)

            [๔๐๙] พ. ดูกรภูมิชะ เหมาะแล้ว เธอถูกถามอย่างนี้ เมื่อพยากรณ์อย่างนี้ ย่อมเป็นผู้กล่าวตามถ้อยคำของเรา ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง พยากรณ์ธรรมสมควร แก่ธรรม และวาทะอนุวาทะไรๆ อันชอบด้วยเหตุ ย่อมไม่ถึงฐานะน่าตำหนิ

      ดูกรภูมิชะ ก็สมณะ หรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิผิด มีสังกัปปะผิด มีวาจาผิด มีกัมมันตะผิด มีอาชีวะผิด มีวายามะผิด มีสติผิดมีสมาธิผิด

ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล
ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้ โดยอุบายไม่แยบคาย
------------------------------------------------------------

(พระผู้มีพระภาคทรงอุปมา ๔ เรื่อง)

            [๔๑๐] ดูกรภูมิชะ (๑) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน แสวงหาน้ำมัน จึงเที่ยว เสาะหาน้ำมัน เกลี่ยทรายลงในรางแล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ ถ้าแม้ทำความ หวังแล้ว เกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็ไม่สามารถ จะได้น้ำมัน ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วเกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไปๆเขาก็ไม่สามารถ จะได้น้ำมัน ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวัง แล้วเกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน ถ้าทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วเกลี่ยทรายลง ในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะได้น้ำมันโดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูกรภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิผิด มีสังกัปปะผิด มีวาจาผิด มีกัมมันตะผิด มีอาชีวะผิด มีวายามะผิด มีสติผิด มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความ หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวัง และความ ไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถ จะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวัง ก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่น เพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย

            [๔๑๑] ดูกรภูมิชะ (๒) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสด จึงเที่ยวเสาะหานมสด แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วรีด เอาจากเขา แม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วรีด เอาจากเขา แม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความ ไม่หวัง แล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความ หวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้ นมสด นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะได้นมสด โดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูกรภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีทิฐิผิด ฯลฯ มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ ไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวัง และ ความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวัง ก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่น เพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย

            [๔๑๒] ดูกรภูมิชะ (๓) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการเนยข้น แสวงหาเนยข้น จึงเที่ยวเสาะหาเนยข้น ใส่น้ำลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น ถ้าแม้ทำความหวังแล้วใส่ น้ำลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็ไม่สามารถจะได้เนยข้น ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วใส่น้ำ ลงใน อ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็ไม่สามารถจะได้เนยข้น ถ้าแม้ทำ ทั้ง ความหวัง และความ ไม่หวัง แล้วใส่น้ำลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็ไม่สามารถ จะได้เนยข้น ถ้าแม้ทำ ความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วใส่น้ำลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็ไม่สามารถจะได้เนยข้น นั่นเพราะเหตุไร

       ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะได้เนยข้น โดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด

      ดูกรภูมิชะ ฉันนั้น เหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิผิด ฯลฯ มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำ ทั้งความหวัง และความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะ บรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผล ได้โดยอุบาย ไม่แยบคาย

            [๔๑๓] ดูกรภูมิชะ (๔) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการไฟ แสวงหาไฟ จึงเที่ยวเสาะหาไฟ เอาไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟ สีกันไป ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วเอา ไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็ไม่สามารถจะได้ไฟ ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วเอาไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็ไม่สามารถจะได้ไฟ ถ้าแม้ทำทั้ง ความหวัง และความไม่หวัง แล้วเอาไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟ สีกันไปเขาก็ไม่ สามารถจะได้ไฟ ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วเอาไม้สดที่มียาง มาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็ไม่สามารถจะได้ไฟ นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถ จะได้ไฟโดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูกรภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิผิด ฯลฯ มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ ไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวัง และความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ หวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผล ได้โดยอุบายไม่แยบคาย

            [๔๑๔] ดูกรภูมิชะ ส่วนสมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิชอบ มีสังกัปปะชอบ มีวาจาชอบ มีกัมมันตะชอบ มีอาชีวะชอบ มีวายามะชอบมีสติชอบ มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้ง ความหวัง และความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำ ความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถบรรลุผลได้โดยอุบายแยบคาย

---------------------------------------------------------------------------------------------

            [๔๑๕] ดูกรภูมิชะ (๑) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน แสวงหาน้ำมัน จึงเที่ยว เสาะหาน้ำมัน เกลี่ยงาป่นลงในรางแล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วเกลี่ยงาป่นลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็สามารถ ได้น้ำมัน ถ้าแม้ทำความ ไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่แล้ว เกลี่ยงาป่นลงในรางคั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็สามารถได้ น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถได้น้ำมันโดยวิธีแยบคาย ฉันใด ดูกรภูมิชะ ฉันนั้น เหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิชอบ ฯลฯ มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ ไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวัง ก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร

       ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถบรรลุผลได้โดยอุบายแยบคาย

            [๔๑๖] ดูกรภูมิชะ (๒) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสด จึงเที่ยว เสาะหา นมสด รีดเอาจากเต้านมแม่โคลูกอ่อน ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วรีดเอา จาก เต้านมแม่โคลูกอ่อน เขาก็สามารถได้นมสด ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้ว ...ถ้าแม้ทำ ทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วรีดเอาจากเต้านมแม่โคลูกอ่อน เขาก็สามารถได้นมสด นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถได้นมสด โดยวิธีแยบคาย ฉันใด

      ดูกรภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์ พวกใดพวกหนึ่งที่มีทิฐิชอบ ฯลฯ มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำ ความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุ ผลนั่น เพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถบรรลุผล ได้โดยอุบายแยบคาย

            [๔๑๗] ดูกรภูมิชะ(๓) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการเนยข้น แสวงหาเนยข้น จึงเที่ยวเสาะหาเนยข้น ใส่นมส้มลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วใส่นมส้มลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็สามารถได้เนยข้น ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้ว ... ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความ ไม่หวัง ก็มิใช่ แล้วใส่นมส้มลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้น เขาก็สามารถได้เนยข้น นั่นเพราะเหตุไร

      ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถได้เนยข้น โดยวิธีแยบคาย ฉันใด ดูกรภูมิชะ ฉันนั้น เหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิชอบ ฯลฯ มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ ไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถบรรลุผล ได้โดยอุบายแยบคาย

            [๔๑๘] ดูกรภูมิชะ (๔) เปรียบเหมือนบุรุษต้องการไฟ แสวงหาไฟ จึงเที่ยว เสาะหาไฟ เอาไม้แห้งเกราะมาทำไม้สีไฟ สีกันไป ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วเอาไม้แห้ง เกราะ มาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็สามารถได้ไฟ ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำ ทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว ... ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวัง ก็มิใช่ แล้วเอาไม้แห้งเกราะมาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็สามารถได้ไฟนั่นเพราะเหตุไร

       ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถได้ไฟโดยวิธีแยบคาย ฉันใด

      ดูกรภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์ พวกใดพวกหนึ่ง ที่มีทิฐิชอบ ฯลฯ มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้ง ความหวังและความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำ ความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถบรรลุผล ได้โดยอุบายแยบคาย

            [๔๑๙] ดูกรภูมิชะ ถ้าอุปมา ๔ ข้อนี้ จะพึงแจ่มแจ้งแก่พระราชกุมารชยเสนะ พระราชกุมารชยเสนะจะพึงเลื่อมใสเธอ และเลื่อมใสแล้ว จะพึงทำอาการของบุคคล ผู้เลื่อมใสต่อเธออย่างไม่น่าอัศจรรย์

      ท่านพระภูมิชะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อุปมา ๔ ข้อนี้จักให้ข้าพระองค์ แจ่มแจ้ง แก่พระราชกุมารชยเสนะ ได้แต่ที่ไหน เพราะอุปมาน่าอัศจรรย์ ข้าพระองค์ ไม่เคย ได้สดับมาในก่อนเหมือนที่ได้สดับต่อพระผู้มีพระภาค

      พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระภูมิชะ จึงชื่นชมยินดีพระภาษิต ของพระผู้มีพระภาคแล

 





พุทธวจน : ออนไลน์
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์