เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

พระมหากัสสปตำหนิพระอานนท์ยังเที่ยวจาริกไปกับภิกษุหนุ่ม (จีวรสูตร) 1673
  (ย่อ)
จีวรสูตร

พระมหากัสสป ตำหนิพระอานนท์ ยังเที่ยวจาริกไปกับภิกษุหนุ่มประมาณ 30 รูป ขาดความสำรวม ระวังอินทรีย์ ไม่ประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียร ยังเบียดเบียนตระกูล (ชาวบ้าน)
สัทธิวิหาริก (ภิกษุติดตาม) ของเธอเป็นผู้ใหม่ย่อมแตกกระจายไป เธอนี้ยังเป็นเด็กไม่รู้จักประมาณ

อานนท์ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บนศีรษะของกระผม ผมหงอกแล้วมิใช่หรือ ถึงอย่างนั้น พวกกระผม ก็ยังไม่พ้นจากท่านพระมหากัสสป ว่าเป็นเด็ก

ภิกษุณีถุลลนันทา ฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจพระกัสสปที่กล่าวตำหนิพระอานนท์ ซึ่งเป็นผู้เปรื่องปราชญ์ แต่ถูกตำหนิว่ายังเป็นเด็ก

ท่านมหากัสสป กล่าวกะพระอานนท์ว่า ภิกษุณีถุลลนันทา ยังไม่ทันพิจารณา ก็กล่าววาจาพล่อยๆ พร้อมกับกล่าวว่า สมัยเป็นคฤหัส เดินทางไกลเพื่อพบพระผู้มีพระภาค ที่เมืองราชคฤห์ พอพบ เข้าแล้ว ก็รำพึงอยู่ว่า

เราพบพระศาสดา ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย
เราพบพระสุคต ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย
เราพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย
เรานั้นจึงซบเศียรเกล้า ลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาค ณ ที่นั้นเอง ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค เป็นพระศาสดา ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค เป็นพระศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก

พระศาสดาให้โอวาทแก่พระมหากัสสปะ
1.เราจักเข้าไปตั้งหิริโอตตัปปะ อย่างแรงกล้า
2.เราจักฟังธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยกุศล
3.เราจักกระทำธรรมนั้นทั้งหมดให้เกิดประโยชน์ ใส่ใจถึงธรรมนั้นทั้งหมด
4.เราจักประมวลมาด้วยจิตทั้งหมด เงี่ยโสตสดับพระธรรม
5.เราจักไม่ละกายคตาสติ ที่สหรคตด้วยกุศลความสำราญ

พระผู้มีพระภาค ทรงโอวาทเราด้วยพระโอวาทนี้ เสด็จลุกจากอาสนะ แล้วทรงหลีกไป
พระกัสสป พิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสสอนสั้นๆเพียง 7 วัน และ วันที่ 8 จึงสำเร็จเป็นอรหันต์

ก็แล ภิกษุณีถุลลนันทา เคลื่อนจากพรหมจรรย์เสียแล้ว (ดูแคลนพระมหากัสสปะผู้อรหันต์)

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๑๒

พระมหากัสสปตำหนิพระอานนท์ (๑๑. จีวรสูตร)


             [๕๑๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหากัสสป อยู่ ณ พระเวฬุวันกลันทกนิวาป สถาน เขตพระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้น ท่านพระอานนท์ เที่ยวจาริกไปในทักขิณาคิรี ชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ก็โดยสมัยนี้แล ภิกษุผู้เป็นสัทธิวิหาริก ของท่าน ประมาณ ๓๐ รูป โดยมากยังเป็นเด็กหนุ่ม พากันลาสิกขาเวียนมาเพื่อความเป็น หินเพศ

             [๕๑๙] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ เที่ยวจาริกไปตามชอบใจในทักขิณาคิรี ชนบท แล้วกลับไปสู่พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน เขตพระนครราชคฤห์ เข้าไปหา ท่านพระมหากัสสปถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไปหาแล้ว อภิวาทมหากัสสปแล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านพระมหากัสสป ได้กล่าว ปราศรัย กะท่านพระอานนท์ว่า อาวุโสอานนท์พระผู้มีพระภาค ทรงอาศัยอำนาจ ประโยชน์เท่าไรหนอ จึงทรงบัญญัติการขบฉันถึง ๓ หมวด ในตระกูลเข้าไว้

             [๕๒๐] ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ข้าแต่ท่านกัสสปผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค ทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๓ ข้อ จึงได้ทรงบัญญัติการขบฉันถึง ๓ หมวดในตระกูล เข้าไว้ คือ
เพื่อ ข่มคนหน้าด้าน
เพื่อ ให้ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักอยู่เป็นสุข และ
เพื่อ อนุเคราะห์ตระกูลโดยเหตุ ที่พวกมีความปรารถนาลามก
อาศัยสมัครพรรคพวกแล้ว จะพึงทำสงฆ์ให้แตกกันไม่ได้


       พระผู้มีพระภาค ทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๓ ข้อ เหล่านี้แล จึงได้ทรงบัญญัติ การ ขบฉันถึง ๓ หมวดในตระกูลเข้าไว้

             [๕๒๑] ก. อาวุโสอานนท์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอเที่ยวไปกับภิกษุเหล่านี้ ผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบ ความเพียร เพื่อประโยชน์อะไรเล่า เธอมัวแต่จาริกไปเหยียบย่ำข้าวกล้า มัวแต่จาริกไป เบียดเบียนตระกูล อาวุโสอานนท์บริษัทของเธอย่อมลุ่ยหลุดไป สัทธิวิหาริกของเธอ ซึ่งโดยมากเป็นผู้ใหม่ ย่อมแตกกระจายไปเธอนี้ยังเป็นเด็ก ไม่รู้จักประมาณ

             อ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บนศีรษะของกระผม ผมหงอกแล้วมิใช่หรือ ถึงอย่างนั้น พวกกระผมก็ยังไม่พ้นจากท่านพระมหากัสสป ว่าเป็นเด็ก

             ก. ก็เป็นจริงอย่างนั้น อาวุโสอานนท์ เธอยังไปเที่ยวกับภิกษุใหม่ๆเหล่านี้ ผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ

ไม่ประกอบความเพียร

เธอมัวแต่จาริกไปเหยียบย่ำข้าวกล้า
มัวแต่จาริกไปเบียดเบียนตระกูล


      อาวุโสอานนท์
บริษัทของเธอย่อมลุ่ยหลุดไป
สัทธิวิหาริกของเธอ ซึ่งโดยมากเป็น ผู้ใหม่ย่อมแตกกระจายไป
เธอนี้ยัง เป็นเด็กไม่รู้จักประมาณ

             [๕๒๒] ภิกษุณีถุลลนันทา ได้ยินแล้วคิดว่า ทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าอานนท์ ผู้เป็นมุนีผู้เปรื่องปราชญ์ ถูกพระผู้เป็นเจ้ามหากัสสปรุกรานด้วยวาทะ ว่าเป็นเด็ก ไม่พอใจ จึงเปล่งวาจาแสดงความไม่พอใจ ว่า อะไรเล่าพระผู้เป็นเจ้ามหากัสสป ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ จึงสำคัญพระคุณเจ้าอานนท์ผู้เป็นมุนีเปรื่องปราชญ์ว่า ตนควรรุกรานด้วยวาทะว่าเป็นเด็ก ท่านพระมหากัสสป ได้ยินภิกษุณีถุลลนันทา กล่าววาจานี้แล้ว

             [๕๒๓] ครั้งนั้นแล ท่านมหากัสสป จึงกล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า อาวุโส อานนท์ ภิกษุณีถุลลนันทา ยังไม่ทันพิจารณา ก็กล่าววาจาพล่อยๆ เพราะเราเอง ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตไม่นึกเลยว่า เราบวชอุทิศศาสดาอื่น นอกจากพระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

             ครั้งก่อน เมื่อเรายังเป็นคฤหัสถ์เคยคิดว่า ฆราวาสช่างคับแคบเป็นทางมา แห่งธุลี บรรพชาปลอดโปร่ง ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ โดยส่วนเดียว ประดุจสังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่ายนัก ทางที่ดี เราควรปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต สมัยต่อมา เราทำผ้าสังฆาฏิ แห่งผ้าที่เก่า ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกจากเรือน บวชเป็น บรรพชิต อุทิศเฉพาะท่านผู้เป็นพระอรหันต์ในโลก

             เมื่อบวชแล้วยังเดินไปสิ้นระยะทางไกล ได้พบพระผู้มีพระภาค ระหว่าง เมืองราชคฤห์ กับบ้านนาฬันทคาม กำลังประทับนั่งอยู่ ณ พหุปุตตเจดีย์ พอพบ เข้าแล้ว ก็รำพึงอยู่ว่า
เราพบพระศาสดา
ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย
เราพบพระสุคต ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย
เราพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคด้วย

            อาวุโสเรานั้นจึงซบเศียรเกล้า ลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาค ณ ที่นั้นเอง ได้กราบทูลกะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค เป็นพระศาสดา ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค เป็นพระศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก ดังนี้

             [๕๒๔] เมื่อเรากราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเราว่า ดูกรกัสสป ผู้ใดเล่ายังไม่ทราบชัดถึงสาวก ผู้ประมวลมาด้วยจิตทั้งหมด อย่างนี้แล้ว จะพึงพูดว่ารู้ ยังไม่เห็นเลยจะพึงพูดว่าเห็น ศีรษะของบุคคลนั้นพึงแตก

             ดูกรกัสสป แต่เรารู้อยู่จึงพูดว่ารู้ เห็นอยู่จึงพูดว่าเห็น เพราะเหตุ นั้นแหละ กัสสป เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า

เราจักเข้าไปตั้งหิริโอตตัปปะอย่างแรงกล้า ในภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นเถระ ผู้นวกะ ผู้มัชฌิมะ ...
เราจักฟังธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยกุศล
จักกระทำธรรมนั้นทั้งหมดให้เกิดประโยชน์ ใส่ใจถึงธรรมนั้น ทั้งหมด
จักประมวลมาด้วยจิตทั้งหมด เงี่ยโสตสดับพระธรรม ...
เราจักไม่ละกายคตาสติ ที่สหรคตด้วยกุศลความสำราญ

             ดูกรกัสสป เธอพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาค ทรงโอวาทเราด้วยพระโอวาทนี้ เสด็จลุกจากอาสนะ แล้วทรงหลีกไป

            ดูกรอาวุโส เราเป็นหนี้ บริโภคก้อนข้าวของราษฎรถึงหนึ่งสัปดาห์ วันที่ ๘ พระอรหันตผล จึงปรากฏขึ้น
(พระกัสสปพิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสสอนสั้นๆ แค่7 วัน วันที่ 8 จึงสำเร็จเป็นอรหันต์)

             คราวนั้นพระผู้มีพระภาค เสด็จหลีกจากหนทาง ตรงไปยังโคนต้นไม้ แห่งหนึ่ง เราจึงเอาผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าที่เก่า ปูเป็นสี่ชั้นถวาย แล้วกราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนผ้าผืนนี้ เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพระองค์ตลอดกาลนาน

             ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาค ก็ประทับนั่งบนอาสนะที่จัดถวาย ครั้นประทับ นั่งแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเราว่า กัสสปผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าที่เก่าของเธอผืนนี้ อ่อนนุ่ม เราก็กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค ได้โปรดอนุเคราะห์ ทรงรับผ้าสังฆาฏิ แห่งผ้าที่เก่าของข้าพระองค์เถิด พระองค์ตรัสว่า

             ดูกรกัสสป เธอจักครองผ้าบังสุกุล ที่ทำด้วยผ้าป่านซึ่งยังใหม่หรือ เราก็กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักครองผ้าบังสุกุลที่ทำด้วย ผ้าป่านซึ่งยังใหม่ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้

             [๕๒๕] ดูกรอาวุโส เราได้มอบถวายผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าที่เก่า แด่พระผู้มีพระภาค และได้รับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่านซึ่งยังใหม่ของ พระผู้มีพระภาค (แลกกัน)

            ดูกรอาวุโส ก็เมื่อบุคคลจะพูดให้ถูก พึงพูดถึงผู้ใดว่า บุตรผู้เกิดแต่อก เกิดแต่พระโอษฐ์ ของพระผู้มีพระภาค เกิดแต่พระธรรม อันธรรมนิรมิตแล้ว เป็นธรรมทายาท จึงรับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่านซึ่งยังใหม่ เขาเมื่อจะพูดให้ถูก พึงพูดถึงผู้นั้นคือเราว่า บุตรผู้เกิดแต่อก เกิดแต่พระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาค เกิดแต่พระธรรมอันธรรมนิรมิต แล้ว เป็นธรรมทายาท รับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่าน ซึ่งยังใหม่

             [๕๒๖] ดูกรอาวุโส เราหวังสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม แล้วเข้าถึง ปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ดูกรอาวุโสเราหวัง ฯลฯ [อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ และอภิญญา ๙ มีเปยยาลอย่างนี้]

             [๕๒๗] ดูกรอาวุโส เราทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหา อาสวะมิได้เพราะอาสวะสิ้นไป ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเข้าถึงอยู่ ผู้ใด สำคัญเราว่า ควรปกปิดด้วยอภิญญา ๖ ผู้นั้นก็ควรสำคัญช้าง ๗ ศอก หรือ ๗ ศอกครึ่ง ว่าจะพึงปกปิดด้วยใบตาลได้

             ก็และภิกษุณีถุลลนันทา เคลื่อนจากพรหมจรรย์*เสียแล้ว
* (ขาดจากความเป็นภิกษุณี)
เหตุเพราะแสดงความไม่พอใจ ที่พระอานนท์ถูกพระมหากัสสปตำหนิว่าเป็นเด็ก

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์