พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๐
ความปริวิตกเมื่อแรกตรัสรู้ (อุรุเวลสูตรที่ ๑)
[๒๑] สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับสนองพระดำรัสของ พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในคราวแรกตรัสรู้ เราอยู่ที่ต้น อชปาลนิโครธ ริมฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา ใน อุรุเวลาประเทศ เมื่อเราหลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ ความปริวิตก แห่งใจ ได้บังเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า บุคคลผู้ไม่มีที่เคารพ ไม่มีที่ยำเกรง ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เราจะพึงสักการะเคารพสมณะ หรือพราหมณ์คนไหนหนอแล แล้วอาศัยอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้ปริวิตกต่อไปว่า เราจะพึงสักการะเคารพสมณะ หรือ พราหมณ์อื่นแล้วอาศัยอยู่ เพื่อความบริบูรณ์แห่งศีลขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ แต่เรา ไม่เห็น สมณะหรือพราหมณ์อื่น ผู้มีศีลสมบูรณ์กว่าตน ซึ่งเราจะพึงสักการะ เคารพแล้ว อาศัยอยู่ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้ง สมณะ พราหมณ์ เทวดา และมนุษย์
เราจะพึงสักการะเคารพสมณะ หรือพราหมณ์อื่น แล้วอาศัยอยู่ เพื่อความ บริบูรณ์ แห่ง สมาธิขันธ์ ... แห่งปัญญาขันธ์ ... แห่งวิมุตติขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ แต่เรา ไม่เห็นสมณะ หรือพราหมณ์อื่น ผู้มีสมาธิสมบูรณ์กว่าตน ... มีปัญญา สมบูรณ์กว่าตน ... มีวิมุตติสมบูรณ์กว่าตน ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เราได้ปริวิตกต่อไป ว่า ไฉน หนอแล เราพึงสักการะเคารพ ธรรมที่เราตรัสรู้นั้นอาศัยเถิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม รู้ความปริวิตกแห่งใจ ของเราด้วยใจ ได้อันตรธานจากพรหมโลก ไปปรากฏข้างหน้าเราเปรียบเหมือนบุรุษ มีกำลัง เหยียดแขนที่คู้หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น ครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม กระทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง คุกมณฑลเข่าเบื้องขวา ลงที่แผ่นดินประนม อัญชลีมาทางเรา แล้วกล่าวคำนี้กะเราว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต ข้อนี้เป็นอย่างนั้น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใด ได้มีแล้วในอดีตกาล แม้พระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าแม้เหล่านั้น สักการะเคารพพระธรรมนั่นเทียว อาศัยอยู่แล้ว พระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้าเหล่าใด จักมีในอนาคต แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ก็จักสักการะเคารพพระธรรมนั่นเทียวอาศัยอยู่ แม้พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ในบัดนี้ ก็จงสักการะเคารพพระธรรมนั่นแหละ อาศัยอยู่เถิด ท้าวสหัมบดีพรหม
ครั้นได้กล่าวไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ได้กล่าวคาถาประพันธ์ต่อไปว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตเหล่าใดด้วย พระพุทธเจ้าใน อนาคตเหล่าใดด้วย และพระพุทธเจ้าในบัดนี้ด้วย ผู้ยังความโศกของสัตว์เป็นอันมากให้เสื่อมคลาย ล้วนเคารพพระสัทธรรมอยู่ นี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพราะเหตุนั้นแหละ กุลบุตรผู้รักษาตน จำนงความเป็นใหญ่ เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย พึงทำความเคารพพระสัทธรรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าวประพันธ์คาถานี้ ครั้นแล้ว อภิวาทเรากระทำประทักษิณ แล้วหายไปในที่นั้นเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้การที่เราทราบการเชื้อเชิญของพรหม แล้วสักการะ เคารพอาศัยธรรมที่เราตรัสรู้นั้นนั่นแหละอยู่ เป็นการสมควรแก่ตนเมื่อใด แม้สงฆ์ ประกอบไปด้วยความเป็นใหญ่แล้ว เมื่อนั้น เราก็เคารพแม้ในสงฆ์
|