เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

มิจฉัตตะ - สัมมัตตะ เพราะอาศัยมิจฉัตตะ จึงมีการพลาดจากสวรรค์ และมรรคผล 1637
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๘

ธรรมที่ควรละ (สุตมยญาณ)

ธรรมอย่างหนึ่ง ควรละ คือ อัสมิมานะ
ธรรม ๒ ควรละ คือ อวิชชา ๑ ตัณหา ๑
ธรรม ๓ ควรละ คือ ตัณหา ๓
ธรรม ๔ ควรละ คือ โอฆะ ๔
ธรรม ๕ ควรละ คือ นิวรณ์ ๕
ธรรม ๖ ควรละ คือ หมวดตัณหา ๖
ธรรม ๗ ควรละ คือ อนุสัย ๗
ธรรม ๘ ควรละ คือ มิจฉัตตะ ความเป็นผิด ๘
ธรรม ๙ ควรละ คือ ธรรมมีตัณหาเป็นมูลเหตุ ๙
ธรรม ๑๐ ควรละ คือมิจฉัตตะ ๑๐

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
    แจกแจงโดยละเอียด
  ธรรม ๑ ควรละ อัสมิมานะ (ความถือตัวว่าเป็นเรา)
     
  ธรรม ๒ ควรละ อวิชชา ภวตัณหา
   

๑ อวิชา (ความไม่รู้แจ้ง)

    ๒ ภวตัณหา (ความอยากในภพ)
     
  ธรรม ๓ ควรละ ตัณหา ๓
    ๑ กามตัณหา (ความอยากในกาม)
    ๒ ภวตัณหา (ความอยากในภพ)
    ๓ วิภวตัณหา* (ความไม่อยากเป็นอย่างนั้น ความไม่อยากเป็นอย่างนี้)
    * พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน คลิก (นาที่ 16.25)
  ธรรม ๔ ควรละ โอฆะ ๔ (ห้วงน้ำ)
    ๑ โอฆะ คือกาม
    ๒ โอฆะ คือภพ
    ๓ โอฆะ คือทิฐิ
    ๔ โอฆะ คืออวิชชา
     
  ธรรม ๕ ควรละ นิวรณ์ ๕
    ๑ กามฉันทะ ความพอใจติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง
    ๒ พยาบาท ความไม่พอใจ ความสมปรารถนา ในโลกียะสมบัติทั้งปวง
    ๓ ถีนมิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ หมดอาลัย ไร้กำลัง ไม่ฮึกเหิม
    ๔ อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ไม่สงบนิ่ง
    ๕ วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้าๆ กลัวๆ ไม่มั่นใจ
     
  ธรรม ๖ ควรละ ตัณหา ๖ (ความทะยานอยาก)
    ๑ มานะ ความถือตัว
    ๒ โอมานะ ความสำคัญว่าเลวกว่าเขา
    ๓ อติมานะ ความเย่อหยิ่ง
    ๔ อธิมานะ ความเข้าใจผิด
    ๕ ถัมภะ ความหัวดื้อ
    ๖ อตินิปาตะ ความดูหมิ่นตนเองว่าเป็นคนเลว
     
  ธรรม ๗ ควรละ อนุสัย ๗ (ความเคยชินที่นอนเนื่องในสันดาน)
    ๑. อนุสัยคือ กามราคะ‪‎ (ความกำหนัด ความพอใจในกามคุณทั้ง๕)
    ๒. อนุสัยคือ ปฏิฆะ ‪‎(ความหงุดหงิด ความไม่พอใจ คือโทสะ)
    ๓. อนุสัยคือ ทิฏฐิ ‪‎(คืิสัมาทฏฐิ เห็นอย่างถูกต้อง ตามหลักธรรม)
    ๔. อนุสัยคือ วิจิกิจฉา ‪‎(ความสงสัย ในมรรคของพระศาสดา)
    ๕. อนุสัยคือ มานะ ‪‎(ถือตัว เย่อหยิ่ง คิดว่าเราดีกว่าเขา- เขาดีกว่าเรา)
    ๖. อนุสัยคือ ภวราคะ ‪‎(กำหนัดในภพ เช่นพอใจที่จะเกิดเป็น เทวดา )
    ๗. อนุสัยคือ อวิชชา ‪‎(ความไม่รู้ ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
    ‪‎
  ธรรม ๘ ควรละ มิจฉัตตะ ๘ (ความผิด)
    ๑. มิจฉาทิฏฐิ  [เห็นผิด]
    ๒. มิจฉาสังกัปปะ [ดำริผิด]
    ๓. มิจฉาวาจา [วาจาผิด]
    ๔. มิจฉากัมมันตะ [การงานผิด]
    ๕. มิจฉาอาชีวะ [เลี้ยงชีวิตผิด]
    ๖. มิจฉาวายามะ [พยายามผิด]
    ๗. มิจฉาสติ [ระลึกผิด]
    ๘. มิจฉาสมาธิ [ตั้งจิตผิด]
     
  ธรรม ๙ ควรละ ธรรมมีตัณหาเป็นมูลเหตุ ๙ ประการ
    ๑. เพราะอาศัยตัณหา การแสวงหาจึงเกิดขึ้น
    ๒. เพราะอาศัยการแสวงหา การได้จึงเกิดขึ้น
    ๓. เพราะอาศัยการได้ การวินิจฉัยจึงเกิดขึ้น
    ๔. เพราะอาศัยการวินิจฉัย๑- ฉันทราคะ๒- จึงเกิดขึ้น
    ๕. เพราะอาศัยฉันทราคะ ความหลงใหลจึงเกิดขึ้น
    ๖. เพราะอาศัยความหลงใหล ความหวงแหนจึงเกิดขึ้น
    ๗. เพราะอาศัยความหวงแหน ความตระหนี่จึงเกิดขึ้น
    ๘. เพราะอาศัยความตระหนี่ การรักษาจึงเกิดขึ้น
    ๙. เพราะอาศัยการรักษา บาปอกุศลธรรมหลายประการ จึงเกิดขึ้น
(การถือท่อนไม้ ศัสตรา การทะเลาะ วิวาท พูดขึ้นมึง กู ส่อเสียด พูดเท็จ)
     
  ธรรม ๑๐ ควรละ มิจฉัตตะ ๑๐
    ๑. มิจฉาทิฏฐิ (เห็นผิด)
    ๒. มิจฉาสังกัปปะ (ดำริผิด)
    ๓. มิจฉาวาจา (วาจาผิด)
    ๔. มิจฉากัมมันตะ (กระทำผิด)
    ๕. มิจฉาอาชีวะ (เลี้ยงชีพผิด)
    ๖. มิจฉาวายามะ (พยายามผิด)
    ๗. มิจฉาสติ (ระลึกผิด)
    ๘. มิจฉาสมาธิ (ตั้งจิตผิด)
    ๙. มิจฉาญาณ (รู้ผิด)
    ๑๐. มิจฉาวิมุตติ (หลุดพ้นผิด)
     
 





พุทธวจน : ออนไลน์
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์