เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ (อุคคสูตรที่ ๒) 1620
  (ย่อ)
ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ
(๑) เมื่อกระผมเห็นพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งแรก จิตก็เลื่อมใส เมาสุราอยู่ ก็หายเมา
(๒) กระผมได้เข้าไปนั่งใกล้ ทรงแสดงอนุปุพพิกถา จากนั้นจึงทรงแสดงทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
(๓) กระผมกล่าวกับปชาบดี ๔ คน ว่าผู้ใดจะไปสู่ตระกูลญาติของตัวก็ได้ ไปอยู่กับชายอื่่นก็ได้
(๔) กระผมมีโภคทรัพย์อยู่มาก ได้แจกจ่ายทั่วไปกับท่านผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
(๕) กระผมเข้าไปหาภิกษุ หากท่านแสดงธรรม กระผมก็ฟังโดยเคารพ
(๖) เมื่อกระผมนิมนต์สงฆ์แล้ว เทวดาเข้ามาบอกว่า ภิกษุรูปโน้นเป็นอุภโตภาควิมุต รูปโน้นเป็น ปัญญาวิมุตบ้าง เป็นกายสักขี เป็นทิฏฐิปัตตะ เป็นสัทธาวิมุติ เป็นธัมมานุสารี เป็นสัทธานุสารีบ้าง
(๗) เทวดาเข้ามาหากระผม แล้วบอกว่าธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว
(๘) หากกระผมทำกาละ พระองค์จะทรงพยากรณ์ว่ากระผมจะไม่กลับมาสู่โลกนี้อีก (เป็นอนาคามี)
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๘๘-๑๙๑

ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ (อุคคสูตรที่ ๒)

            [๑๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บ้านหัตถีคาม ในแคว้นวัชชี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงทรงจำ อุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคาม ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นได้ตรัสพระดำรัสนี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร

            ครั้งนั้นเวลาเช้า ภิกษุรูปหนึ่ง นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ของ อุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคาม ครั้นแล้วจึงนั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้ลำดับนั้น อุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคามได้เข้าไปหาภิกษุนั้น ไหว้แล้วนั่งณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

             ครั้นแล้วภิกษุนั้น ได้กล่าวกะอุคคคฤหบดีชาวบ้านหัตถีคามว่า ดูกรคฤหบดี พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ

ดูกรคฤหบดี ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการเป็นไฉน

            อุคคคฤหบดีกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมไม่ทราบเลยว่า พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์กระผมว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการเป็นไฉน แต่ขอท่านได้โปรดฟังธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้ที่มีอยู่ จงใส่ใจให้ดี กระผมจักเรียนถวาย ภิกษุนั้นรับคำ อุคคคฤหบดีชาวบ้านหัตถีคามแล้ว อุคคคฤหบดีชาวบ้านหัตถีคามได้กล่าวว่า

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๑) ในคราวที่ กระผมเที่ยวอยู่ในสวนนาควัน ได้เห็นพระ ผู้มีพระภาคแต่ไกลเป็นครั้งแรก พร้อมกับ การเห็นนั้นเอง จิตของกระผมก็เลื่อมใส ในพระผู้มีพระภาค เมาสุราอยู่ก็หายเมา นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ข้อที่ ๑ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๒) กระผมมีจิตเลื่อมใสแล้ว ได้เข้าไปนั่งใกล้พระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงอนุปุพพิกถาโปรดกระผม คือ ทรงประกาศ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษของกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และอานิสงส์ ในเนกขัมมะ ในคราวที่ พระผู้มีพระภาคได้ทรงทราบว่ากระผมมีจิตควร อ่อน ปราศจาก นิวรณ์ บันเทิง ผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศ สามุกังสิกาธรรมเทศนาแห่ง พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เปรียบเหมือนผ้าที่บริสุทธิ์ ไม่หมองดำ จะพึง รับน้ำย้อมได้ดี แม้ฉันใด ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน เกิดขึ้นแล้ว แก่กระผม ณ ที่นั่ง นั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล ล้วนมีความ ดับไป เป็นธรรมดา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่ท่านผู้เจริญกระผม ได้เห็นธรรมแล้ว บรรลุธรรมแล้ว รู้ธรรม แจ้งแล้ว หยั่งซึ้งถึงธรรมแล้ว ข้ามพ้นความ สงสัยได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง แล้ว ถึงความแกล้วกล้าแล้ว ไม่ต้องเชื่อ ผู้อื่น ในสัตถุศาสน์ได้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ว่า เป็นสรณะ สมาทาน สิกขาบท อันมีพรหมจรรย์เป็นที่ ๕ แล้ว ณ ที่นั่งนั้นนั่นแล นี้แลเป็นธรรม ที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๒ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๓) กระผมได้มีปชาบดีรุ่นสาวอยู่ ๔ คน ได้เข้าไปหา ปชาบดีเหล่านั้น แล้วได้กล่าวกะเธอเหล่านั้นว่า ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย ฉันสมาทาน สิกขาบท อันมีพรหมจรรย์เป็นที่ ๕ ผู้ใดปรารถนา ผู้นั้นจงใช้โภคะเหล่านี้ และทำบุญ ได้ หรือจะไปสู่ตระกูลญาติของตัวก็ได้ หรือประสงค์ชายอื่น ฉันก็จะมอบให้แก่เขา เมื่อกระผมกล่าวอย่างนี้แล้ว ปชาบดีคนแรกได้พูดกะกระผมว่า ขอท่านได้กรุณา มอบดิฉัน ให้แก่ชายชื่อนี้เจ้าค่ะ กระผมให้เชิญชายผู้นั้นมาเอามือซ้ายจับปชาบดี มือขวาจับเต้าน้ำ หลั่งน้ำมอบให้ชายคนนั้น ก็เมื่อบริจาคปชาบดีสาวเป็นทาน กระผม ไม่รู้สึกว่าจิตแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเลย นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ข้อที่ ๓ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๔) ในตระกูลของกระผม มีโภคทรัพย์อยู่มาก และ โภคทรัพย์ เหล่านั้น กระผมได้แจกจ่ายทั่วไปกับท่านผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม นี้แลเป็น ธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๔ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๕) กระผมเข้าไปหาภิกษุรูปใด กระผมก็เข้าไปด้วย ความเคารพทีเดียว ไม่ใช่เข้าไปหาด้วยความไม่เคารพ หากท่านผู้มีอายุนั้นแสดงธรรม แก่กระผม กระผมก็ฟังโดยเคารพแท้ๆ ไม่ใช่ฟังโดยไม่เคารพ หากท่านผู้มีอายุนั้น ไม่แสดงธรรม แก่กระผม กระผมก็แสดงธรรมแก่ท่านผู้มีอายุนั้น นี้แลเป็นธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๕ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๖) ไม่น่าอัศจรรย์ที่เมื่อกระผมนิมนต์สงฆ์ แล้วเทวดา ทั้งหลาย เข้ามาบอกว่า ดูกรคฤหบดี
ภิกษุรูปโน้นเป็นอุภโตภาควิมุต
รูปโน้นเป็นปัญญาวิมุต
รูปโน้นเป็นกายสักขี
รูปโน้นเป็นทิฏฐิปัตตะ
รูปโน้นเป็นสัทธาวิมุต
รูปโน้นเป็นธัมมานุสารี
รูปโน้นเป็นสัทธานุสารี
รูปโน้นเป็นผู้มีศีลมีกัลยาณธรรม
รูปโน้นเป็นผู้ทุศีลมีบาปธรรม

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมอังคาสสงฆ์อยู่ก็ไม่รู้สึกว่า ยังจิตให้เกิดขึ้น อย่างนี้ว่า จะถวายแก่ท่านรูปนี้น้อย หรือจะถวายแก่ท่านรูปนี้มาก แท้ที่จริง กระผม มีจิตเสมอกัน นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๖ ของกระผม ที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๗) ไม่น่าอัศจรรย์ที่เทวดาทั้งหลาย เข้ามาหากระผม แล้วบอกว่า ดูกรคฤหบดี ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว เมื่อเทวดาทั้งหลาย กล่าวอย่างนี้แล้ว กระผมจึงพูดกะเทวดาเหล่านั้นอย่างนี้ว่า ท่านจะพึงบอก อย่างนี้ หรือไม่พึงบอกอย่างนี้ก็ตาม แท้ที่จริง ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว แต่กระผม ก็ไม่รู้สึกเลยว่า ความฟูใจจะมีมาแต่เหตุนั้น เทวดาทั้งหลายเข้ามาหากระผม หรือ กระผมได้ปราศรัยกับเทวดาทั้งหลาย นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ข้อที่ ๗ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (๘) ก็หากว่ากระผมจะพึงทำกาละ ก่อนพระผู้มีพระภาค ก็ไม่น่าอัศจรรย์ที่พระผู้มีพระภาค จะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า สังโยชน์อันเป็นเครื่อง ประกอบ ให้อุคคคฤหบดีชาวบ้านหัตถีคาม พึงกลับมาสู่โลกนี้อีกไม่มี นี้แล เป็นธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๘ ของกระผมที่มีอยู่

            ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ นี้แล ของกระผมที่มีอยู่ แต่กระผมก็ไม่รู้ว่า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์กระผมว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการเป็นไฉน

            ลำดับนั้น ภิกษุนั้นรับบิณฑบาตในนิเวศน์ ของอุคคคฤหบดี ชาวบ้าน หัตถีคามแล้ว ลุกจากที่นั่งแล้วหลีกไป ภายหลังภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลคำสนทนาปราศรัย กับอุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคามนั้น ทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค

            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ถูกแล้วๆ อุคคคฤหบดีชาวบ้าน หัตถีคาม เมื่อจะพยากรณ์ พึงพยากรณ์ตามนั้นโดยชอบ

            ดูกรภิกษุเราพยากรณ์ อุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคามว่าเป็นผู้ประกอบด้วย ธรรม ที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้แล และเธอทั้งหลาย จงทรงจำ อุคคคฤหบดี ชาวบ้านหัตถีคามว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์