พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๖๐
บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
[๑๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวก เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุเจโตวิมุติอันสงบ อย่างใด อย่างหนึ่งอยู่ ภิกษุนั้นมนสิการสักกายนิโรธ (ความดับสักกายะ คือวัฏฏะอันเป็นไป ในภูมิ ๓) เมื่อเธอมนสิการสักกายนิโรธอยู่ จิตของเธอย่อมไม่แล่นไปไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในสักกายนิโรธ เมื่อเป็นเช่นนี้ภิกษุนั้นแลไม่พึงหวังได้สักกายนิโรธ บุรุษ มีมือเปื้อนยางเหนียวจับกิ่งไม้ มือของเขานั้นพึงจับติดกิ่งไม้อยู่ แม้ฉันใด ภิกษุบรรลุ เจโตวิมุติ อันสงบอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล เธอย่อม มนสิการ สักกายนิโรธ เมื่อเธอมนสิการสักกายนิโรธอยู่ จิตย่อมไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไปในสักกายนิโรธ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นแลไม่พึงหวังได้ สักกาย นิโรธ
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุเจโตวิมุติอันสงบ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ภิกษุนั้น ย่อมมนสิการสักกายนิโรธ เมื่อเธอมนสิการสักกายนิโรธอยู่ จิตย่อม แล่นไป ย่อมเลื่อมใส ย่อมตั้งอยู่ ย่อมน้อมไปในสักกายนิโรธ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นแล พึงหวังได้สักกายนิโรธ บุรุษมีมือหมดจดจับกิ่งไม้มือของเขานั้น ไม่พึงจับติดอยู่ ที่กิ่งไม้ แม้ฉันใด ภิกษุบรรลุเจโตวิมุติ อันสงบอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ก็ฉันนั้น เหมือนกันแล เธอย่อมมนสิการสักกายนิโรธ เมื่อเธอมนสิการสักกายนิโรธ จิตย่อมแล่นไป ย่อมเลื่อมใส ย่อมตั้งอยู่ ย่อมน้อมไปในสักกายนิโรธ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นแล พึงหวังได้ สักกายนิโรธ
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุเจโตวิมุติอันสงบ อย่างใด อย่างหนึ่งอยู่ ภิกษุนั้นย่อมมนสิการการทำลายอวิชชา เมื่อเธอมนสิการ การทำลาย อวิชชาอยู่ จิตย่อมไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในการทำลายอวิชชา เมื่อเป็น เช่นนี้ ภิกษุนั้นแลไม่พึงหวังได้การทำลายอวิชชา บ่อน้ำใหญ่นับได้หลายปี คนพึง ปิดทางไหลเข้าของบ่อน้ำนั้นเสีย และเปิดทางไหลออกไว้ ทั้งฝนก็ไม่ตก เพิ่มเติมตาม ฤดูกาล เมื่อเป็นอย่างนี้บ่อน้ำใหญ่นั้น ก็ไม่พึงหวังที่จะมีน้ำล้นขอบ ออกไปได้ แม้ฉันใด ภิกษุบรรลุเจโตวิมุติ อันสงบอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เธอย่อม มนสิการ การทำลายอวิชชา เมื่อเธอมนสิการ การทำลายอวิชชาอยู่ จิตย่อม ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไปในการทำลายอวิชชา เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นแล ไม่พึงหวังได้การทำลายอวิชชา
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุเจโตวิมุติอันสงบ อย่างใด อย่างหนึ่งอยู่ ภิกษุนั้นมนสิการ การทำลายอวิชชา เมื่อเธอมนสิการถึงการ ทำลายอวิชชาอยู่ จิตย่อมแล่นไป ย่อมเลื่อมใส ย่อมตั้งอยู่ ย่อมน้อมไป ในการทำลาย อวิชชา เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นพึงหวังได้การทำลายอวิชชา บ่อน้ำใหญ่ นับได้หลายปี คนพึงเปิดทางไหลเข้าของบ่อน้ำนั้นไว้ และปิดทางไหลออกเสีย ทั้งฝนก็ตกเพิ่มเติม ตามฤดูกาล เมื่อเป็นอย่างนี้ บ่อน้ำใหญ่นั้น ก็พึงหวังที่จะมีน้ำล้นขอบออกไปได้ แม้ฉันใด ภิกษุบรรลุเจโตวิมุติ อันสงบอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุนั้นย่อม มนสิการ การทำลายอวิชชา เมื่อเธอมนสิการการทำลายอวิชชาอยู่ จิตย่อมแล่นไป ย่อมเลื่อมใส ย่อมตั้งอยู่ ย่อมน้อมไปในการทำลาย อวิชชา เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นแล พึงหวังได้การทำลายอวิชชา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีปรากฏ อยู่ในโลก |