พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๔
สัญเจตนิยวรรคที่ ๓
(กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร)
[๑๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อกายมีอยู่ สุขทุกข์ภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัญเจตนา เป็นเหตุ
หรือเมื่อวาจามีอยู่ สุขทุกข์ในภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะ วจีสัญเจตนา เป็นเหตุ
หรือเมื่อใจมีอยู่ สุขทุกข์ภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะ มโนสัญเจตนา เป็นเหตุ
อีกอย่างหนึ่ง เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
บุคคลย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นด้วยตนเอง บ้าง หรือบุคคลอื่น
ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร ของบุคคลนั้น อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นแก่ บุคคลนั้น หรือบุคคลรู้สึกตัว
ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง หรือบุคคล ไม่รู้สึกตัว
ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง
บุคคลย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นด้วยตนเองบ้างหรือบุคคลอื่น
ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร ของบุคคลนั้น อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นบ้างหรือบุคคลรู้สึกตัว
ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง หรือบุคคลไม่รู้สึกตัว ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง
บุคคลย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นด้วยตนเอง บ้างหรือบุคคลอื่น
ย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร ของบุคคลนั้น อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นแก่ บุคคล นั้นบ้าง หรือบุคคลรู้สึกตัว
ย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง หรือบุคคลไม่รู้สึก ตัว
ย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๕๔
(สัญญเจตนาของตน-ของผู้อื่น )
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิชชาติดตามไปแล้วในธรรมเหล่านี้ แต่เพราะอวิชชา นั่นแล ดับโดยสำรอกไม่เหลือ กายอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นแก่ บุคคลนั้น ย่อมไม่มี วาจา ... ใจ ... เขต ... วัตถุ... อายตนะ ... อธิกรณะอันเป็นปัจจัย ให้สุขทุกข์ ภายในเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นย่อมไม่มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความได้อัตภาพ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉนคือ ความได้อัตภาพที่สัญเจตนา ของตนเป็นไป ไม่ใช่สัญเจตนาของผู้อื่น เป็นไปก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนา ของผู้อื่นเป็นไป ไม่ใช่สัญเจตนาของตน เป็นไปก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนา ของตนด้วย สัญเจตนาของผู้อื่นด้วย เป็นไปก็มี
ความได้อัตภาพที่สัญเจตนา ของตนก็มิใช่ สัญเจตนาของผู้อื่นก็มิใช่ เป็นไปก็มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความได้อัตภาพ ๔ ประการนี้แล
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสโดยย่อนี้ ข้าพระองค์ทราบชัด เนื้อความโดยพิสดาร อย่างนี้ว่า บรรดาความได้อัตภาพ ๔ ประการนั้น
ความได้อัตภาพ ที่สัญเจตนาของตนเป็นไป มิใช่สัญเจตนาของผู้อื่นเป็นไปนี้ คือ การจุติจากกายนั้นของสัตว์เหล่านั้น ย่อมมีเพราะสัญเจตนาของตนเป็นเหตุ
ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของผู้อื่นเป็นไป มิใช่สัญเจตนาของตนเป็นไปนี้ คือ การจุติจากกายนั้นของสัตว์เหล่านั้น ย่อมมีเพราะ สัญเจตนาของผู้อื่นเป็นเหตุ
ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตน ด้วยสัญเจตนาของ ผู้อื่นด้วยเป็นไปนี้ คือ การจุติจากกายนั้นของสัตว์เหล่านั้น ย่อมมีเพราะสัญเจตนา ของตน และสัญเจตนา ผู้อื่น เป็นเหตุ
ความได้อัตภาพ ที่สัญเจตนาของตนเป็นไปก็มิใช่ สัญเจตนาของผู้อื่น เป็นไป ก็มิใช่ นี้ จะพึงเห็นเทวดาทั้งหลาย ด้วยอัตภาพนั้นเป็นไฉน พระเจ้าข้า พ. ดูกรสารีบุตร พึงเห็นเทวดาทั้งหลาย ผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ ด้วยอัตภาพนั้น
|