เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

๓. อัจฉริยัพภูตธัมมสูตร การจุติของโพธิสัตว์ จากชั้นดุสิตลงมาสู่โลกมนุษย์ 1527
  (ย่อ)

การจุติของโพธิสัตว์ลงมาสู่โลกมนุษย์
อัจฉริยัพภูตธัมมสูตร ที่ ๓
 - พระโพธิสัตว์ได้สถิตอยู่ในหมู่เทวดาชั้นดุสิตจนตลอดอายุ
 - พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ จุติจากเทวดาชั้นดุสิต ลงสู่ครรภ์พระมารดา
 - การลงสู่ครรภ์พระมารดาเกิดแสงสว่างอย่างโอฬารหาประมาณมิได้
 - เทวบุตรทั้ง ๔ อารักขาทั้ง ๔ ทิศ
 - พระมารดาของพระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีศีลโดยปรกติ
 - พระมารดามิได้มีคิดใฝ่ในกามคุณของบุรุษ และบุรุษจะไม่มีจิตกำหนัด
 - พระมารดาเพรียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕
 - พระมารดาไม่มีโรค มีความสุขไม่ลำบากพระกาย เห็นโพธิสัตว์ในครรภ์
 - ประสูติได้ ๗ วัน พระมารดาเสด็จสวรรคต
 - พระมารดาท้อง ๑๐ เดือนจึงคลอด (หญิงอื่นท้อง ๙ เดือน)
 - พระมารดายืนคลอด (หญิงอื่นนอนคลอด)
 - เทวดารับก่อน พวกมนุษย์รับทีหลัง
 - เทวบุตรทั้ง ๔ รับแล้ววางลงตรงพระพักตร์พระมารดา
 - พระโพธิสัตว์ประสูติอย่างบริสุทธิ์ ดุจแก้วมณี ไม่แปดเปื้อนใดๆ
 - มีธารน้ำจากอากาศ ๒ สาย สายหนึ่งเป็นธารน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นธารน้ำอุ่น
 - เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ ก็ประทับพระบาทเสมอแผ่นดิน ย่าง ๗ ก้าว เปล่งวาจาว่า
 - เราเป็นผู้เลิศในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายภพใหม่ย่อมไม่มี
 - เกิดแสงสว่างอันโอฬารทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ เป็นที่รู้กันของสัตว์โลก
 - เวทนา สัญญา วิตก ของตถาคตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๔

๓. อัจฉริยัพภูตธัมมสูตร (๑๒๓)

[๓๕๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวันอารามของอนาถ
บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกันกลับจากบิณฑบาต
ภายหลังเวลาอาหารแล้ว นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลา เกิดข้อสนทนากันขึ้น
ในระหว่างดังนี้ว่า

ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง ไม่น่าเป็นไปได้เลย ข้อที่พระตถาคต มีอิทธานุภาพมาก ซึ่งเป็นเหตุให้ทรงทราบพระพุทธเจ้าในอดีตผู้ปรินิพพาน แล้ว ทรงตัดปปัญจธรรมแล้ว ทรงตัดตอวัฏฏะแล้ว ทรงครอบงำ วัฏฏะแล้ว ทรงล่วงทุกข์ทั้งปวงแล้ว ว่าพระผู้มีพระภาคนั้นๆ มีพระชาติอย่างนี้บ้าง
มีพระนามอย่างนี้บ้าง มีโคตรอย่างนี้บ้าง มีศีลอย่างนี้บ้าง มีธรรมอย่างนี้บ้าง
มีปัญญาอย่างนี้บ้าง มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง มีวิมุตติอย่างนี้บ้าง เมื่อภิกษุเหล่านั้น
สนทนากันอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นดังนี้ว่า

ดูกรท่านผู้มีอายุ ทั้งหลาย พระตถาคตทั้งหลาย ทั้งน่าอัศจรรย์และประกอบด้วย รรมน่าอัศจรรย์ พระตถาคตทั้งหลาย ทั้งไม่น่าเป็นไปได้และประกอบด้วยธรรม ไม่น่าเป็นไปได้ ข้อสนทนากันในระหว่างของภิกษุเหล่านั้น ค้างอยู่เพียงเท่านี้

[๓๕๘] ขณะนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากสถานที่ทรงหลีกเร้น
อยู่ในเวลาเย็น เสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลานั้นแล้วจึงประทับนั่ง ณ อาสนะที่เขา
แต่งตั้งไว้ แล้วตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่ง
ประชุมสนทนาเรื่องอะไรกัน และพวกเธอสนทนาเรื่องอะไรกันในระหว่างค้าง
อยู่แล้ว

ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ณ โอกาสนี้ พวกข้าพระองค์
กลับจากบิณฑบาต ภายหลังเวลาอาหารแล้ว นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลา เกิด
ข้อสนทนากันขึ้นในระหว่างดังนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง
ไม่น่าเป็นไปได้เลย

ข้อที่พระตถาคตมีอิทธานุภาพมาก ซึ่งเป็นเหตุให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าในอดีต ผู้ปรินิพพานแล้ว ทรงตัดปปัญจธรรมแล้ว ทรงตัดตอวัฏฏะแล้ว ทรงครอบงำ
วัฏฏะแล้ว ทรงล่วงทุกข์ทั้งปวงแล้ว ว่าพระผู้มีพระภาคนั้นๆ
มีพระชาติอย่างนี้บ้าง มีพระนามอย่างนี้บ้าง มีพระโคตรอย่างนี้บ้าง มีศีลอย่างนี้บ้าง
มีธรรมอย่างนี้บ้าง มีปัญญาอย่างนี้บ้าง มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง มีวิมุตติอย่างนี้บ้าง
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพวกข้าพระองค์สนทนากันอย่างนี้ ท่านพระอานนท์
ได้กล่าวกะพวกข้าพระองค์ดังนี้ว่า

ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระตถาคตทั้งหลาย ทั้งน่าอัศจรรย์ และประกอบด้วย ธรรม น่าอัศจรรย์ พระตถาคตทั้งหลาย ทั้งไม่น่า เป็นไปได้และประกอบด้วยธรรม ไม่น่าเป็นไปได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อสนทนากันในระหว่างของพวก ข้าพระองค์ ค้างอยู่เท่านี้แล พอดีพระผู้มีพระภาคก็เสด็จ มาถึง

[๓๕๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์
ถ้ากระนั้นแล ขอธรรมอันไม่น่าเป็นไปได้ อันน่าอัศจรรย์ของตถาคต จงแจ่มแจ้ง
กะเธอยิ่งกว่าประมาณเถิด

[๓๖๐] ท่านพระอานนท์ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับ
รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระโพธิสัตว์มีสติ
สัมปชัญญะ ได้เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

[๓๖๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ได้สถิตอยู่ใน
หมู่เทวดาชั้นดุสิต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า
เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระโพธิสัตว์ได้สถิตอยู่ในหมู่เทวดาชั้นดุสิตจนตลอดอายุ

[๓๖๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระโพธิสัตว์ได้สถิตอยู่ในหมู่เทวดาชั้นดุสิต
จนตลอดอายุ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรม
ไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ จุติจากเทวดาชั้นดุสิต ลงสู่ครรภ์พระมารดา

[๓๖๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ จุติจากหมู่
เทวดาชั้นดุสิตแล้วลงสู่พระครรภ์พระมารดา
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้
ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มี
พระภาค

การลงสู่ครรภ์พระมารดาเกิดแสงสว่างอย่างโอฬารหาประมาณมิได้

[๓๖๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใดพระโพธิสัตว์จุติจากหมู่เทวดา
ชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์พระมารดา ในกาลนั้น แสงสว่างอย่างโอฬารหาประมาณมิได้
ล่วงเสียซึ่งเทวานุภาพของเหล่าเทวดา ย่อมปรากฏในโลก พร้อมทั้งเทวดา
มารพรหม และในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและ
มนุษย์ แม้ในโลกันตริกนรก
ซึ่งไม่ใช่ที่เปิดเผย มีแต่ความมืดมิด ซึ่งดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์ มีอิทธานุภาพมากอย่างนี้ ส่องแสงไปไม่ถึง ก็ยังปรากฏแสงสว่าง
อย่างโอฬารหาประมาณมิได้ ล่วงเสียซึ่งเทวานุภาพของเหล่าเทวดา ด้วยแสงสว่าง
นั้น แม้หมู่สัตว์ผู้อุบัติในนรกนั้น ก็รู้กันว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นก็มีเกิดในที่นี้ อนึ่ง
หมื่นโลกธาตุนี้ย่อมสะเทื้อน สะท้าน หวั่นไหว และแสงสว่างอย่างโอฬาร
หาประมาณมิได้ ล่วงเสียซึ่งเทวานุภาพของเหล่าเทวดา ย่อมปรากฏในโลก ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้
น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

เทวบุตรทั้ง ๔ อารักขาทั้ง ๔ ทิศ

[๓๖๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระ
ครรภ์พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น เทวบุตรทั้ง ๔ จะใกล้ชิดพระโพธิสัตว์ถวาย
อารักขาใน ๔ ทิศ ด้วยคิดว่า มนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือใครๆ อย่าได้เบียด
เบียนพระโพธิสัตว์ หรือพระมารดาของพระโพธิสัตว์เลย
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของ
พระผู้มีพระภาค

พระมารดาของพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้มีศีลโดยปรกติ

[๓๖๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์
พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น พระมารดาของพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้มีศีลโดยปรกติ คือ
เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจากอทินนาทาน เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร
เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เพราะดื่มน้ำเมา
คือสุราและเมรัย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า
เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระมารดามิได้มีคิดใฝ่ในกามคุณของบุรุษ และบุรุษจะไม่มีจิตกำหนัด

[๓๖๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์
พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น พระมารดาของพระโพธิสัตว์ มิได้มีพระหฤทัยใฝ่ฝัน
กามคุณในบุรุษเกิดขึ้น และจะเป็นผู้ไม่ถูกบุรุษไรๆ ที่มีจิตกำหนัดแล้วล่วงเกินได้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้
น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระมารดาจะเพรียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕

[๓๖๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์
พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น พระมารดาของพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ได้เบญจกามคุณ
คือ พระนางจะเพรียบพร้อม พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำเรออยู่ ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์
ของพระผู้มีพระภาค

พระมารดาจะไม่มีโรค มีความสุขไม่ลำบากพระกาย เห็นโพธิสัตว์ในครรภ์

[๓๖๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์
พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น พระมารดาของพระโพธิสัตว์ ไม่มีพระโรคาพาธไรๆ
เกิดขึ้น จะมีความสุข ไม่ลำบากพระกาย และจะทรงเห็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่
ภายในพระอุทร มีพระอวัยวะน้อยใหญ่ครบ มีอินทรีย์ไม่เสื่อมโทรมได้ เปรียบ
เหมือนแก้วไพฑูรย์งามโชติช่วงแปดเหลี่ยม อันเขาเจียระไนดีแล้ว ในแก้วนั้น
เขาร้อยด้ายสีเขียว หรือสีเหลืองอ่อน สีแดง สีขาว สีเหลืองแก่ เข้าไว้
บุรุษผู้มีตาดี วางแก้วนั้นในมือ พึงเห็นชัดได้ว่า แก้วไพฑูรย์นี้งามโชติช่วง
แปดเหลี่ยม อันเขาเจียระไนดีแล้ว ในแก้วนั้น เขาร้อยด้ายสีเขียว หรือสีเหลือง
อ่อน สีแดง สีขาว สีเหลืองแก่ เข้าไว้ ฉันใด ดูกรอานนท์ ฉันนั้นเหมือน
กันแล ในกาลใด พระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์พระมารดาแล้ว ในกาลนั้น
พระมารดาของพระโพธิสัตว์ ไม่มีพระโรคาพาธไรๆ เกิดขึ้น จะมีความสุข ไม่
ลำบากพระกาย และจะทรงเห็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ภายในพระอุทร มีพระ
อวัยวะน้อยใหญ่ครบ มีอินทรีย์ไม่เสื่อมโทรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้
ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระ
ผู้มีพระภาค

ประสูติได้ ๗ วัน พระมารดาเสด็จสวรรคต

[๓๗๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติแล้วได้ ๗ วัน
พระมารดาของพระโพธิสัตว์จะเสด็จสวรรคต จะเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้
น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระมารดาท้อง ๑๐ เดือนจึงคลอด (หญิงอื่นท้อง ๙ เดือน)

[๓๗๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระมารดาของพระโพธิสัตว์ จะประสูติ
โพธิสัตว์ ไม่เหมือนอย่างหญิงอื่นๆ ที่ครองครรภ์ด้วยท้อง ๙ เดือน หรือ ๑๐
เดือนแล้วจึงคลอด คือ พระนางจะทรงครองพระโพธิสัตว์ด้วยพระอุทร ๑๐ เดือน
ถ้วนแล้วจึงประสูติ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า
เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

พระมารดายืนคลอด (หญิงอื่นนอนคลอด)

[๓๗๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระมารดาของพระโพธิสัตว์ จะประสูติพระ
โพธิสัตว์ไม่เหมือนอย่างหญิงอื่นๆ ที่นั่งหรือนอนคลอด คือ พระนางจะประทับ
ยืนท่าเดียวแล้วประสูติพระโพธิสัตว์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์
ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

เทวดารับก่อน พวกมนุษย์รับทีหลัง

[๓๗๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระอุทร
ของพระมารดา ในกาลนั้น พวกเทวดาจะรับก่อน พวกมนุษย์จะรับทีหลัง ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้
น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

เทวบุตรทั้ง ๔ รับแล้ววางลงตรงพระพักตร์พระมารดา

[๓๗๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระอุทร
ของพระมารดา ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ยังไม่ทันถึงแผ่นดิน เทวบุตรทั้ง ๔ ก็รับ
แล้ววางลงตรงพระพักตร์พระมารดาให้ทรงหมายรู้ว่า ขอพระเทวีจงมีพระทัยยินดี
เถิด พระโอรสของพระองค์ผู้มีศักดิ์มากเสด็จอุปบัติแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของ
พระผู้มีพระภาค

พระโพธิสัตว์ประสูติอย่างบริสุทธิ์ ดุจแก้วมณี ไม่แปดเปื้อนใดๆ

[๓๗๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระ
อุทรของพระมารดา ในกาลนั้น พระองค์ย่อมประสูติอย่างบริสุทธิ์แท้ คือ ไม่
แปดเปื้อนด้วยน้ำ ด้วยเสมหะ ด้วยเลือด ด้วยน้ำเหลือง ด้วยของไม่สะอาดไรๆ
นับว่าหมดจดบริสุทธิ์ เปรียบเหมือนแก้วมณีที่เขาวางลงบนผ้ากาสิกพัสตร์ ย่อม
ไม่เปื้อนผ้ากาสิกพัสตร์ แม้ผ้ากาสิกพัสตร์ก็ไม่เปื้อนแก้วมณี นั่นเพราะเหตุไร
เพราะของทั้งสองอย่างบริสุทธิ์ ฉันใด ดูกรอานนท์ ฉันนั้นเหมือนกันแล ใน
กาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระอุทรของพระมารดา ในกาลนั้น พระองค์
ย่อมประสูติอย่างบริสุทธิ์แท้ คือ ไม่แปดเปื้อนด้วยน้ำ ด้วยเสมหะ ด้วยเลือด
ด้วยน้ำเหลือง ด้วยของไม่สะอาดไรๆ นับว่าหมดจดบริสุทธิ์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของ
พระผู้มีพระภาค

มีธารน้ำจากอากาศ ๒ สาย สายหนึ่งเป็นธารน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นธารน้ำอุ่น

[๓๗๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระ
อุทรของพระมารดา ในกาลนั้น ธารน้ำ ๒ สายย่อมปรากฏจากอากาศ สายหนึ่ง
เป็นธารน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นธารน้ำอุ่น เป็นเครื่องทำการสนานพระโพธิสัตว์และ
พระมารดา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรม
ไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ ก็ประทับพระบาทเสมอแผ่นดิน ย่าง ๗ ก้าว เปล่งวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายภพใหม่ย่อมไม่มี

[๓๗๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พระโพธิสัตว์ในบัดดลที่ประสูติ ก็ประทับ
พระยุคลบาทอันเสมอบนแผ่นดิน แล้วบ่ายพระพักตร์สู่ทิศอุดร เสด็จดำเนินไป
ด้วยย่างพระบาท ๗ ก้าว เมื่อเทพบุตรกั้นเศวตฉัตรตามไป พระองค์จะทรงเหลียว
ดูทิศทั้งปวง และทรงเปล่งพระวาจาอย่างผู้องอาจว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็น
ผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติที่สุด บัดนี้
ความเกิดใหม่ย่อมไม่มี ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า
เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

เกิดแสงสว่างอันโอฬารทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ เป็นที่รู้กันของสัตว์โลก

[๓๗๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระอุทร
ของพระมารดา ในกาลนั้น แสงสว่างอย่างโอฬารหาประมาณมิได้ ล่วงเสียซึ่ง
เทวานุภาพของเหล่าเทวดา ย่อมปรากฏในโลก พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม
และในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ แม้
ในโลกันตริกนรก ซึ่งไม่ใช่ที่เปิดเผย มีแต่ความมืดมิด ซึ่งดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
มีอิทธานุภาพมากอย่างนี้ ส่องแสงไปไม่ถึง ก็ยังปรากฏแสงสว่างอย่างโอฬารหา
ประมาณมิได้ ล่วงเสียซึ่งเทวานุภาพของเหล่าเทวดา ด้วยแสงสว่างนั้น แม้หมู่
สัตว์ผู้อุปบัติในนรกนั้น ก็รู้กันว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นก็มีเกิดในที่นี้ อนึ่ง หมื่นโลก
ธาตุนี้ย่อมสะเทื้อน สะท้าน หวั่นไหว และแสงสว่างอย่างโอฬารหาประมาณมิได้
ล่วงเสียซึ่งเทวานุภาพของเหล่าเทวดา ย่อมปรากฏในโลก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้อนี้ ข้าพระองค์ก็ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของ
พระผู้มีพระภาค

เวทนา สัญญา วิตก ของตถาคตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

[๓๗๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เพราะฉะนั้นแล เธอจง
ทรงจำธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของตถาคต แม้นี้ไว้เถิด ดูกรอานนท์
ในเรื่องนี้ เวทนาของตถาคต ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป
สัญญาของตถาคต ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป วิตกของ
ตถาคต ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป ดูกรอานนท์ แม้
ข้อนี้แล เธอก็จงทรงจำไว้เถิดว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของ
ตถาคต

ท่านพระอานนท์ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้อที่เวทนาของพระผู้มี
พระภาค ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป สัญญาของพระผู้มี
พระภาค ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป วิตกของพระผู้มี
พระภาค ปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ ปรากฏถึงความดับไป นี้ ข้าพระองค์ก็จะ
ทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของพระผู้มีพระภาค

ท่านพระอานนท์กล่าวคำนี้จบแล้ว พระศาสดาได้ทรงโปรดปราน ภิกษุ
เหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระอานนท์แล

จบ อัจฉริยัพภูตธัมมสูตร ที่ ๓

อ่าน พุทธประวัติฯ ฉบับของท่านพุทธทาส

 

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์