พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ หน้าที่ ๔๓
กาลีสูตร
(อุบาสิกาชื่อกาลี เข้าไปหาท่าน มหากัจจานะ)
[๒๖] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหากัจจายนะ อยู่ที่ภูเขาชื่อ ปวัตตะ ใกล้เมือง กุรรฆระ ในอวันตี ชนบท ครั้งนั้นแล อุบาสิกา ชื่อกาลี ชาวเมืองกุรรฆระ ได้เข้าไปหา ท่านพระมหากัจจายนะ ถึงที่อยู่ ได้อภิวาทท่านพระมหากัจจายนะ แล้วนั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ถามท่านพระมหากัจจายนะว่า ท่านเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคได้ตรัส พระพุทธพจน์นี้ไว้ ในกุมารีปัญหาว่า การบรรลุประโยชน์ เป็นความสงบแห่งหทัย เราชำนะ เสนา คือ กิเลส อันมีรูป เป็นที่รัก เป็นที่ชื่นใจแล้ว เป็นผู้เดียวเพ่งอยู่ ได้รู้โดยลำดับซึ่งความสุข เพราะฉนั้นเราจึงไม่ทำความ เป็นเพื่อนกับด้วยชน ความเป็นเพื่อนกับด้วยใครๆ ย่อมไม่ถึงพร้อมแก่เรา ดังนี้
ท่านเจ้าข้า เนื้อความแห่งพระพุทธพจน์ ที่พระผู้มีพระภาค ตรัสไว้โดยย่อนี้ จะพึงเห็นได้โดยพิสดารอย่างไรหนอ
ท่านพระมหากัจจายนะตอบว่า ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย มีปฐวีกสิณสมาบัติ(เพ่งธาตุดิน) เป็นอย่างยิ่งให้เกิดเฉพาะ แล้ว ความที่ประโยชน์มี ปฐวีกสิณสมาบัติเป็นอย่างยิ่ง มีประมาณเท่าใด พระผู้มีพระภาคทรงรู้แล้ว ซึ่งความที่ประโยชน์ มีปฐวีกสิณสมาบัติ เป็นอย่างยิ่งนั้น
ครั้นทรงรู้แล้ว ได้ทรงเห็นเบื้องต้น ได้ทรงเห็นโทษ ได้ทรงเห็นธรรมเครื่อง สลัดออก ได้ทรงเห็นณาณทัสสนะ ว่าเป็นทาง และมิใช่ทาง การบรรลุประโยชน์ เพราะเหตุทรงเห็นเบื้องต้น เพราะเหตุทรงเห็นโทษ เพราะเหตุทรงเห็นธรรม เครื่อง สลัดออก เพราะเหตุทรงเห็นญาณทัสสนะ ว่าเป็นทางและมิใช่ทางแห่งความ ที่ประโยชน์ มีปฐวีกสิณสมาบัติ เป็นอย่างยิ่งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้วว่า เป็นความสงบแห่งหทัย
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี อาโปกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่ง ให้เกิด เฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี เตโชกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่งให้เกิดเฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี วาโยกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่งให้เกิด เฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี นีลกสิณ สมาบัติเป็นอย่างยิ่งให้เกิดเฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี ปีตกสิณ สมาบัติเป็นอย่างยิ่งให้เกิดเฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี โลหิตกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่งให้เกิดเฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี อากาสกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่ง ให้เกิด เฉพาะแล้ว ฯลฯ
ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ยังประโยชน์ทั้งหลาย อันมี วิญญาณกสิณ สมาบัติ เป็นอย่างยิ่ง ให้เกิดเฉพาะแล้ว
ความที่ประโยชน์มี วิญญาณกสิณสมาบัติ เป็นอย่างยิ่ง มีประมาณ เท่าใด พระผู้มีพระภาคทรงรู้แล้ว ซึ่งความที่ประโยชน์ มีวิญญาณกสิณสมาบัติ เป็นอย่างยิ่ง นั้น
ครั้นทรงรู้แล้ว ได้ทรงเห็นเบื้องต้น ได้ทรง เห็นโทษ ได้ทรงเห็นธรรมเครื่องสลัด ออก ได้ทรงเห็นญาณทัสสนะว่าเป็นทาง และมิใช่ทางการบรรลุประโยชน์ เพราะเหตุ ทรงเห็นเบื้องต้นเพราะเหตุ ทรงเห็นโทษ เพราะเหตุทรงเห็นธรรม เครื่องสลัดออก เพราะเหตุทรงเห็นญาณทัสสนะ ว่าเป็นทาง และมิใช่ทาง แห่งความที่ประโยชน์ มีวิญญาณกสิณสมาบัติเป็นอย่างยิ่งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้ว ว่า เป็นความสงบ แห่งหทัย
ดูกรน้องหญิง พระพุทธพจน์ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ในกุมารีปัญหาว่า
การบรรลุประโยชน์ เป็นความสงบแห่งหทัย เราชำนะเสนา
คือ กิเลสอันมีรูป เป็นที่รัก เป็นที่ชื่นใจแล้ว เป็นผู้เดียว
เพ่งอยู่ ได้รู้โดยลำดับซึ่งความสุข เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ทำ
ความเป็นเพื่อนด้วยชน ความเป็นเพื่อนด้วยใครๆ ย่อมไม่มี แก่เรา ดังนี้
เนื้อความแห่งพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้โดยย่อนี้ พึงเห็นโดยพิสดารอย่างนี้แล
|