เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

 
  ธรรม มีอย่างละ ๘ อย่าง 1335
 

(โดยย่อ)

ธรรม มีอย่างละ ๘ อย่าง
1) มิจฉัตตะ ๘ อย่าง
2) สัมมัตตะ ๘ อย่าง
3) ทักขิเณยยบุคคล ๘
4) กุสีตวัตถุ ๘
5) อารัพภวัตถุ ๘ อย่าง
6) ทานวัตถุ ๘ อย่าง
7) ทานุปบัติ ๘ อย่าง
8) โลกธรรม ๘ อย่าง
9) บริษัท ๘ อย่าง
10) อภิภายตนะ ๘ อย่าง
11) วิโมกข์ ๘ อย่าง



เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
รวมพระสูตร
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
(ดูทั้งหมด)

 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๒๒๖

ธรรม มีอย่างละ ๘ อย่าง

             [๓๔๐] ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ ๘ ๆ ที่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ นั้นตรัสไว้โดยชอบแล้ว มีอยู่แล พวกเราทั้งหมด ด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่ พรหมจรรย์นี้ พึงยั่งยืนตั้งอยู่นานนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุข แก่ชนมาก เพื่ออนุเคราะห์ แก่โลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ ๘ ๆ เป็นไฉน

1)
มิจฉัตตะ ๘ อย่าง

๑. มิจฉาทิฏฐิ               [เห็นผิด]
๒. มิจฉาสังกัปปะ          [ดำริผิด]
๓. มิจฉาวาจา              [วาจาผิด]
๔. มิจฉากัมมันตะ          [การงานผิด]
๕. มิจฉาอาชีวะ            [เลี้ยงชีวิตผิด]
๖. มิจฉาวายามะ           [พยายามผิด]
๗. มิจฉาสติ                [ระลึกผิด]
๘. มิจฉาสมาธิ             [ตั้งจิตผิด]

2)
สัมมัตตะ ๘ อย่าง

๑. สัมมาทิฏฐิ               [เห็นชอบ]
๒. สัมมาสังกัปปะ           [ดำริชอบ]
๓. สัมมาวาจา              [วาจาชอบ]
๔. สัมมากัมมันตะ           [การงานชอบ]
๕. สัมมาอาชีวะ             [เลี้ยงชีวิตชอบ]
๖. สัมมาวายามะ            [พยายามชอบ]
๗. สัมมาสติ                [ระลึกชอบ]
๘. สัมมาสมาธิ              [ตั้งจิตชอบ]

3)
ทักขิเณยยบุคคล ๘

๑. ท่านที่เป็นพระโสดาบัน
๒. ท่านที่ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง
๓. ท่านที่เป็นพระสกทาคามี
๔. ท่านที่ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง
๕. ท่านที่เป็นพระอนาคามี
๖. ท่านที่ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง
๗. ท่านที่เป็นพระอรหันต์
๘. ท่านที่ปฏิบัติเพื่อทำพระอรหัตตผลให้แจ้ง

4)
กุสีตวัตถุ ๘

๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้จะต้องทำการงาน เธอมีความคิด อย่างนี้ว่า เราจักต้องทำการงาน ก็เมื่อเรา ทำการงานอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่หนึ่ง

๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว เธอมีความคิด อย่างนี้ว่า เราได้ทำการงานแล้ว ก็เมื่อเรา ทำการงานอยู่ ร่างกายเหน็ดเหนื่อยแล้ว ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้งนี้ วัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่สอง

๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุจะต้องเดินทาง เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องเดินทาง ก็เมื่อเราเดินทาง ไปอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้ บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความเกียจคร้าน ข้อที่สาม

๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเดินทางไปถึงแล้ว เธอมีความคิด อย่างนี้ว่า เราได้เดินทางไปถึงแล้ว ก็เมื่อเรา เดินทางอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อ บรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่ง ความเกียจคร้านข้อที่สี่

๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะ ที่เศร้า หมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ เธอมี ความคิดอย่างนี้ว่าเราเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ความบริบูรณ์ แห่ง โภชนะที่เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ ร่างกายของเรานั้นเหน็ดเหนื่อย ไม่ควรแก่การงาน ควรที่เรา จะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึง ธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังไม่ได้ ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่ห้า

๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะ ที่เศร้าหมอง หรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์ แห่งโภชนะที่เศร้าหมองหรือ ประณีตพอแก่ความต้องการแล้ว ร่างกายของเรานั้น เหน็ดเหนื่อย ไม่ควรแก่การงาน เหมือน ถั่วราชมาสที่ชุ่มน้ำ ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเ พื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้ บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่หก

๗. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก อาพาธเพียงเล็กน้อย เกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมี ความคิดอย่างนี้ว่า อาพาธเล็กน้อย เกิดขึ้นแก่เราแล้ว ความสมควรเพื่อจะนอนมีอยู่ ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อ บรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่ง ความเกียจคร้านข้อที่เจ็ด

๘. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุหายจากไข้ หายจากความเป็นไข้ ได้ไม่นานเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราหายจากไข้ หายจากความ เป็นไข้ ได้ไม่นาน ร่างกายของเรานั้นยังอ่อนแอ ไม่ควรแก่การงาน ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่แปด

5)
อารัพภวัตถุ ๘ อย่าง

๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ จะต้องทำการงานเธอมีความคิด อย่างนี้ว่า การงานเราจักต้องทำ เมื่อเรา ทำการงานอยู่ ไม่สะดวกที่จะใส่ใจถึง คำสอน ของพระพุทธะทั้งหลาย ควรที่เราจะปรารภความเพียรเสียก่อนที่เดียวเพื่อถึง
ธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำ ให้แจ้ง เธอย่อมปรารภความเพียรเพื่อ ถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยัง ไม่ได้ บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความปรารภ ความเพียร ข้อที่หนึ่ง

๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว เธอมีความคิด อย่างนี้ เราทำการงานเสร็จแล้ว ก็เมื่อ เราทำการงานอยู่ ไม่สามารถที่จะใส่ใจ ถึงคำสอนของพระพุทธะทั้งหลาย ควรที่เราจะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง เธอย่อมปรารภความเพียร เพื่อถึง ธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความปรารภ ความเพียรข้อที่สอง

๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุจะต้องเดินทาง เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องเดินทาง ก็เมื่อเรา เดินทางไปอยู่ ไม่สะดวกที่จะใส่ใจ ถึงคำสอนของ พระพุทธะทั้งหลาย ควรที่เราจะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุ ธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำใจให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้งเธอย่อมปรารภ ความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งควา ปรารภความเพียร ข้อที่สาม

๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเดินทางไปถึงแล้ว เธอมีความคิด อย่างนี้ว่า เราเดินทางไปถึงแล้ว ก็เมื่อเรา เดินทางไปอยู่ ไม่สามารถที่จะใส่ใจ ถึงคำสอนของพระพุทธะทั้งหลาย ควรที่เราจะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยัง ไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้ บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง เธอย่อมปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึงเพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความปรารภ ความเพียร ข้อที่สี่

๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาต ไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ ความบริบูรณ์แห่งโภชนะ ที่เศร้าหมอง หรือ ประณีตพอแก่ความต้องการ เธอมีความคิด อย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ความ บริบูรณ์ แห่งโภชนะ ที่เศร้าหมอง หรือประณีตพอแก่ความต้องการ ร่างกายของเรานั้น เบาควรแก่การงาน ควรที่เราจะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่เรายังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ ทำให้แจ้ง เธอย่อมปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความปรารภความเพียรข้อที่ห้า

๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะที่เศร้าหมอง หรือประณีตพอ แก่ความต้องการ เธอมีความคิด อย่างนี้ว่าเราเที่ยวบิณฑบาต ไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์แห่ง โภชนะที่เศร้าหมอง หรือประณีต พอแก่ความต้องการ ร่างกายของเรานั้ นมีกำลังควรแก่การงาน ควรที่เรา จะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง เธอย่อมปรารภ ความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำ ให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความ ปรารภความเพียรข้อที่หก

๗. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก อาพาธเพียงเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมี ความคิด อย่างนี้ว่า อาพาธเล็กน้อยนี้ เกิดขึ้นแก่เราแล้ว การที่อาพาธของเรา จะพึงเจริญขึ้นนี้ เป็นฐานะที่จะมีได้ ควรที่เราจะปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง เธอย่อมปรารภ ความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึงเพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุแห่งความปรารภ ความเพียรข้อที่เจ็ด

๘. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุหายจากไข้ หายจากความเป็นไข้แล้ว ไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราหายจากไข้ หายจากความเป็นไข้แล้วไม่นาน การที่อาพาธ ของเราจะพึงกำเริบนี้ เป็นฐานะที่จะมีได้ ควรที่เราจะปรารภ ความเพียร เพื่อถึงธรรม ที่ยังไม่ถึงเพื่อบรรลุธรรม ที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้วัตถุ แห่งความปรารภความเพียรข้อที่แปด


6)
ทานวัตถุ ๘ อย่าง
๑. ให้ทานเพราะประจวบเหมาะ
๒. ให้ทานเพราะกลัว
๓. ให้ทานโดยคิดว่า เขาได้เคยให้แก่เรา
๔. ให้ทานโดยคิดว่า เขาจักให้แก่เรา
๕. ให้ทานโดยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี
๖. ให้ทานโดยคิดว่า เราหุงต้ม คนเหล่านี้มิได้หุงต้ม เราหุงต้มอยู่จะไม่ให้ แก่ผู้ที่มิได้หุงต้ม ย่อมไม่สมควร
๗. ให้ทานโดยคิดว่า เมื่อเราให้ทานนี้ เกียรติศัพท์อันดีงาม ย่อมจะระบือไป
๘. ให้ทานเพื่อประดับจิต และเป็นบริขารของจิต


7)
ทานุปบัติ ๘ อย่าง
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้ายาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและ สิ่ง ที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทาน แก่สมณะ หรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวัง สิ่งที่ตนถวายไป เขาเห็นกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ผู้เพรียบพร้อมพรั่งพร้อม ได้รับการบำรุง บำเรอด้วยกามคุณห้าอยู่ เขาจึงคิด อย่างนี้ว่า โอหนอเบื้องหน้า แต่ตายเพราะ กายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้อบรมจิต นั้นไว้ จิตของเขา นั้น น้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรม เพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิดในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจ ของผู้มีศีลย่อมสำเร็จได้ เพราะเป็นของ บริสุทธิ์

๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและ ที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะ หรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวัง สิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยินมาว่า พวกเทพเหล่าจาตุมหาราชิกา มีอายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุขดังนี้ เขาจึงคิด อย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกเหล่าจาตุมหาราชิกา เขาตั้งจิตนั้นไว้ อบรมจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิต นั้นไว้ จิตของเขานั้นน้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิด ในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าว สำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีลผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีลย่อมสำเร็จได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์

๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้ายาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอนที่พักและสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะ หรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยิน มาว่า  พวกเทพเหล่าดาวดึงส์ มีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุขดังนี้ เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกเทพ เหล่าดาวดึงส์ เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิต นั้นไว้ จิตของเขานั้น น้อมไป ในสิ่งที่เลวมิได้รับอบรม เพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิดในที่นั้น ก็ข้อนั้นแลเรากล่าว สำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับ ผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลายความตั้งใจ ของผู้มีศีล ย่อมสำเร็จได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์

๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้ายาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอนที่พัก และสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะ หรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยิน มาว่า พวกเทพเหล่ายามามีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดังนี้ เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกเทพ เหล่ายามา เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้อบรมจิตนั้นไว้ จิตของเขานั้นน้อมไป ในสิ่งที่เลว มิได้อบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิดในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับ ผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีล ย่อมสำเร็จได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์

๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้ายาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอนที่พักและสิ่ง ที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะ หรือพราหมณ์เขาย่อมมุ่งหวัง สิ่งที่ตนถวายไปเขา ได้ยินมาว่า พวกเทพเหล่าดุสิตามีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดังนี้ เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะ กายแตก เราพึงเข้าถึง ความเป็นสหาย ของพวกเทพเหล่าดุสิตา เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิต นั้นไว้จิต ของเขานั้นน้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิด ในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับ ผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีลย่อมสำเร็จได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์  

๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้ายาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยิน มาว่า พวกเทพเหล่านิมมานรดี มีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดังนี้ เขาจึงคิดอ ย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตกเราพึงเข้าถึง ความเป็นสหาย ของพวกเทพ เหล่านิมมานรดี เขาตั้งจิตนั้นไว้อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิตนั้นไว้ จิตของเขานั้น น้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิด ในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับ ผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีลผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีลย่อมสำเร็จได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์

๗. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เป็นทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยิน มาว่า พวกเทพ เหล่าปรนิมมิตวสวัตดี มีอายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุขดังนี้ เขาจึงคิด อย่างนี้ว่า โอหนอเบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความ เป็นสหาย ของพวกเทพเหล่าปรนิมมิตวสวัตดี เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิตนั้นไว้ จิตของเขานั้น น้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไปเพื่อเกิด ในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีล ย่อมสำเร็จได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์

๘. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ แก่ประทีป เป็นทาน แก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป เขาได้ยินมาว่า พวกเทพ ที่นับเนื่องในหมู่พรหม มีอายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุขดังนี้ เขาจึงคิด อย่างนี้ว่า โอหนอ เบื้องหน้า แต่ตาย เพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย ของพวกเทพ ที่นับเนื่องในหมู่พรหม เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐาน จิตนั้นไว้ อบรมจิต นั้นไว้ จิตของเขานั้น น้อมไปในสิ่งที่เลว มิได้รับอบรมเพื่อคุณเบื้องสูง ย่อมเป็นไป เพื่อเกิดในที่นั้น ก็ข้อนั้นแล เรากล่าวสำหรับผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับผู้ทุศีล สำหรับคน ที่ปราศจากราคะ ไม่ใช่สำหรับคนที่ยังมีราคะ ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของผู้มีศีล ย่อมสำเร็จได้ เพราะปราศจากราคะ


8)
โลกธรรม ๘ อย่าง
๑. มีลาภ
๒. ไม่มีลาภ
๓. มียศ
๔. ไม่มียศ
๕. นินทา
๖. สรรเสริญ
๗. สุข
๘. ทุกข์


9)
บริษัท ๘ อย่าง
๑. บริษัทกษัตริย์
๒. บริษัทพราหมณ์
๓. บริษัทคฤหบดี
๔. บริษัทสมณะ
๕. บริษัทพวกเทพชั้นจาตุมหาราชิกา
๖. บริษัทพวกเทพชั้นดาวดึงส์
๗. บริษัทพวกเทพชั้นนิมมานรดี
๘. บริษัทพรหม


10)
อภิภายตนะ ๘ อย่าง
๑. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปในภายนอกที่เล็กมีผิวพรรณดีและมี ผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่หนึ่ง

๒. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่ใหญ่มีผิวพรรณดี และ มีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้เราเห็น อันนี้เป็นอภิภายตนะข้อที่สอง

 ๓. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่เล็กมีผิวพรรณดี และมี ผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่สาม

๔. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่ใหญ่มีผิวพรรณดี และมี ผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่สี่

๕. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว ดอกผักตบอันเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว หรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสี มีส่วนทั้งสองเกลี้ยงเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว แม้ฉันใด ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอก อันเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียวฉันนั้นเหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้น แล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็นอันนี้เป็นอภิภายตนะข้อที่ห้า

๖. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเหลือง มีวรรณะเหลือง เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง ดอกกรรณิการ์ อันเหลือง มีวรรณะเหลือง เหลืองล้วน มีรัศมีเหลืองหรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสี มีส่วนทั้งสองเกลี้ยง เหลือง มีวรรณะ เหลือง เหลืองล้วนมีรัศมีเหลือง แม้ฉันใดผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเหลือง มีวรรณะเหลือง เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง ฉันนั้นเหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้เป็นอภิภายตนะ ข้อที่หก

๗. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันแดง มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดง ดอกหงอนไก่อันแดง มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดง หรือว่าผ้าที่กำเนิด ในเมืองพาราณสี มีส่วนทั้งสองเกลี้ยง แดง มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดง แม้ฉันใด ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายในเห็นรูปภายนอกอันแดง มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดงฉันนั้น เหมือนกันครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญ อย่างนี้ ว่าเรารู้ เราเห็น อันนี้เป็น อภิภายตนะข้อที่เจ็ด

๘. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาว ดาวประกายพฤกษ์อันขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาว หรือว่าผ้าที่ กำเนิดใน เมืองพาราณสีมีส่วนทั้งสองเกลี้ยง ขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาว แม้ฉันใดผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายในเห็นรูปภายนอกอันขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาวฉันนั้น เหมือนกันครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้เป็นอภิภายตนะข้อที่แปด


11)
วิโมกข์ ๘ อย่าง
๑. บุคคลเห็นรูปทั้งหลาย อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่หนึ่ง

๒. ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอก อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่สอง

๓. บุคคลย่อมน้อมใจไปว่าสิ่งนี้งามทีเดียว อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่สาม

๔. เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไม่ ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา บุคคลย่อม เข้าถึงอากาสานัญจายตนะด้วยมนสิการว่า อากาศ หาที่สุดมิได้ดังนี้อยู่ อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่สี่

๕. เพราะล่วงเสียซึ่งอาการสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง บุคคลย่อมเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ ด้วยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ ดังนี้อยู่ อันนี้เป็นวิโมกข์ ข้อที่ห้า

๖. เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง บุคคลย่อมเข้าถึงอากิญ จัญญายตนะ ด้วยมนสิการว่า ไม่มี อะไร อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่หก

๗. เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง บุคคลย่อมเข้าถึง เนวสัญญายตนะอยู่ อันนี้เป็นวิโมกข้อที่เจ็ด

๘. เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง บุคคลย่อมเข้าถึ งสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ อันนี้เป็น วิโมกข์ข้อที่แปด

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ ๘ ๆ เหล่านี้แล อันพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นเป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบแล้ว พวกเรา ทั้งหมดด้วยกัน พึงสังคายนาไม่พึงแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้ พึงยั่งยืนตั้งอยู่นานนั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่ออนุเคราะห์ แก่โลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย






พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์