|
คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖
ความเป็นพราหมณ์ ในพุทธศาสนา
พระอาทิตย์ย่อมส่องแสงสว่างในกลางวัน
พระจันทร์ย่อมส่องแสงสว่างในกลางคืน
กษัตริย์ทรงผูกสอดเครื่องครบ ย่อมมีสง่า
พราหมณ์ ผู้เพ่งฌาน ย่อมรุ่งเรือง
ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรือง ด้วยพระเดชตลอดวันและคืนทั้งสิ้น
ภิกษุ
พึงตัดโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕
พึงละ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕
พึงเจริญ อินทรีย์ ๕ ให้ยิ่ง
ภิกษุล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่างได้แล้ว เรากล่าวว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะได้
ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา
ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน
ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด
ผู้นั้นแลอยู่ในที่ใกล้นิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเปลื้องราคะ และ โทสะเสีย
เหมือนมะลิ ปล่อยดอกที่เหี่ยวแห้งแล้ว ฉะนั้น
บุคคลที่ได้ชื่อว่า พราหมณ์ (๒๘ นัยะ)
1.ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล เป็นผู้ไม่ถือมั่น
2.ตัด สังโยชน์ทั้งหมดได้
3.ตัดความโกรธ ตัณหา ทิฐิ อนุสัย ถอนอวิชชา
4.มีขันติ อดกลั้น จากการทุบตี และจองจำ
5.ผู้ไม่โกรธ มีวัตร มีศีลไม่มีกิเลสเครื่องฟูขึ้น
6.ไม่ติดในกามทั้งหลาย เหมือนน้ำไม่ติดบนใบบัว ดุจเม็ดผักกาดไม่ติดปลายเหล็กแหลม
7.รู้แจ้งความสิ้นทุกข์ของตน ปลงแล้ว พรากแล้ว
8.ผู้มีปัญญาลึกซึ้ง เป็นนักปราชญ์ ผู้ฉลาดในมรรค
9.ผู้ไม่มีความอาลัยในคฤหัสถ์ และบรรพชิต ผู้มีความปรารถนาน้อย
10.วางอาชญาในสัตว์ มั่นคง ไม่สะดุ้ง ไม่ฆ่าเอง ไม่ใช้ผู้อื่นให้ฆ่า
11.ผู้ไม่ผิดในผู้ผิด ผู้ดับเสียในผู้ที่มีอาชญาในตน ผู้ไม่ยึดถือในขันธ์
12.ผู้ที่ทำราคะ โทสะ มานะ และ มักขะ ให้ตกไปดุจเมล็ดผักกาดตกจากปลายเหล็กแหลม
13.ผู้เปล่งวาจาไม่หยาบคาย พูดคำจริง ไม่ทำให้ใครขัดใจกัน
14.ไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ น้อยก็ตาม มากก็ตาม งามก็ตาม ไม่งามก็ตาม
15.ไม่มีความหวังในโลกนี้และในโลกหน้า ไม่มีตัณหา และกิเลส
16.ไม่มีความอาลัย ไม่เคลือบแคลงสงสัยเพราะรู้ทั่ว หยั่งลงสู่อมตะ
17.ละทิ้งบุญและบาปทั้งสอง ล่วงกิเลสเครื่องขัดข้องในโลกนี้ ผู้ไม่มีความโศก
18.มีความเพลิดเพลินในภพสิ้นแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์ มีจิตผ่องใส
19.ล่วงทางลื่น ทางที่ไปได้ยาก ข้ามสงสาร และโมหะนี้เสียได้ ถึงฝั่งแล้ว
20.ละกามทั้งหลายในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้ มีกามและ ภพ สิ้นแล้ว
21.ผู้ละตัณหาในโลกนี้ได้แล้ว ภพหมดสิ้นแล้ว
22.ละโยคะของมนุษย์ ล่วงโยคะอันเป็นทิพย์ พรากแล้วจากโยคะทั้งปวง
23.ละความยินดี -ไม่ยินดีได้ เป็นผู้เย็นไม่มีกิเลสเป็นเหตุเข้าไป ทรงไว้ ครอบงำเสีย
24.ผู้รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย โดยประการทั้งปวง ผู้ไม่ข้องอยู่ ไปดีแล้ว ตรัสรู้แล้ว
25.เทวดา คนธรรพ์และมนุษย์รู้คติของเขาไม่ได้ มีอาสวะสิ้นแล้ว เป็นพระอรหันต์
26.ไม่มีกิเลสเครื่องกังวลในขันธ์ ที่เป็นอดีต เป็นอนาคต และในขันธ์ที่เป็นปัจจุบัน
27.องอาจ แกล้วกล้า แสวงหาคุณอันใหญ่ ชนะเสร็จแล้ว ไม่หวั่นไหว ล้างกิเลส ตรัสรู้แล้ว
28.รู้ปุพเพนิวาส เห็นสวรรค์และอบาย ถึงความสิ้นไปแห่งชาติ อยู่จบพรหมจรรย์
|
|
|