พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๓๗-๓๔๑
พระสูตรที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์
[๕๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ
๑.อาคาฬหปฏิปทา ข้อปฏิบัติอย่างหยาบช้า
๒.นิชฌามปฏิปทา ข้อปฏิบัติอย่าง เหี้ยมเกรียม
๓.มัชฌิมาปฏิปทา ข้อปฏิบัติอย่างกลาง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาคาฬหปฏิปทาเป็นไฉน (ข้อปฏิบัติอย่างหยาบช้า) บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมมีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า โทษในกามไม่มี เขาย่อมถึงความเป็นผู้ตกไป ในกาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อาคาฬหปฏิปทา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็นิชฌามปฏิปทาเป็นไฉน (ข้อปฏิบัติอย่างเหี้ยมเกรียม) อเจลกบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไร้มรรยาท เลียมือ เขาเชิญให้มารับภิกษาก็ไม่มา เขาเชิญให้หยุดก็ไม่หยุด
ไม่รับภิกษาที่เขาแบ่งไว้ก่อน
ไม่รับภิกษาที่เขาทำเฉพาะไม่รับภิกษาที่เขานิมนต์
ไม่รับภิกษาปากหม้อ
ไม่รับภิกษาจากปากกะเช้า
ไม่รับภิกษาคร่อมธรณีประตู
ไม่รับภิกษาคร่อมท่อนไม้
ไม่รับภิกษาคร่อมสาก
ไม่รับภิกษาที่คนสองคนกำลังบริโภคอยู่
ไม่รับภิกษาของหญิงมีครรภ์
ไม่รับภิกษาของหญิง ที่กำลังให้ลูกดูดนม
ไม่รับภิกษาของหญิงผู้คลอเคลียบุรุษ
ไม่รับภิกษาที่นัดแนะกันทำไว้
ไม่รับภิกษาในที่ที่ได้รับเลี้ยงดูสุนัข
ไม่รับภิกษาในที่มีแมลงวันไต่ตอมเป็นกลุ่ม
ไม่รับปลา ไม่รับเนื้อ ไม่ดื่มสุรา ไม่ดื่มเมรัย ไม่ดื่มน้ำหมักดอง เขารับภิกษาที่เรือนหลังเดียว เยียวยาอัตภาพด้วยข้าวคำเดียวบ้าง
รับภิกษาที่เรือน ๒ หลัง เยียวยาอัตภาพด้วยข้าว ๒ คำบ้าง ...
รับภิกษาที่เรือน ๗ หลัง เยียวยาอัตภาพด้วยข้าว ๗ คำบ้าง เยียวยาอัตภาพด้วยภิกษาในถาดน้อยใบเดียวบ้าง
เยียวยาอัตภาพด้วยภิกษาในถาดน้อย ๒ ใบบ้าง ... เยียวยาอัตภาพด้วยภิกษาในถาดน้อย ๗ ใบบ้าง
กินอาหารที่เก็บค้างไว้วันเดียวบ้าง ๒ วันบ้าง ...๗ วันบ้าง
เป็นผู้ประกอบด้วย ความขวนขวายในการบริโภคภัต ที่เวียนมาตั้งกึ่งเดือนเช่นนี้ อเจลกนั้น เป็นผู้มีผักดองเป็นภักษาบ้าง มีข้าวฟ่างเป็นภักษาบ้าง มีลูกเดือยเป็นภักษาบ้าง มีกากข้าวเป็นภักษาบ้าง มียางเป็นภักษาบ้าง มีสาหร่ายเป็นภักษาบ้าง มีข้าวตังเป็นภักษาบ้าง มีกำยานเป็นภักษาบ้าง มีหญ้าเป็นภักษาบ้าง มีโคมัยเป็นภักษาบ้าง มีเหง้าและผลไม้ในป่าเป็นอาหารบ้าง บริโภคผลไม้หล่นเยียวยาอัตภาพ
อเจลกนั้นทรงผ้าป่านบ้าง ผ้าแกมกันบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง ผ้าบังสุกุลบ้าง ผ้าเปลือกไม้บ้าง หนังเสือบ้าง หนังเสือทั้งเล็บบ้าง ผ้าคากรองบ้าง ผ้าเปลือกปอกรองบ้าง ผ้าผลไม้กรองบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วยผมคนบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วยขนสัตว์บ้าง ผ้าทำด้วยขนปีกนกเค้าบ้าง
เป็นผู้ถอนผมและหนวด คือประกอบความขวนขวายในการถอนผม และหนวดบ้าง เป็นผู้ยืน คือ ห้ามอาสนะบ้าง
เป็นผู้กระโหย่ง คือประกอบความเพียร ในการกระโหย่งบ้าง
เป็นผู้นอนบนหนาม คือ สำเร็จการนอนบนหนามบ้าง
เป็นผู้อาบน้ำวันละ ๓ ครั้ง คือประกอบความขวนขวายในการลงน้ำบ้าง เป็นผู้ประกอบความขวนขวาย ในการทำร่างกายให้เดือดร้อนกระสับกระส่ายหลายวิธี ดังกล่าวมา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่านิชฌามปฏิปทา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มัชฌิมาปฏิปทาเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ เป็นผู้มีความเพียรมีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๓ อย่างนี้แล
[๕๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ
อาคาฬหปฏิปทา ๑
นิชฌามปฏิปทา ๑
มัชฌิมาปฏิปทา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ อาคาฬหปฏิปทาเป็นไฉน ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อาคาฬหปฏิปทา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็นิชฌามปฏิปทาเป็นไฉน ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่านิชฌามปฏิปทา
---------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มัชฌิมามปฏิปทาเป็นไฉน (ข้อปฏิบัติอย่างกลาง) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ยังฉันทะให้เกิด พยายามปรารภความเพียร ประคองจิตตั้งจิตไว้ เพื่อยังธรรมอันเป็น บาปอกุศลที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น เพื่อละธรรม อันเป็นบาปอกุศล ที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น เพื่อความตั้งมั่น ไม่เสื่อมสูญ เพิ่มพูน ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ... (สัมมัปปธาน ๔)
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วย ฉันทะสมาธิ และปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วย วิริยสมาธิ และปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตสมาธิ และปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วย วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ... (อิทธิบาท ๔)
เจริญสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ... (อินทรีย์ ๕)
เจริญสัทธาพละ วิริยพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ ... (พละ ๕)
เจริญสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ... (โพชฌงค์ ๗)
เจริญสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ (มรรค๘)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๓ อย่างนี้แล (โพธิปักขิยธรรม ๓๗)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๕๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ต้องตกนรก เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วย ธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องตกนรก เหมือนกับ ถูกนำเอาไปฝังไว้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการขึ้นสวรรค์ เหมือนกับ เชิญเอาไปวางไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑
พอใจในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ ...
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการลักทรัพย์ ๑ ...
งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑
พอใจในการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ ...
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑
พอใจในการประพฤติผิดในกาม ๑ ...
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจในการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ ...
พูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑
พอใจในการพูดเท็จ ๑ ...
งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑
พอใจในการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ ...
กล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในคำส่อเสียด ๑
พอใจในคำส่อเสียด ๑ ...
งดเว้นจากคำส่อเสียดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากคำส่อเสียด ๑
พอใจในการงดเว้นจากคำส่อเสียด ๑ ...
กล่าวคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในคำหยาบ ๑
พอใจในคำหยาบ ๑ ...
งดเว้นจากคำหยาบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากคำหยาบ ๑
พอใจในการงดเว้นจากคำหยาบ ๑ ...
กล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในคำเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในคำเพ้อเจ้อ ๑ ...
เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อ ๑
พอใจในการงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อ ๑ ...
เป็นผู้ละโมภด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความละโมภ ๑
พอใจในความละโมภ ๑ ...
ไม่มากด้วยความละโมภด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความไม่ละโมภ ๑
พอใจในความไม่ละโมภ ๑ ...
มีจิตพยาบาทด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความพยาบาท ๑
พอใจในความพยาบาท ๑ ...
มีจิตไม่พยาบาทด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาท ๑
พอใจในความไม่พยาบาท ๑ ...
มีความเห็นผิดด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด ๑
พอใจในความเห็นผิด ๑ ...
---------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ต้องได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนกับเชิญเอาไปวางไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
มีความเห็นชอบด้วยตนเอง ๑
ชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ ๑
พอใจในความเห็นชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนกับเชิญเอาไปวางไว้
---------------------------------------------------------------------------------------------
[๕๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อรู้ราคะด้วยปัญญาอันยิ่ง จึงควรเจริญธรรม ๓ ประการ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ
สุญญตสมาธิ ๑
อนิมิตตสมาธิ ๑
อัปปณิหิตสมาธิ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อรู้ราคะด้วยปัญญาอันยิ่ง จึงควรเจริญธรรม ๓ ประการ นี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อกำหนดรู้ราคะ ฯลฯ เพื่อความสิ้นไปรอบ เพื่อละ เพื่อความ สิ้นไป เพื่อความเสื่อมไป เพื่อความสำรอก เพื่อความดับ เพื่อความสละ เพื่อความสละ คืนราคะ จึงควรเจริญธรรม ๓ ประการ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไปรอบ เพื่อละ เพื่อความสิ้นไป เพื่อความเสื่อมไป เพื่อความสำรอกเพื่อความดับ เพื่อความสละ เพื่อความสละคืน โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเถยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะอติมานะ ทมะ ปมาทะ จึงควรเจริญธรรม ๓ ประการนี้ ฉะนี้แล
|