พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๓-๑๔๔
สมณพราหมณวรรคที่ ๘
[๓๐๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
[๓๐๖] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่รู้ชราและ มรณะ ไม่รู้เหตุเกิดชราและมรณะ ไม่รู้ความดับชราและมรณะ ไม่รู้ปฏิปทาอันให้ถึง ความดับชรา และมรณะ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่า เป็น สมณะ ในหมู่สมณะ หรือไม่ได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์
อนึ่งท่านผู้มีอายุเหล่านั้น จะทำ ให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือ ประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ไม่ได้
[๓๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะก็ดี หรือพราหมณ์ก็ดี เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชราและมรณะ ย่อมรู้เหตุเกิดชราและมรณะ ย่อมรู้ความดับชราและมรณะ ย่อมรู้ ปฏิปทา อันให้ถึงความดับชราและมรณะ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมได้รับสมมติ ว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ย่อมได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง ท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ และประโยชน์แห่ง ความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงได้อยู่
จบสูตรที่ ๑
-----------------------------------------------------------------------------------------
[๓๐๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่รู้ชาติ ฯลฯ ไม่รู้ภพ ... ไม่รู้อุปาทาน ... ไม่รู้ตัณหา ...ไม่รู้เวทนา ... ไม่รู้ผัสสะ ... ไม่รู้สฬายตนะ ... ไม่รู้นามรูป ... ไม่รู้วิญญาณ ...ไม่รู้สังขาร ... ไม่รู้เหตุเกิดสังขาร ไม่รู้ความดับสังขาร ไม่รู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับสังขาร สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติ ว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ หรือไม่ได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์
อนึ่ง ท่านเหล่านั้นจะทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือ ประโยชน์แห่งความเป็น พราหมณ์ด้วยปัญญา อันรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึง อยู่ไม่ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชาติ ฯลฯ ย่อมรู้ภพ ... ย่อมรู้อุปาทาน ... ย่อมรู้ตัณหา ... ย่อมรู้เวทนา ...ย่อมรู้ผัสสะ ... ย่อมรู้สฬายตนะ ... ย่อมรู้นามรูป ... ย่อมรู้วิญญาณ ... ย่อมรู้สังขาร ย่อมรู้เหตุเกิด แห่งสังขาร ย่อมรู้ความดับแห่งสังขาร ย่อมรู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับ แห่งสังขาร สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมได้รับสมมติว่าเป็นสมณะ ในหมู่สมณะ และย่อม ได้รับ สมมติว่าเป็นพราหมณ์ ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง ท่านเหล่านั้นย่อมทำให้แจ้ง ซึ่ง ประโยชน์ แห่งความเป็นสมณะ และประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญา อันรู้ยิ่ง ด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงได้อยู่
จบสูตรที่ ๒
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๔๕-๑๔๖
อันตรไปยยาลที่ ๙
[๓๐๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯลฯ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลเมื่อไม่รู้ไม่เห็นชรามรณะ ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในชรามรณะตามเป็นจริง
บุคคลเมื่อไม่รู้ ไม่เห็นเหตุเกิด แห่ง ชรามรณะ ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในเหตุเกิด แห่งชรามรณะ ตามเป็นจริง
บุคคลเมื่อไม่รู้ไม่เห็นความดับ แห่งชรามรณะ ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในความดับแห่งชรามรณะ ตามเป็นจริง
บุคคลเมื่อไม่รู้ ไม่เห็นปฏิปทา อันให้ถึงความดับแห่งชรามรณะ ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครูเพื่อความรู้ ในปฏิปทา อันให้ถึงความดับแห่งชรามรณะ ตามเป็นจริง
[ไปยยาลแห่งบาลีประเทศทั้งปวงอย่างนี้]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลเมื่อไม่รู้ไม่เห็นชาติ ตามความเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ ไม่เห็นภพตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นอุปาทานตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็น ตัณหาตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นเวทนาตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นผัสสะ ตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นสฬายตนะตามเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นนามรูปตาม ความเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็นวิญญาณตามความเป็นจริง ... เมื่อไม่รู้ไม่เห็น สังขารทั้งหลาย ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในสังขารทั้งหลายตามเป็นจริง
เมื่อไม่รู้ไม่เห็นเหตุเกิดแห่งสังขาร ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในเหตุเกิด แห่งสังขาร ตามเป็นจริง
เมื่อไม่รู้ไม่เห็นความดับแห่งสังขาร ตามเป็นจริงพึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ความดับ แห่งสังขาร ตามเป็นจริง
เมื่อไม่รู้ไม่เห็นปฏิปทา อันให้ถึงความดับ แห่งสังขาร ตามเป็นจริง พึงแสวงหาครู เพื่อความรู้ในปฏิปทา อันให้ถึงความดับแห่ง สังขารตามเป็นจริง
[พึงกระทำกิจในอริยสัจ ๔ แห่งปัจจยาการทั้งปวง เป็นสูตรหนึ่งๆ ]
[๓๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อไม่รู้ไม่เห็นชรา และมรณะ ตามเป็นจริง พึงกระทำความศึกษาเพื่อความรู้ในชราและมรณะ ตามความเป็นจริง
[ไปยยาลอย่างนี้ พึงกระทำกิจอันเป็นไปในสัจจะ ๔]
พึงกระทำความเพียร ... พึงกระทำฉันทะ ... พึงกระทำความอุตสาหะ ...พึงกระทำความไม่ย่อท้อ ... พึงกระทำความเพียรแผดเผากิเลส ... พึงกระทำความ เป็นผู้กล้า ... พึงกระทำความเพียรเป็นไปติดต่อ ... พึงกระทำสติ ... พึงกระทำ สัมปชัญญะ ... พึงกระทำความไม่ประมาท ... ดังนี้แล
|