พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๐
จตุตถวรรคที่ ๔
๑. จตัสสสูตร
[๔๐๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุเหล่านี้มี ๔ อย่าง คือปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ภิกษุทั้งหลาย ธาตุ ๔ อย่างเหล่านี้แลดังนี้
จบสูตรที่ ๑
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๐-๑๙๑
๒. ปุพพสูตร
[๔๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เมื่อเราเป็นพระโพธิสัตว์
ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความดำริดังนี้ว่า
อะไรหนอเป็นความแช่มชื่น อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นเครื่องสลัดออก แห่งปฐวีธาตุ
อะไรเป็นความแช่มชื่น อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นเครื่องสลัดออก แห่งอาโปธาตุ
อะไรเป็นความแช่มชื่น อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นเครื่องสลัดออก แห่งเตโชธาตุ
อะไรเป็นความแช่มชื่น อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นเครื่องสลัดออก แห่งวาโยธาตุ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความดำริ ดังนี้ว่า สุขโสมนัสเกิดขึ้น เพราะอาศัยปฐวีธาตุ นี้เป็นความแช่มชื่นแห่งปฐวีธาตุ ปฐวีธาตุเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งปฐวีธาตุ การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในปฐวีธาตุ นี้เป็นเครื่องสลัดออก แห่งปฐวีธาตุ
สุขโสมนัสเกิดขึ้น เพราะอาศัยอาโปธาตุ นี้เป็นความแช่มชื่นแห่งอาโปธาตุ อาโปธาตุ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่ง อาโปธาตุ การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะ ในอาโปธาตุ นี้เป็นเครื่องสลัดออกแห่ง อาโปธาตุ
สุขโสมนัสเกิดขึ้น เพราะอาศัยเตโชธาตุ นี้เป็นความแช่มชื่นแห่งเตโชธาตุ เตโชธาตุ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่ง เตโชธาตุ การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในเตโชธาตุ นี้เป็นเครื่องสลัดออกแห่ง เตโชธาตุ
สุขโสมนัสเกิดขึ้น เพราะอาศัยวาโยธาตุ นี้เป็นความแช่มชื่นแห่งวาโยธาตุ วาโยธาตุ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่ง วาโยธาตุ การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะ ในวาโยธาตุ นี้เป็นเครื่องสลัดออก แห่งวาโยธาตุ
[๔๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้ทราบชัด ตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่น โดยเป็นความแช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออก โดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งธาตุเหล่านี้เพียงใด เราก็ปฏิญาณไม่ได้ว่า เป็นผู้ได้ ตรัสรู้ พระอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น
แต่เมื่อใด เราได้ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่น โดยเป็นความ แช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออก โดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งธาตุ ๔ เหล่านี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณได้ว่า เป็นผู้ได้ตรัสรู้พระอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้ง สมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ อนึ่ง ญาณทัสสนะ ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า วิมุตติของเรา ไม่กำเริบ ชาตินี้ เป็นชาติ ที่สุด บัดนี้การเกิดอีกย่อมไม่มี ดังนี้
จบสูตรที่ ๒
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๑-๑๙๒
๓. อจริสูตร
[๔๐๖] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราได้เที่ยวแสวงหา ความแช่มชื่นแห่งปฐวีธาตุ ได้พบ ความแช่มชื่น แห่งปฐวีธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นความแช่มชื่น แห่งปฐวีธาตุเท่าที่มีอยู่ ด้วยดีแล้วด้วยปัญญา เราได้แสวงหาโทษแห่งปฐวีธาตุ ได้พบโทษแห่งปฐวีธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นโทษ แห่งปฐวีธาตุ เท่าที่มีอยู่ด้วยดีแล้วด้วยปัญญา เราได้แสวงหาเครื่อง สลัดออก แห่งปฐวีธาตุ ได้พบเครื่องสลัดออก แห่งปฐวีธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นเครื่อง สลัดออกแ ห่งปฐวีธาตุเท่าที่มีอยู่ด้วย ดีแล้วด้วยปัญญา
เราได้แสวงหาความแช่มชื่น แห่งอาโปธาตุ ฯลฯ เราได้แสวงหาความแช่มชื่น แห่งเตโชธาตุ ฯลฯ เราได้แสวงหาความแช่มชื่น แห่งวาโยธาตุ ได้พบความแช่มชื่น แห่งวาโยธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นความแช่มชื่น แห่งวาโยธาตุเท่าที่มีอยู่ด้วยดีแล้ว ด้วยปัญญา เราได้เที่ยวแสวงหาโทษแห่งวาโยธาตุ ได้พบโทษแห่งวาโยธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นโทษแห่งวาโยธาตุเท่า ที่มีอยู่ด้วยดีแล้วด้วยปัญญา เราได้แสวงหาเครื่อง สลัดออก แห่งวาโยธาตุ ได้พบเครื่องสลัดออกแห่งวาโยธาตุนั้นแล้ว เราได้เห็นเครื่อง สลัดออกแห่งวาโยธาตุเท่าที่มีอยู่ด้วยดีแล้วด้วยปัญญา
[๔๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้ทราบชัด ตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่นโดยเป็นความแช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออก โดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้เพียงใด
เราก็ยังปฏิญาณไม่ได้ว่า เป็นผู้ได้ตรัสรู้พระอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้ง เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและ มนุษย์ เพียงนั้น แต่เมื่อใด เราได้ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่นโดยเป็น ความ แช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัด ออก แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้
เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า เป็นผู้ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมา สัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้ง เทวโลก มารโลก พรหมโลกในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและ มนุษย์ อนึ่ง ญาณทัสสนะได้เกิดขึ้นแก่เราว่า วิมุตติของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นชาติที่สุด บัดนี้ การเกิดอีกย่อมไม่มี ดังนี้
จบสูตรที่ ๓
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๒-๑๙๔
๔. โนเจทสูตร
[๔๐๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ถ้าว่าความแช่มชื่น แห่งปฐวีธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ไม่พึงยินดี ในปฐวีธาตุ ก็เพราะความแช่มชื่น แห่งปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึงยินดี ในปฐวีธาตุ
ถ้าว่าโทษ แห่งปฐวีธาตุ ไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึง เบื่อหน่าย ในปฐวีธาตุ ก็เพราะโทษแห่งปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึง เบื่อหน่าย ใน ปฐวีธาตุ
ถ้าว่าเครื่องสลัดออก แห่งปฐวีธาตุ ไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึงสลัด [ตน] ออกจากปฐวีธาตุ ก็เพราะเครื่องสลัดออกจากปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึงสลัด[ตน] ออกจากปฐวีธาตุ
ถ้าว่าความแช่มชื่น แห่งอาโปธาตุ ไม่ได้มีแล้วไซร้ ... แห่งเตโชธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ ... ถ้าว่าความแช่มชื่น แห่งวาโยธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงยินดี ในวาโยธาตุ ก็เพราะความแช่มชื่น แห่งวาโยธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึงยินดี ในวาโยธาตุ ถ้าว่าโทษแห่งวาโยธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึง เบื่อหน่าย ในวาโยธาตุ ถ้าว่าเครื่องสลัดออก แห่งวาโยธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึง สลัด [ตน] ออกจากวาโยธาตุ ก็เพราะเครื่องสลัดออก แห่งวาโยธาตุมีอยู่แล ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย จึงสลัด [ตน] ออกจากวาโยธาตุ
[๔๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตราบเท่าที่สัตว์เหล่านี้ ยังไม่ทราบชัดตามความ เป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่นโ ดยเป็นความแช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่อง สลัดออก โดยความเป็นเครื่องสลัดออกแห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้เพียงใดสัตว์เหล่านี้ ก็ยังสลัดตนออกไม่ได้ พรากออกไม่ได้ ยังไม่หลุดพ้นไปจากโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และจากหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ มีใจ ข้ามพ้นจากแดนกิเลสแ ละวัฏฏะไม่ได้เพียงนั้น
ก็เมื่อใดแลสัตว์เหล่านี้ ได้ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่นโดย เป็นความ แช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออก โดยความเป็นเครื่อง สลัดออก แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ เมื่อนั้นสัตว์เหล่านี้ ย่อมสลัดตนออกได้ พรากออกได้ หลุดพ้นไป จากโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และจากหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ จึงได้มีใจข้ามพ้นจากแดนกิเลสแ ละวัฏฏะอยู่ ดังนี้
จบสูตรที่ ๔
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๔
๕. ทุกขสูตร
ถ้าปฐวีธาตุ.. มีทุกข์โดยส่วนเดียว มีทุกข์หยั่งลงถึง สุขไม่หยั่งลงถึงแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึงยินดีในปฐวีธาตุ แต่เพราะปฐวีธาตุ มีสุขติดตามถึง อันสุขหยั่งลงถึง อันทุกข์ไม่หยั่ง ลงถึง
ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย จึงยินดีในปฐวีธาตุนี้ (ปฐวีธาตุมีทั้งสุขและทุกข์สัตว์จึงยินดี)
[๔๑๐] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฐวีธาตุนี้ จักมีทุกข์โดยส่วนเดียว อันทุกข์ติดตามถึง อันทุกข์หยั่งลงถึง อันสุขไม่หยั่งลงถึงแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึงยินดีในปฐวีธาตุ แต่เพราะปฐวีธาตุ อันสุขติดตามถึง อันสุขหยั่งลงถึง อันทุกข์ไม่หยั่งลงถึง ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย จึงยินดีในปฐวีธาตุนี้ ... อาโปธาตุนี้ ...เตโชธาตุนี้ ... วาโยธาตุนี้ จักมีทุกข์โดยส่วนเดียว อันทุกข์ติดตามถึง อันทุกข์หยั่งลงถึง อันสุขไม่หยั่งลงถึงแล้ว ไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงยินดีในวาโยธาตุ แต่เพราะวาโยธาตุ อันสุขติดตามถึง อันสุข หยั่งลงถึง อันทุกข์ไม่หยั่งลงถึง ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึงยินดีในวาโยธาตุ
[๔๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฐวีธาตุนี้จักมีสุขโดยส่วนเดียว อันสุขติดตาม ถึง อันสุขหยั่งลงถึง อันทุกข์ไม่หยั่งลงถึงแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่พึงเบื่อหน่าย จาก ปฐวีธาตุ แต่เพราะปฐวีธาตุมีทุกข์ อันทุกข์ติดตามถึง อันทุกข์หยั่งลงถึง อันสุขไม่หยั่ง ลงถึง ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึงเบื่อหน่ายจากปฐวีธาตุ อาโปธาตุนี้ ... เตโชธาตุนี้ ... วาโยธาตุนี้จักมีสุข โดยส่วนเดียว อันสุขติดตามถึง อันสุขหยั่งลงถึง อันทุกข์ไม่หยั่งลง ถึงแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงเบื่อหน่าย จากวาโยธาตุ แต่เพราะวาโยธาตุมีทุกข์ อันทุกข์ติดตามถึง อันทุกข์หยั่งลงถึง อันสุขไม่หยั่งลงถึง ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลาย จึง เบื่อหน่าย จากวาโยธาตุ ดังนี้
จบสูตรที่ ๕
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๕
๖. อภินันทนสูตร
(ผู้ใดย่อมชื่นชมปฐวีธาตุ... ผู้นั้นชื่อว่าย่อมชื่นชมทุกข์ ผู้ใดย่อมชื่นชมทุกข์ เรากล่าวว่าผู้นั้น ไม่หลุดพ้นจากทุกข์)
[๔๑๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดย่อมชื่นชมปฐวีธาตุ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมชื่นชมทุกข์ ผู้ใดย่อมชื่นชมทุกข์ เรากล่าวว่าผู้นั้นไม่หลุดพ้นจากทุกข์ ผู้ใดย่อมชื่นชมอาโปธาตุ ... ผู้ใดย่อมชื่นชมเตโชธาตุ ... ผู้ใดย่อมชื่นชมวาโยธาตุ ผู้นั้นชื่อว่าชื่นชมทุกข์ ผู้ใดชื่นชม ทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่หลุดพ้นจากทุกข์ดังนี้
[๔๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดย่อมไม่ชื่นชมปฐวีธาตุ ผู้นั้นชื่อว่าไม่ชื่นชม ทุกข์ ผู้ใดไม่ชื่นชมทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นหลุดพ้นจากทุกข์ ผู้ใดไม่ชื่นชมอาโปธาตุ ... ผู้ใดไม่ชื่นชมเตโชธาตุ ... ผู้ใดไม่ชื่นชมวาโยธาตุ ผู้นั้นชื่อว่าไม่ชื่นชมทุกข์ ผู้ใดไม่ ชื่นชมทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้
จบสูตรที่ ๖
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๕-๑๙๖
๗. อุปปาทสูตร
(ความเกิด ความตั้งอยู่ ความปรากฏแห่ง ปฐวีธาตุ... นั่นเป็นความเกิดแห่งทุกข์
เป็นที่ตั้งแห่งโรค เป็นความปรากฏแห่งชรามรณะ)
[๔๑๔] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเกิด ความตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่ง ปฐวีธาตุ นั่นเป็นความเกิดแห่งทุกข์ เป็นที่ตั้งแห่งโรค เป็นความปรากฏแห่งชรามรณะ ความเกิด ความตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่งอาโปธาตุ ... แห่งเตโชธาตุ ... แห่งวาโยธาตุ นั่นเป็นความเกิดแห่งทุกข์ เป็นที่ตั้งแห่งโรค เป็นความปรากฏแห่ง ชรามรณะ
[๔๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับ ความสงบ ความสูญสิ้นแห่งปฐวีธาตุ นั่นเป็นความดับแห่งทุกข์ เป็นความสงบแห่งโรค เป็นความสูญสิ้นแห่งชรามรณะ ความดับ ความสงบ ความสูญสิ้นแห่งอาโปธาตุ ... แห่งเตโชธาตุ ... แห่งวาโยธาตุ นั่นเป็นความดับแห่งทุกข์ เป็นความสงบแห่งโรค เป็นความสูญสิ้นแห่งชรามรณะ
จบสูตรที่ ๗
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๖
๘. สมณพราหมณสูตรที่ ๑
(สมณะใดไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่น โทษ และเครื่องสลัดออก
แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ ย่อมไม่ได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ)
[๔๑๖] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุเหล่านี้มี ๔ อย่างคือปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ก็สมณะหรือพราหมณ์บางพวก ย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่น โทษ และเครื่องสลัดออก แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ สมณะหรือพราหมณ์ พวกนั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ย่อมไม่ได้รับสมมติว่าเป็น พราหมณ์ ในหมู่พราหมณ์ ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่กระทำให้แจ้ง ซึ่ง ประโยชน์ แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญา อันรู้ยิ่ง ด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
[๔๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะ หรือพราหมณ์บางพวก ย่อมทราบชัด ตามความเป็นจริง ซึ่งความแช่มชื่น โทษ และเครื่องสลัดออก แห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ สมณะ หรือพราหมณ์เหล่านั้นแล ย่อมได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ได้รับ สมมติว่า เป็นพราหมณ์ ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์ แห่งความเป็นสมณะ และประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญา อันรู้ยิ่ง ด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดังนี้
จบสูตรที่ ๘
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๖-๑๙๗
๙. สมณพราหมณสูตรที่ ๒
(สมณะใด ไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งเหตุเกิด ความดับ ความแช่มชื่น โทษ
และ เครื่องสลัดออกแห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ ย่อมไม่ได้รับว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ)
[๔๑๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุเหล่านี้มี ๔ อย่างคือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ก็สมณะหรือพราหมณ์บางพวก ย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งเหตุเกิด ความดับ ความแช่มชื่น โทษ และเครื่องสลัดออกแห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้ สมณะหรือ พราหมณ์พวกนั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ไม่ได้รับ สมมติว่า เป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์
ส่วนสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ย่อมทราบชัด ตามความเป็นจริง ซึ่งเหตุ เกิด ความดับ ความแช่มชื่น โทษและเครื่องสลัดออก แห่งธาตุ ทั้ง ๔ เหล่านี้ ...
จบสูตรที่ ๙
-----------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๗-๑๙๘
๑๐. สมณพราหมณสูตรที่ ๓
(สมณะใดไม่ทราบอริยสัจสี่แห่งธาตุทั้ง ๔ คือไม่รู้จักธาตุนั้นๆ ไม่รู้เหตุเกิด ไม่รู้ความดับ และไม่รู้ปฏิปทา..ย่อมไม่ถือว่าเป็นสมณะ)
[๔๑๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์ บางพวกย่อมไม่ทราบชัดซึ่ง ปฐวีธาตุเหตุเกิดแห่งปฐวีธาตุ ความดับแห่งปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึง ความดับ แห่งปฐวีธาตุ ย่อมไม่ทราบชัดซึ่งอาโปธาตุ ... ซึ่งเตโชธาตุ ... ซึ่งวาโยธาตุ เหตุเกิด แห่ง วาโยธาตุ ความดับแห่งวาโยธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่ง วาโยธาตุ สมณะ หรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ ไม่ได้รับ สมมติว่า เป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้น ย่อมไม่กระทำให้แจ้ง ซึ่ง ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญา อันรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
[๔๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะ หรือพราหมณ์บางพวก ย่อมทราบชัด ซึ่งปฐวีธาตุ เหตุเกิดแห่งปฐวีธาตุ ความดับแห่งปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับ แห่งปฐวีธาตุ ย่อมทราบชัด ซึ่งอาโปธาตุ ... ซึ่งเตโชธาตุ ... ซึ่งวาโยธาตุ เหตุเกิดแห่ง วาโยธาตุ ความดับแห่งวาโยธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งวาโยธาตุ สมณะ หรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ได้รับสมมติว่าเป็น พราหมณ์ ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์แห่ง ความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดังนี้
จบสูตรที่ ๑๐
|