พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๗-๗๙
๒. ปัญจเวรภยสูตรที่ ๒ (คุณสมบัติของโสดาบัน)
[๑๕๖] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการ ของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อนั้น อริยสาวกย่อมประกอบด้วย ธรรม เป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่าง และญายธรรมอย่างประเสริฐ อันอริยสาวกนั้น เห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเอง ได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว ฯลฯ มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ ในภายหน้า
[๑๕๗] ภัยเวร ๕ ประการ(ศีล๕) สงบแล้วเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ฆ่าสัตว์ ย่อมประสพภัยเวรใด อันมีในชาตินี้บ้าง อันมีในชาติหน้าบ้าง ย่อมเสวยเจตสิกทุกข์ (เสวยอารมณ์) คือโทมนัสบ้าง เพราะปาณาติบาตเป็นเหตุ ภัยเวรของอริยสาวก ผู้เว้นขาดจาก ปาณาติบาต สงบแล้วด้วยอาการอย่างนี้ บุคคลผู้ลักทรัพย์ ... บุคคลผู้ประพฤติผิดในกาม ... บุคคลผู้พูดเท็จ ... บุคคลผู้ตั้งอยู่ ในความประมาท เพราะดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย ย่อมประสพภัยเวรใด อันมีในชาตินี้ บ้าง อันมีในชาติหน้าบ้าง ย่อมเสวยเจตสิกทุกข์ คือโทมนัสบ้าง เพราะดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ภัยเวร ของ อริยสาวก ผู้เว้นขาดจากการดื่ม น้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท สงบแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ภัยเวร๕ ประการนี้ สงบแล้ว
[๑๕๘] อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรม อันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่าง เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... และประกอบด้วยศีล ที่พระอริยเจ้าปรารถนา ... ย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้
[๑๕๙] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญาเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ กระทำไว้ในใจโดย แยบคาย ถึงปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างดี ฯลฯ ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้น เห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
[๑๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ ของอริยสาวก สงบแล้ว เมื่อนั้นอริยสาวก ย่อมประกอบด้วยธรรม อันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔อย่างนี้ และญายธรรมอันประเสริฐนี้ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราย่อมเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิด สัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีปิตติวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติวินิบาตสิ้นแล้ว เราย่อมเป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า
จบสูตรที่ ๒ |