พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐
สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๙๑
บริษัท ๘ พวกเป็นไฉน (ตรัสกับอานนท์)
[๙๙] ดูกรอานนท์ บริษัท ๘ พวกเหล่านี้แล ๘ พวกเป็นไฉน คือ
(๑) ขัตติย บริษัท
(๒) พราหมณบริษัท
(๓) คฤหบดีบริษัท
(๔) สมณบริษัท
(๕) จาตุมหาราชิกบริษัท
(๖) ดาวดึงส์บริษัท
(๗) มารบริษัท
(๘) พรหมบริษัท
ดูกรอานนท์ เรายังจำได้ว่า เราเข้าไปยังขัตติยบริษัท หลายร้อยครั้ง ทั้งเราเคยนั่ง เคยปราศรัย เคยเข้าสนทนาในขัตติยบริษัทนั้น วรรณะของพวกนั้น เป็นเช่นใด ของเราก็เป็นเช่นนั้น เสียงของพวกนั้นเป็นเช่นใด ของเราก็เป็นเช่นนั้น เรายังพวกนั้นให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา เมื่อเราพูดอยู่ ก็ไม่มีใครรู้ว่า ผู้นี้คือใครหนอพูดอยู่ จะเป็นเทวดาหรือมนุษย์
ครั้นเรายังพวกนั้นให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วย ธรรมีกถา แล้วหายไป เมื่อเราหายไปแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่า ผู้นี้คือใครหนอ หายไปแล้ว จะเป็น เทวดาหรือมนุษย์
ดูกรอานนท์ เรายังจำได้ว่า เราเข้าไปยังพราหมณบริษัท หลายร้อยครั้ง ... คฤหบดีบริษัทหลายร้อยครั้ง ... สมณบริษัทหลายร้อยครั้ง ... จาตุมหาราชิกบริษัท หลายร้อยครั้ง .. ดาวดึงสบริษัทหลายร้อยครั้ง .. มารบริษัทหลายร้อยครั้ง ... พรหมบริษัทหลายร้อยครั้ง ..ทั้งเราเคยนั่ง เคยปราศรัย
เคยเข้าสนทนาในพรหม บริษัท นั้น วรรณะของพวกนั้นเป็นเช่นใด ของเราก็เป็น เช่นนั้น เสียงของพวกนั้น เป็นเช่นไร ของเราก็เป็นเช่นนั้น เรายังพวกนั้นให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา เมื่อเราพูดอยู่ก็ไม่มีใครรู้ว่า ผู้นี้คือ ใครหนอพูดอยู่ จะเป็นเทวดา หรือมนุษย์
ครั้นเรายังพวกนั้นให้ เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ใช้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา แล้วหายไป เมื่อเราหายไปแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่า ผู้นี้คือใครหนอ หายไปแล้วจะเป็น เทวดาหรือมนุษย์
ดูกรอานนท์ บริษัท ๘ เหล่านี้แล
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ หน้าที่ ๑๐๐ ข้อที่ ๑๖๘
บริษัท ๘ (ตรัสกับพระสารีบุตร)
[๑๖๘] ดูกรสารีบุตร บริษัท ๘ จำพวกเหล่านี้แล ๘ จำพวกเป็นไฉน? คือ
ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท สมณบริษัท จาตุมหาราชิกบริษัท
ดาวดึงสบริษัท มารบริษัท และ พรหมบริษัท
ดูกรสารีบุตร บริษัท ๘ จำพวกเหล่านี้แล
ดูกรสารีบุตร ตถาคตประกอบด้วย เวสารัชชธรรม ๔ ประการ * เหล่านี้แล ย่อมเข้าไปหา ย่อมหยั่งลงสู่บริษัท ๘ จำพวกเหล่านี้
* (แสดงธรรมด้วยความแกล้ากล้า)
ดูกรสารีบุตร เราย่อมเข้าใจเข้าไปหาขัตติยบริษัทหลายๆ ร้อย แม้ในขัตติยบริษัท นั้น เราเคยนั่งใกล้ เคยทักทายปราศรัย เคยสนทนากัน
ดูกรสารีบุตร เราไม่เห็น เหตุนี้ว่า ความกลัว หรือความสะทกสะท้าน จักกล้ำกลายเรา ในขัตติยบริษัทนั้นเลย เมื่อไม่เห็นเหตุนี้ เราก็เป็นผู้ถึงความ ปลอดภัย ถึงความไม่มีภัย ถึงความเป็นผู้ แกล้วกล้าอยู่
ดูกรสารีบุตร อนึ่ง เราย่อมเข้าใจเข้าไปหาพราหมณบริษัท หลายๆ ร้อย คฤหบดีบริษัท สมณบริษัท จาตุมหาราชิกบริษัท ดาวดึงสบริษัท มารบริษัท พรหมบริษัท จำพวกละหลายๆ ร้อย แม้ในบริษัทนั้นๆ เราเคยนั่งใกล้ เคยทักทาย ปราศรัย เคยสนทนากัน ดูกรสารีบุตร เราไม่เห็นเหตุนี้ว่า ความกลัว หรือความ สะทกสะท้าน จักกล้ำกลายเราในบริษัทนั้นๆ เลย
เมื่อไม่เห็นเหตุนี้ เราก็เป็นผู้ถึงความปลอดภัย ถึงความไม่มีภัย ถึงความเป็นผู้ แกล้วกล้าอยู่
ดูกรสารีบุตร ผู้ใดแลพึงว่าซึ่งเราผู้รู้อยู่อย่างนี้ ผู้เห็นอยู่อย่างนี้ ว่า ธรรมอันยิ่ง ของมนุษย์ ที่เป็นญาณทัสสนะอันวิเศษ พอแก่ความเป็นอริยะ ของพระสมณโคดม ไม่มี พระสมณโคดม ทรงแสดงธรรมที่ประมวลมาด้วยความตรึก ที่ไตร่ตรองด้วยการ ค้นคิด แจ่มแจ้งได้เอง
ดูกรสารีบุตร ผู้นั้นไม่ละวาจานั้นเสีย ไม่ละความคิดนั้นเสีย ไม่สละคืนทิฏฐิ นั้นเสีย ก็เที่ยงแท้ ที่จะตกนรก ดังถูกนำมาฝังไว้
ดูกรสารีบุตร เปรียบเหมือนภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วยสมาธิ ถึงพร้อม ด้วยปัญญา พึงกระหยิ่ม อรหัตผล ในปัจจุบันทีเดียว ฉันใด ดูกรสารีบุตร เรากล่าวข้ออุปไมยนี้ ก็ฉันนั้น ผู้นั้นไม่ละวาจานั้นเสีย ไม่ละความคิดนั้นเสีย ไม่สละคืน ทิฏฐิ นั้นเสีย ก็เที่ยงแท้ที่จะ ตกนรกดังถูกนำมาฝังไว้.
เวสารัชชธรรม
-ทำความกล้าหาญ
-ธรรมเป็นเหตุให้กล้าหาญ
-คุณธรรมที่ทำให้เกิดความแกล้วกล้า
|