เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

สัตตัฏฐานสูตร ว่าด้วยการรู้ขันธ์ ๕ โดยฐานะ..ฉลาดในฐานะ ๗ ประการ และเพ่งพินิจ ๓ ประการ 1525
  (ย่อ)
ฉลาดในฐานะ ๗ ประการคือ
รูป
(๑) รู้ชัดซึ่งรูป
(๒) เหตุเกิดแห่งรูป
(๓) ความดับแห่งรูป
(๔) ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป
(๕) คุณแห่งรูป
(๖) โทษแห่งรูป และ
(๗) อุบายเครื่อง สลัดออกแห่งรูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็รู้ชัดทั้ง ๗ ประการทำนองเดียวกับ รูป )

ภิกษุเป็นผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ คือ
(๑) ย่อมเพ่งพินิจ โดยความเป็น ธาตุ ประการหนึ่ง
(๒) ย่อมเพ่งพินิจ โดยความเป็น อายตนะ ประการหนึ่ง
(๓) ย่อมเพ่งพินิจ โดยความเป็น ปฏิจจสมุปบาท ประการหนึ่ง
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๑-๖๓

สัตตัฏฐานสูตร ว่าด้วยการรู้ขันธ์ ๕ โดยฐานะ

              [๑๑๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มี พระภาค.

         พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ฉลาดในฐานะ ๗ ประการ ผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ เราเรียกว่ายอดบุรุษ ผู้เสร็จกิจ อยู่จบ พรหมจรรย์ ใน ธรรมวินัยนี้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ฉลาดในในฐานะ ๗ ประการ เป็นอย่างไร?

         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
(๑)
รู้ชัดซึ่งรูป
(๒) เหตุเกิดแห่งรูป
(๓) ความดับแห่งรูป
(๔) ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป
(๕) คุณแห่งรูป
(๖) โทษแห่งรูป และ
(๗) อุบายเครื่อง สลัดออกแห่งรูป

รู้ชัดซึ่งเวทนา ฯลฯ
รู้ชัดซึ่งสัญญา ฯลฯ
รู้ชัดซึ่งสังขาร ฯลฯ

(๑) รู้ชัดซึ่งวิญญาณ
(๒) เหตุเกิดแห่งวิญญาณ
(๓) ความดับแห่งวิญญาณ
(๔) ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่ง วิญญาณ
(๕) คุณแห่งวิญญาณ
(๖) โทษแห่งวิญญาณ และ
(๗) อุบายเครื่องสลัดออกแห่ง วิญญาณ

              [๑๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็รูปเป็นไฉน? มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัย มหาภูตรูป ๔นี้เรียกว่ารูป. ความเกิดขึ้นแห่งรูป ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งอาหาร ความดับแห่งรูป ย่อมมีเพราะความดับแห่งอาหาร อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.

         นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป. ความสุขโสมนัสอาศัยรูปนี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่งรูปรูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป การกำจัดฉันทราคะการละฉันทราคะในรูปเสียได้ นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป.

         ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูป เหตุเกิด แห่งรูป ความดับแห่งรูป ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป คุณแห่งรูป โทษแห่งรูป และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป อย่างนี้ๆ แล้วปฏิบัติ เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลาย กำหนัด เพื่อดับรูป สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นปฏิบัติดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใด ปฏิบัติดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าย่อมหยั่งลงในธรรมวินัยนี้.

         ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูป เหตุเกิดแห่งรูป ความดับแห่งรูป ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป คุณแห่งรูป โทษแห่งรูป และอุบาย เครื่องสลัดออกแห่งรูป อย่างนี้ๆ แล้ว หลุดพ้นไป เพราะความเบื่อหน่าย คลาย กำหนัดความดับ (และ) เพราะไม่ถือมั่นรูป

          สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่า หลุดพ้น ดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น เป็นอันเสร็จกิจ สมณะหรือ พราหมณ์เหล่าใดเสร็จกิจ สมณะหรือ พราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความ ปรากฏอีก

              [๑๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เวทนาเป็นไฉน? เวทนา ๖ หมวดนี้ คือ เวทนาเกิดเพราะจักขุสัมผัส ฯลฯ เวทนาเกิดเพราะมโนสัมผัส. นี้เรียกว่าเวทนา. ความเกิดขึ้นแห่งเวทนาย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งเวทนา ย่อมมีเพราะความดับแห่งผัสสะอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.

         นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึง ความดับแห่งเวทนา ฯลฯ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก

              [๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัญญาเป็นไฉน? สัญญา ๖ หมวดนี้ คือ รูปสัญญาสัททสัญญา คันธสัญญา รสสัญญา โผฏฐัพพสัญญา ธรรมสัญญา. นี้เรียกว่าสัญญา. ความเกิดขึ้นแห่งสัญญา ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งสัญญา ย่อมมีเพราะความดับแห่งผัสสะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ

         นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสัญญา ฯลฯ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก

              [๑๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารเป็นไฉน? เจตนา ๖ หมวดนี้ คือ รูปสัญเจตนา ฯลฯ ธรรมสัญเจตนา. นี้เรียกว่าสังขาร. ความเกิดขึ้นแห่งสังขาร ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งสังขาร ย่อมมีเพราะความดับแห่ง ผัสสะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.

         นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร ฯลฯ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก

              [๑๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณเป็นไฉน? วิญญาณ ๖ หมวดนี้ คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ นี้เรียกว่าวิญญาณ. ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้น แห่งนามรูป ความดับแห่งวิญญาณ ย่อมมีเพราะความดับแห่งนามรูป อริยมรรคอัน ประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.

         นี้แล เป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ. สุขโสมนัสอาศัย วิญญาณ เกิดขึ้นนี้ เป็นคุณแห่งวิญญาณ วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งวิญญาณ การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในวิญญาณ นี้เป็นความสลัดออกแห่งวิญญาณ.

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งวิญญาณ เหตุเกิดแห่งวิญญาณ ความดับแห่งวิญญาณ ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ คุณแห่งวิญญาณ โทษแห่งวิญญาณ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ อย่างนี้ๆ แล้ว ปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับวิญญาณ สมณะ หรือ พราหมณ์ เหล่านั้น ชื่อว่าปฏิบัติดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ปฏิบัติดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าย่อมหลั่งลงในธรรมวินัยนี้.

         สมณะ หรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งวิญญาณ เหตุเกิดแห่ง วิญญาณ ความดับแห่งวิญญาณ ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ คุณแห่ง วิญญาณโทษแห่งวิญญาณ อุบายเครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ อย่างนี้ๆ แล้ว หลุดพ้นไป เพราะความเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะดับ เพราะไม่ถือมั่น วิญญาณ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น หลุดพ้นดีแล้ว

         สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นอันเสร็จกิจแล้ว สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดเสร็จกิจแล้ว สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก

              [๑๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ เป็นอย่างไร? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเพ่งพินิจ
  โดยความเป็นธาตุประการหนึ่ง
  โดยความเป็นอายตนะประการหนึ่ง
  โดยความเป็นปฏิจจสมุปบาทประการหนึ่ง.

         ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุย่อมเป็นผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ.

         ภิกษุฉลาดในฐานะ ๗ ประการ ผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ เรา เรียกว่า ยอดบุรุษ ผู้เสร็จกิจ อยู่จบพรหมจรรย์ในธรรมวินัยนี้.

 

 

 

 


 

 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์