รวมเรื่อง กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร (๑) กรรมดำกรรมขาว ๔ (กุกกุโรวาทสูตร) ๑) ก็กรรมดำมีวิบากดำ เป็นไฉน บุคคลในโลกนี้ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร วจีสังขาร มโสังขาร อันเป็นทุกข์ มีผัสสะ อันประกอบด้วย ทุกข์ นี้เรียกว่ากรรมดำ มีวิบากดำ เขาย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์ ๒) ก็กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นไฉน บุคคลในโลกนี้ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร วจีสังขาร มโสังขาร อันไม่มีทุกข์ (เป็นสุขโดยส่วนเดียว) มีผัสสะอันไม่มีทุกข์ นี้เรียกว่ากรรมขาวมีวิบากขาว เขาย่อมเสวยเวทนาอันไม่เป็นทุกข์ สุขส่วนเดียว ๓) ก็กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน บุคคลในโลกนี้ย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร วจีสังขาร มโสังขาร อันเป็นทุกข์บ้าง ไม่เป็นทุกข์บ้าง (มีทุกข์และสุขระคนกัน) มีผัสสะอันประกอบด้วยทุกข์บ้างไม่เป็นทุกข์บ้าง นี้เรียกว่ากรรมดำ มีวิบากดำ เขาย่อมเสวยเวทนา อันเป็นทุกข์บ้าง ไม่เป็นทุกข์บ้าง ๔) ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความ สิ้นกรรมนั้นเป็นไฉน ดูกรปุณณะ บรรดากรรม ๓ ประการนั้น เจตนา เพื่อละกรรมดำ มีวิบากดำ เจตนา เพื่อละกรรมขาว มีวิบากขาว เจตนา เพื่อละกรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวนั้นเสีย ข้อนี้เรากล่าวว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม (ให้ละกรรมทั้ง ๓ นั้นเสีย) เพราะมีอวิชา จึงมีสังขารทั้งหลาย เพราะมีสังขารทั้งหลาย จึงมีวิญญาณ เพราะมีวิญญาณ จึงมีนามรูป เพราะมีนามรูป จึงมีสฬายตนะ เพราะมีสฬายตนะ จึงมีผัสสะ เพราะมีผัสสะ จึงมีเวทนา
1. ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ หน้าที่ ๖๖- ๖๘ กรรมดำกรรมขาว ๔ (กุกกุโรวาทสูตร) (๑) [๘๘] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรปุณณะ กรรม ๔ ประการนี้ เราทำให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ๔ ประการนั้นเป็นไฉน ดูกรปุณณะกรรมดำมีวิบากดำมีอยู่ กรรมขาวมีวิบากขาวมีอยู่ กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว มีอยู่กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความ สิ้นกรรม มีอยู่ ดูกรปุณณะ ก็กรรมดำมีวิบากดำ เป็นไฉน ดูกรปุณณะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประมวล กายสังขาร อันมีความทุกข์ ประมวล วจีสังขาร อันมีความทุกข์ ประมวล มโนสังขาร อันมีความทุกข์ ครั้นแล้ว เขาย่อมเข้าถึงโลกอันมีความทุกข์ ผัสสะอันประกอบด้วยทุกข์ ย่อมถูกต้อง เขาผู้เข้าถึงโลกอันมีทุกข์ เขาอันผัสสะประกอบด้วยทุกข์ถูกต้อง ย่อมเสวยเวทนา อันประกอบด้วยทุกข์ อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว ดุจสัตว์นรก ฉะนั้น ดูกรปุณณะ เพราะกรรมที่มีดังนี้แล ความอุปบัติของสัตว์จึงมี สัตว์ทำกรรมใดไว้ ย่อมเข้าถึงเพราะกรรมนั้น ผัสสะย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงแล้ว ดูกรปุณณะ แม้เพราะอย่างนี้ เราจึงกล่าวว่า สัตว์มีกรรมเป็นทายาท ข้อนี้ เรากล่าวว่ากรรมดำ มีวิบากดำ. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- (๒) ดูกรปุณณะ ก็กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นไฉน ดูกรปุณณะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประมวล กายสังขาร อันไม่มีความทุกข์ ประมวลวจีสังขาร อันไม่มีความทุกข์ ประมวล มโนสังขาร อันไม่มีความทุกข์ ครั้นแล้ว เขาย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความทุกข์ ผัสสะอันไม่มีความทุกข์ย่อมถูกต้อง เขาผู้เข้าถึงโลกอันไม่มีความทุกข์ เขาอันผัสสะไม่มีความทุกข์ถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาอันไม่มีความทุกข์ เป็นสุขโดยส่วนเดียวดุจเทพชั้นสุภกิณหะ ฉะนั้น ดูกรปุณณะเพราะกรรมที่มีดังนี้แล ความอุปบัติของสัตว์จึงมี สัตว์ทำกรรมใดไว้ ย่อมเข้าถึงเพราะกรรมนั้นผัสสะย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงแล้ว ดูกรปุณณะ แม้เพราะอย่างนี้ เราจึงกล่าว สัตว์มีกรรมเป็นทายาท ข้อนี้ เรากล่าวว่า กรรมขาว มีวิบากขาว. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- (๓) ดูกรปุณณะ ก็กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน ดูกรปุณณะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ประมวล กายสังขาร อันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ประมวล วจีสังขาร อันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ประมวล มโนสังขาร อันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ครั้นแล้ว เขาย่อมเข้าถึงโลกอันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ผัสสะอันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลก อันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้างเขาอันผัสสะที่มีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาอันมีความทุกข์บ้าง ไม่มีความทุกข์บ้าง มีทั้งสุขและทุกข์ระคนกัน ดุจพวกมนุษย์ เทพบางเหล่า และสัตว์วินิบาตบางเหล่า ฉะนั้น ดูกรปุณณะ เพราะกรรมที่มีดังนี้แล ความอุปบัติของสัตว์จึงมี สัตว์ทำกรรมใดไว้ ย่อมเข้าถึงเพราะกรรมนั้น ผัสสะย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงแล้ว ดูกรปุณณะ แม้เพราะอย่างนี้ เราจึงกล่าวว่า สัตว์มีกรรมเป็นทายาท ข้อนี้เรากล่าวว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- (๔) ดูกรปุณณะ ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความ สิ้นกรรมนั้นเป็นไฉน ดูกรปุณณะ บรรดากรรม ๓ ประการนั้น เจตนา เพื่อละกรรมดำ มีวิบากดำ เจตนา เพื่อละกรรมขาว มีวิบากขาว เจตนา เพื่อละกรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวนั้นเสีย ข้อนี้เรากล่าวว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ดูกรปุณณะกรรม ๔ ประการนี้แล เราทำให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตาม.