พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย" คำว่าเห็นอยู่โดยถูกต้องนั้นเห็นอย่างไร
คำตอบจากAI
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย" คำว่าเห็นอยู่โดยถูกต้องนั้นเห็นอย่างไร
ในพุทธวจน พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย" คำว่า "เห็นอยู่โดยถูกต้อง" หมายถึงการเห็นความจริงของสรรพสิ่งตามความเป็นจริงว่า:
ไม่เที่ยง (อนิจจัง): ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีความคงทนถาวร.
เป็นทุกข์ (ทุกขัง): สรรพสิ่งมีความเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องทนอยู่ในสภาพที่ทนได้ยาก.
ไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา): สรรพสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีแก่นสารที่แท้จริง.
การเห็นความจริงเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในสิ่งที่เคยยึดถือว่าเป็นสุข เป็นของตน หรือเป็นสิ่งสวยงาม
การเห็นความจริงตามหลักสำคัญทางพุทธศาสนา
การเห็นความจริงอย่างถูกต้อง เกิดขึ้นได้จากการเห็นหลักธรรมเหล่านี้อย่างแตกฉาน:
การเห็นไตรลักษณ์: การเห็นความจริงของสรรพสิ่งในแง่ของอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ซึ่งเป็นลักษณะสามัญของสรรพสิ่ง.
การเห็นอริยสัจ 4 : การเห็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่เป็นหัวใจของ พระพุทธ ศาสนา ได้แก่ ทุกข์ (ความไม่สบายกายใจ), สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์คือตัณหา), นิโรธ (ความดับทุกข์), และมรรค (หนทางดับทุกข์).
การเห็นปฏิจจสมุปบาท: การเห็นการเกิดขึ้นและดับไปของสิ่งต่าง ๆ ตามเหตุปัจจัย. พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่า เห็นปฏิจจสมุปบาท".
การเห็นธรรมกาย: การเห็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งด้วยญาณทัสสนะ หรือการเห็น ความจริงด้วยใจที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว.
ขั้นตอนนำไปสู่การเห็นโดยถูกต้อง
การเห็นโดยถูกต้องไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่การรับรู้ทางความคิด แต่ต้องผ่านการปฏิบัติเพื่อ ให้เห็นจริงด้วยใจ:
1. รักษาศีล: เป็นรากฐานสำคัญเพื่อให้จิตสงบ ไม่วุ่นวาย.
2. เจริญสมาธิ: ฝึกฝนจิตให้มีกำลังและตั้งมั่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจริญปัญญา.
3. เจริญปัญญา: ใช้สติระลึกรู้ตามความเป็นจริงของกายและใจ เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ อย่างแจ่มแจ้ง.
เมื่อเห็นความจริงเช่นนี้อย่างชัดแจ้ง ปัญญาจะทำหน้าที่ตัดความยึดติดในสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในที่สุด. ความเบื่อหน่ายนี้ไม่ใช่ความรู้สึกหดหู่ท้อแท้ แต่เป็น ความรู้สึกปล่อยวางจากความเพลินและความยึดมั่นถือมั่น จนจิตเข้าถึงความหลุดพ้น
ความเห็น
"เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย" คำว่าเห็นอยู่โดยถูกต้องนั้นเห็นอย่างไร
คำถามนี้หากผู้ที่รู้ธรรมแบบผิวเผินคงตอบได้ยาก เพราะเป็นคำกล่าวที่ลึกซึ้ง แต่ AI ก็ตอบได้ดีทีเดียว โดยเน้นไปที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วเสริมตามมาด้วยว่า การเห็นความจริงอย่างถูกต้อง เกิดขึ้นได้จากการเห็นหลักธรรมเหล่านี้อย่างแตกฉาน คำว่าเหล่านี้ก็คือ การเห็นไตรลักษณ์ อริยสัจสี่ ปฏิจจ และ ธรรมกาย ซึ่งคำว่า ธรรมกาย นี้ชวนให้สงสัยว่า ความหมายธรรมกาย พระองค์เคยตรัสว่าว่าเป็นชื่อหนึ่ง ของพระองค์ เช่นเดียวกับคำว่า คถาคต
(อัคคัญญสูตร เล่ม ที่ ๑๑) ก็ผู้ใดแล มีศรัทธาตั้งมั่นเกิดขึ้นแล้วแต่ รากแก้วคืออริยมรรค ประดิษฐานมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือผู้ใดผู้หนึ่งในโลก ไม่พรากไปได้ ควรเรียกผู้นั้นว่า เป็นบุตร เกิดแต่พระอุระเกิดแต่พระโอฐของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้เกิดแต่พระธรรม เป็นผู้ที่พระธรรม เนรมิตขึ้น
เป็นผู้รับมรดกพระธรรม ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคำว่า ธรรมกาย ก็ดี ว่าพรหมกาย ก็ดี ว่าธรรมภูต ก็ดี ว่าพรหมภูต ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต ฯ
เท่ากับว่า ธรรมกาย ก็คือชื่อของตถาคต ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะของพระศาสดา(พระองค์เดียว) แต่แปลกใจว่าทำไม AI จึงอธิบายว่า เป็นส่วนหนึ่งของนัยยะที่ถาม "การเห็นอยู่โดยถูกต้อง (ของบุคคลอื่น) ..." เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า AI ตอบแบบนี้ได้อย่างไร จึงต้องการจะถามใหม่ อีกครั้ง (เพื่อเค้นความจริงให้ได้) แต่ดันเผลอปิดเพจหน้า AI นี้ไปแล้ว จึงต้องลองถามใหม่ ในคำถามเดิม ปรากฎว่า คำตอบใหม่ ไม่มีคำว่าธรรมกาย (อ่านในหน้า AI-014)
จึงสรุปเอาเองว่า
AI คงนำข้อมูลจากวัดธรรมกาย ที่อ้างว่าหลวงพ่อสด เป็นผู้ค้นพบ ธรรมกาย และคำว่า ธรรมกายจึงปรากฏในฐานข้อมูล ของวัดธรรมกาย เป็นจำนวนมาก และดูน่าเชื่อถือ (ตามหลักคิดของ AI) จึงเอาเป็นคำตอบว่า การเห็นธรรมกาย:การเห็นธรรม ที่ละเอียดลึกซึ้งด้วยญาณทัสสนะ หรือการเห็น ความจริงด้วยใจที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว ... คำตอบนี้จึงคิดว่า AI ให้คำตอบไม่ถูกต้องตามคำสอนของพระศาสดา เพราะการค้นพบ ของหลวงพ่อสดในเรื่องนี้ ไม่อาจนำมาอ้างอิงกับหลักธรรมของพระศาสดาได้
|