เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (เห็นนิวรณ์ ๕) 724
 
สติปัฏฐาน ๔      
กายานุปัสสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสสนา ธัมมานุปัสสนา
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (นิวรณ์ 5)

กามฉันทะ
เมื่อกามฉันทะ มีอยู่ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่ามีอยู่
เมื่อกามฉันทะ ไม่มีอยู่ภายในจิตย่อมรู้ชัดว่าไม่มีอยู่
กามฉันทะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะ ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

พยาบาท
เมื่อพยาบาท มีอยู่ ย่อมรู้ชัดว่าพยาบาทมีอยู่
เมื่อพยาบาท ไม่มีอยู่ ย่อมรู้ชัดว่าพยาบาทไม่มีอยู่
พยาบาท ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
พยาบาท ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
พยาบาท ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

ถีนมิทธะ

เมื่อถีนมิทธะ มีอยู่ ณ ภายในจิตย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่
เมื่อถีนมิทธะ ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าถีนมิทธะไม่มีอยู่
ถีนมิทธะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
ถีนมิทธะ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
ถีนมิทธะ ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

อุทธัจจกุกกุจจะ

เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะ มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าอุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่
เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะ ไม่มีอยู่ ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใดย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย

วิจิกิจฉา

เมื่อวิจิกิจฉา มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉามีอยู่
เมื่อวิจิกิจฉา ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉาไม่มีอยู่
วิจิกิจฉา ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
วิจิกิจฉา ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
วิจิกิจฉา ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อม
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่
 
 
 


นิวรณ์มี 5 อย่าง คือ
กามฉันทะ.. ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง ดุจคนหลับอยู่
พยาบาท.. ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนา ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่
ถีนมิทธะ... ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิม
อุทธัจจะกุกกุจจะ... ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใด ๆ
วิจิกิจฉา... ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ

............................................................................................................................................

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๘

ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน. นีวรณบรรพ.

[๑๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ อย่างไรเล่า?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕

ภิกษุพิจารณา เห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์๕ อย่างไรเล่า?

(1) ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เมื่อกามฉันทะ มีอยู่ ณภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่ากามฉันทะมีอยู่ ณภายในจิตของเรา หรือ
เมื่อกามฉันทะ ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตย่อมรู้ชัดว่ากามฉันทะไม่มีอยู่ ณภายในจิตของเรา
อนึ่ง
กามฉันทะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะ
ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันทะ
ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
...................................................................................................

(2) อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อพยาบาท มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าพยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือ
เมื่อพยาบาท ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าพยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง
พยาบาท ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด ประการนั้นด้วย
พยาบาท ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
พยาบาท ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
...................................................................................................

(3) อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อถีนมิทธะ มีอยู่ ณ ภายในจิตย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือ
เมื่อถีนมิทธะ ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณภายในจิตของเรา
อนึ่ง
ถีนมิทธะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
ถีนมิทธะ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
ถีนมิทธะ ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
...................................................................................................

(4) อีกอย่างหนึ่ง
เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะ มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าอุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ของเรา หรือ เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะ ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะ ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะ ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใดย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย
...................................................................................................

(5) อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อวิจิกิจฉา มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือ
เมื่อวิจิกิจฉา ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง
วิจิกิจฉา ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
วิจิกิจฉา ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
วิจิกิจฉา ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
...................................................................................................

ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อม
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง
พิจารณา เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่


อนึ่ง สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึก เท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้แล

ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕ อยู่

จบ นีวรณบรรพ



 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์