พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๙๒-๑๙๓
อุบาสกหัตถกผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ ๗ ประการ
(หัตถกสูตรที่ ๑)
[๑๑๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์ ใกล้เมืองอาฬวี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงทรงจำ หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๗ ประการ ๗ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี
๑.
เป็นผู้มีศรัทธา
๒.
มีศีล
๓.
มีหิริ
๔.
มีโอตตัปปะ
๕.
เป็นพหูสูต
๖.
มีจาคะ
๗.
มีปัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำหัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๗ ประการนี้แล พระผู้มีพระภาค ผู้สุคต ครั้นได้ตรัส พระดำรัสนี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปสู่พระวิหาร
ครั้งนั้น เวลาเช้า ภิกษุรูปหนึ่ง นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ของ หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี ครั้นแล้ว จึงนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ลำดับนั้น หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี เข้าไปหาภิกษุนั้น ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ภิกษุนั้นได้กล่าวกะหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์ท่าน ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการ ๗ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีศีล ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑เป็นพหูสูต ๑ มีจาคะ ๑ มีปัญญา ๑
ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่าน ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการนี้แล หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ คฤหัสถ์ไรๆ ผู้นุ่งผ้าขาวไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์นี้หรือ
ภิ. ดูกรอาวุโส ไม่มี
ห. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดีแล้ว ที่คฤหัสถ์ไรๆ ผู้นุ่งผ้าขาวไม่มีในตำแหน่งที่ พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์นี้
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นรับบิณฑบาตในนิเวศน์ของหัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวีแล้ว ลุกจากที่นั่งแล้ว หลีกไป ภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ในเวลาเช้า ข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปยังนิเวศน์ของหัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี นั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้ ลำดับนั้น หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เข้ามาหาข้าพระองค์ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วข้าพระองค์ได้กล่าว กะ หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวีว่า ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่าน ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา
๗ ประการ ๗ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีเป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีศีล ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ เป็นพหูสูต ๑ มีจาคะ ๑ มีปัญญา ๑ ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรง พยากรณ์ท่าน ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการนี้ เมื่อข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้แล้วหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี ได้ถามข้าพระองค์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ คฤหัสถ์ไรๆ ผู้นุ่งผ้าขาวไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์นั้น หรือ ข้าพระองค์ตอบว่า ดูกรอาวุโส ไม่มี เขาตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดีแล้วที่คฤหัสถ์ไรๆ ผู้นุ่งผ้าขาว ไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์นี้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ถูกแล้วๆ กุลบุตรนั้นมีความปรารถนาน้อย ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้กุศลธรรมที่มีอยู่ในตน ดูกรภิกษุ ถ้าอย่างนั้น เธอจงทรงจำหัตถก อุบาสกชาวเมืองอาฬวีไว้ ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมานี้ คือ ความเป็นผู้ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้กุศลธรรมที่มีอยู่ในตน
|