พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๐-๑๐๒
อุปัสสุติสูตร
(พระพุทธเจ้าสวดสาธยายปฏิจจสายเกิด สายดับ ในที่เร้น)
สายเกิด (เริ่มที่ผัสสะ)
[๑๖๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระตำหนัก ซึ่งมุงด้วย กระเบื้อง ของหมู่พระประยูรญาติ ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคประทับพักผ่อน อยู่ในที่ สงัด ได้ทรงภาษิตธรรมปริยายนี้ว่า
(ตา+รูป+วิญญาณ เกิดผัสสะ)
อาศัยจักษุ และรูป เกิดจักขุวิญญาณ รวมธรรม ๓ ประการ เป็นผัสสะ เพราะ ผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะตัณหา เป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ฯลฯ
(ใจ+ธรรมารมณ์+มโนวิญญาณ เกิดผัสสะ)
อาศัยใจ และธรรมารมณ์ เกิดมโนวิญญาณ รวมธรรม ๓ ประการ เป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะ ตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ เพราะภพเป็น ปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัส และอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สายดับ (เริ่มที่ผัสสะ-แล้วดับที่ตัณหา)
[๑๖๔] อาศัยจักษุและรูป เกิดจักขุวิญญาณ รวมธรรม ๓ ประการเป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะ ตัณหานั้นแลดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการ อย่างนี้ ฯลฯ
อาศัยใจและธรรมารมณ์ เกิดมโนวิญญาณรวมธรรม ๓ ประการเป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะ ตัณหานั้นแลดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลืออุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึง ดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งยืนแอบฟังพระผู้มีพระภาคอยู่ พระผู้มีพระภาค ทอดพระเนตรเห็นภิกษุนั้นแล้ว ตรัสถามเธอว่า ดูกรภิกษุ เธอได้ฟังธรรมปริยายนี้ แล้ว หรือ ภิกษุนั้นกราบทูลว่า ได้ฟังแล้ว พระเจ้าข้า
พ. ดูกรภิกษุ เธอจงเรียน จงทรงจำธรรมปริยายนี้ไว้เถิด เพราะว่าธรรม ปริยายนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำนวนแปลท่านพุทธทาส ในวรรคนี้
ดูก่อนภิกษุ เธอจงรับเอา ธรรมปริยายนี้ไป
ดูก่อนภิกษุ เธอจงเล่าเรียน ธรรมปริยายนี้
ดูก่อนภิกษุ เธอจงทรงไว้ ซึ่งธรรมปริยายนี้
ดูก่อนภิกษุ ธรรมปริยายนี้ ประกอบด้วยประโยชน์
เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ดังนี้ แล. |