พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๖๒-๓๖๓
อานันทสูตร
ละธรรม ๔ ประกอบธรรม ๔ เป็นพระโสดาบัน
[๑๔๘๕] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระอานนท์ อยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่เร้นแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เพราะละธรรม เท่าไร เพราะเหตุประกอบธรรมเท่าไร หมู่สัตว์นี้ พระผู้มีพระภาค จึงทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า?
[๑๔๘๖] ท่านพระอานนท์กล่าวตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะละธรรม ๔ ประการ เพราะเหตุประกอบธรรม ๔ ประการ หมู่สัตว์นี้ พระผู้มีพระภาค จึงทรง พยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ ในเบื้องหน้า
ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน?
ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วยความ ไม่เลื่อมใส ในพระพุทธเจ้า เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า เห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่พระโสดาบันนั้น
ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า เห็นปานใด เมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ความ เลื่อมใส อันไม่ หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าเห็น ปานนั้น ย่อมมีแก่พระโสดาบันนั้นว่าแม้ เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม.
[๑๔๘๗] ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วยความ ไม่เลื่อมใส ในพระธรรม เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสในพระธรรมเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่พระโสดาบันนั้น
ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ใน พระธรรม เห็นปานใด เมื่อ แตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระธรรม เห็นปานนั้น ย่อมมีแก่พระโสดาบันนั้นว่า พระธรรมอัน พระผู้มีพระภาค ตรัสดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชน พึงรู้เฉพาะตน.
[๑๔๘๘] ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วยความ ไม่เลื่อมใส ในพระสงฆ์ เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์เห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่พระโสดาบันนั้น
ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหว ในพระสงฆ์ เห็นปานใด เมื่อแตก กาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ความ เลื่อมใส อันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ เห็นปานนั้น ย่อมมีแก่พระโสดาบันนั้นว่า พระสงฆ์ สาวก ของ พระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่น ยิ่งกว่า.
[๑๔๘๙] ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วยความ ทุศีล เห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความทุศีล เห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่พระโสดาบันนั้น
ส่วนอริยสาวกผู้ประกอบด้วยศีล ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เห็นปานใด เมื่อแตก กาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ศีลที่พระอริยเจ้า ใคร่แล้ว เป็นศีลไม่ขาด ... เป็นไปเพื่อสมาธิเห็นปานนั้น ย่อมมีแก่พระโสดาบันนั้น.
[๑๔๙๐] ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะละธรรม ๔ ประการนี้ เพราะเหตุ ประกอบ ธรรม ๔ ประการนี้ หมู่สัตว์นี้พระผู้มีพระภาคจึงทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๓
|