เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

 
  รวมเรื่อง พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี (ภิกษุณีอรหันต์) เอตทัคคด้าน "ผู้รู้ราตรีนาน" 1388
  P1385 P1386 P1387 P1388 P1389 P1390 P1392 P1393
รวมพระสูตร
เกี่ยวกับภิกษุณี
 
 


(4) P1388 (โดยย่อ)

พุทธานุญาตให้อุปสมบทภิกษุณี
พระผู้มีพระภาค ให้พระอานนท์ บวชพระมหาปชาบดีโคตมี หลังรับครุธรรม ๘ ประการ แล้ว แล้วในกาลใด พระนางชื่อว่า อุปสมบทแล้ว ในกาลนั้น ทีเดียว

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน

 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๒๑๑


พุทธานุญาตให้อุปสมบทภิกษุณี

         [๕๑๙] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวาย   บังคม ได้ยืน ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า หม่อมฉัน  จะปฏิบัติในนางสากิยานี (สามเณรี) พวกนี้อย่างไร

         ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ พระนางมหาปชาบดีโคตมี เห็นแจ้ง สมาทานอาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ทีนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตมี ผู้อันพระผู้มีพระภาค ได้ทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมี    กถาแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณกลับไป

         ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น  ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลาย อุปสมบทภิกษุณี

         [๕๒๐] ครั้งนั้นภิกษุณีเหล่านั้น ได้กล่าวกะพระมหาปชาบดีโคตมีว่า พระ แม่เจ้ายังไม่ได้อุปสมบท แต่พวกดิฉันอุปสมบทแล้ว เพราะพระผู้มีพระภาคทรง บัญญัติไว้อย่างนี้ว่า ภิกษุทั้งหลายพึงให้อุปสมบทภิกษุณี ลำดับนั้น พระมหา ปชาบดีโคตมี เข้าไปหาท่านพระอานนท์ อภิวาทแล้วได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้ว กล่าวว่า ท่านพระอานนท์ ภิกษุณีเหล่านั้น พูดกะดิฉันอย่างนี้ว่า พระแม่เจ้า ยังไม่ได้อุปสมบท แต่พวกดิฉันอุปสมบทแล้ว เพราะพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติไว้ อย่าง นี้ว่า ภิกษุทั้งหลายพึงให้อุปสมบทภิกษุณี

        ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า พระพุทธ เจ้าข้า พระมหาปชาบดีโคตมี กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านพระอานนท์ ภิกษุณีพวกนี้พูด กะดิฉันอย่างนี้ว่า พระแม่เจ้า ยังไม่ได้อุปสมบท แต่พวกดิฉันอุปสมบทแล้ว เพราะ พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ ไว้อย่างนี้ว่า ภิกษุทั้งหลาย พึงให้ อุปสมบทภิกษุณี พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

        ดูกรอานนท์ พระมหาปชาบดีโคตมี รับครุธรรม ๘ ประการ  แล้วในกาลใด พระนางชื่อว่า อุปสมบทแล้วในกาลนั้น ทีเดียว

ทูลขอพร

         [๕๒๑] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปหาท่านพระอานนท์ อภิวาท ได้ยืน ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวว่า ท่านพระอานนท์ ดิฉันจะทูลขอ พรอย่างหนึ่งกะพระผู้มีพระภาคว่า ขอประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้า ขอพระ พระผู้มีพระภาค พึงทรงอนุญาตการกราบไหว้การลุกรับ การทำอัญชลีกรรม สามี  จิกรรม แก่ภิกษุและภิกษุณี ตามลำดับผู้แก่

         ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมนั่ง ณ  ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า พระมหาปชาบดีโคตมีกล่าว  อย่างนี้ว่า ท่านพระอานนท์ ดิฉันจะขอพรอย่างหนึ่ง กะพระผู้มี พระภาคว่า ขอ ประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค ทรงอนุญาตการกราบไหว้  การลุกรับ การทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่ภิกษุและภิกษุณีตามลำดับผู้แก่

         พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อที่ตถาคตจะอนุญาตการกราบไหว้  การลุกรับการทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่มาตุคามนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่   โอกาส เพราะพวกอัญญเดียรถีย์ ที่มีธรรมอันกล่าวไม่ดีแล้ว เหล่านี้ ยังไม่กระทำ  การกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรมแก่มาตุคาม ก็ไฉนเล่า ตถาคตจัก อนุญาต การกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรมแก่มาตุคาม

         ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทำการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม  สามีจิกรรม แก่มาตุคาม รูปใดทำ ต้องอาบัติทุกกฏ

ทูลถามถึงสิกขาบท

         [๕๒๒] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม ได้ยืนณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า สิกขาบทของภิกษุณี เหล่านั้นใด ที่ทั่วถึงภิกษุ พวกหม่อมฉันจะปฏิบัติในสิกขาบท เหล่านั้นอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า

         พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี สิกขาบทของภิกษุณี เหล่านั้นใด ที่ ทั่วถึงภิกษุพวกเธอจงศึกษา ในสิกขาบท เหล่านั้น ดุจภิกษุทั้งหลายศึกษาอยู่ ฉะนั้น

         ม. พระพุทธเจ้าข้า ก็สิกขาบทของภิกษุณี เหล่านั้นใด ที่ไม่ทั่วถึงภิกษุ  พวกหม่อมฉันจะปฏิบัติในสิกขาบท เหล่านั้น อย่างไร พระพุทธเจ้าข้า

         ภ. ดูกรโคตมี สิกขาบทของภิกษุณี เหล่านั้นใด ที่ไม่ทั่วถึงภิกษุ พวกเธอ จงศึกษาในสิกขาบทเหล่านั้น ตามที่เราบัญญัติไว้แล้ว ฯ

ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย

         [๕๒๓] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  ถวายบังคม ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า ขอประทานพระวโรกาส  พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค โปรดแสดงธรรมโดยย่อ ที่หม่อมฉันฟังธรรม  ของพระผู้มีพระภาคแล้ว เป็นผู้เดียวจะพึงหลีกออก ไม่ประมาท มีความเพียร  มีตนส่งไปอยู่

         พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้  เป็นไปเพื่อความ กำหนัด ไม่ใช่เพื่อคลายความกำหนัด เป็นไปเพื่อความประกอบ ไม่ใช่เพื่อความพราก เป็นไปเพื่อความ สะสม ไม่ใช่เพื่อความไม่สะสม เป็นไป เพื่อความมักมาก ไม่ใช่เพื่อความมักน้อย เป็นไปเพื่อความ ไม่สันโดษ ไม่ใช่เพื่อความสันโดษ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ใช่เพื่อความสงัด เป็นไป  เพื่อความเกียจคร้าน ไม่ใช่เพื่อปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ไม่ใช่เพื่อความเลี้ยงง่าย ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า  นั่นไม่ใช่ธรรมนั่น ไม่ใช่วินัย นั่นไม่ใช่ สัตถุศาสน์

         ดูกรโคตมี อนึ่ง เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความ  คลายกำหนัดไม่ใช่เพื่อ มีความกำหนัด เป็นไปเพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความ  ประกอบ เป็นไปเพื่อความไม่สะสม ไม่ใช่เพื่อ ความสะสม เป็นไปเพื่อความมักน้อย ไม่ใช่เพื่อความมักมาก เป็นไปเพื่อความสันโดษ ไม่ใช่เพื่อความ ไม่สันโดษ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่ใช่เพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ เป็นไปเพื่อ ปรารภความเพียร ไม่ใช่เพื่อความเกียจคร้าน เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ไม่ใช่ เพื่อความเลี้ยงยาก ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำ ธรรมเหล่านั้น ไว้โดยส่วนเดียวว่า  นั่นเป็นธรรม นั่นเป็นวินัย นั่นเป็นสัตถุศาสน์

พุทธานุญาตให้แสดงปาติโมกข์

         [๕๒๔] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่แสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุณี...ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลเรื่องนั้น พระผู้มีพระภาคๆ...ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้แสดง ปาติโมกข์ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายคิดว่า ใครหนอ ควรแสดง ปาติโมกข์แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลเรื่องนั้น  แด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุแสดง ปาติโมกข์แก่ภิกษุณีทั้งหลาย

         [๕๒๕] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายเข้าไปถึงสำนักภิกษุณี แล้วแสดงปาติโมกข์ แก่ภิกษุณี ทั้งหลาย ประชาชน เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณี   เหล่านี้เป็น เมียของภิกษุพวกนี้ ภิกษุณีเหล่านี้เป็นชู้ของภิกษุพวกนี้ บัดนี้ ภิกษุเหล่านี้ จักอภิรมย์ กับภิกษุณีเหล่านี้ ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินพวกนั้น เพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนา อยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคพระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุณี รูปใดแสดงต้อง อาบัติ ทุกกฏ เรา อนุญาตให้ ภิกษุณีแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุณีด้วยกัน ภิกษุณี ทั้งหลาย ไม่รู้ว่าจะพึงแสดงปาติโมกข์อย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลเรื่องนั้นแด่ พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุ บอกภิกษุณี ทั้งหลายว่า พวกเธอพึงแสดงปาติโมกข์อย่างนี้

พุทธานุญาตให้รับอาบัติ

         [๕๒๖] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายไม่กระทำคืนอาบัติ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล เรื่องนั้นแด่ พระผู้มีพระภาค ๆ ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีจะไม่ ทำคืนอาบัติ ไม่ได้รูปใดไม่ทำคืน ต้องอาบัติ ทุกกฏ ภิกษุณีทั้งหลายไม่รู้ว่า จะ พึงทำคืนอาบัติ แม้อย่างนี้ ... ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุบอกภิกษุณีทั้งหลายว่า พวกเธอพึงทำคืนอาบัติอย่างนี้

         ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายคิดว่า ใครหนอจะพึงรับอาบัติของภิกษุณีทั้งหลาย  ภิกษุเหล่านั้น กราบทูล เรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุรับอาบัติ ของภิกษุณีทั้งหลาย

รับแสดงอาบัติ

         [๕๒๗] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายพบภิกษุที่ถนนก็ดี ที่ตรอกก็ดี ที่ทาง  สามแพร่งก็ดี วางบาตร ไว้ที่พื้น ห่มผ้าเฉวียงบ่า นั่งกระหย่งประคองอัญชลี ทำ  คืนอาบัติ ชาวบ้านเพ่งโทษติเตียน โพนทะนา ว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็นเมียของ  ภิกษุพวกนี้ ภิกษุณีเหล่านี้เป็นชู้ของภิกษุพวกนี้ภิกษุณี เหล่านี้ล่วงเกิน ในราตรี บัดนี้มาขอขมา ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคพระผู้มีพระภาค ตรัสว่า

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงรับอาบัติของภิกษุณีทั้งหลาย รูปใดรับต้อง อาบัติทุกกฏ  เราอนุญาตให้ ภิกษุณีรับอาบัติของภิกษุณีด้วยกัน ภิกษุณีทั้งหลาย ไม่รู้ว่าจะพึงรับ อาบัติแม้อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุบอกภิกษุณีทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายพึงรับ อาบัติอย่างนี้

พุทธานุญาตให้ทำกรรม

         [๕๒๘] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่ทำกรรมแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคๆ .. ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ ทำกรรมแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายคิดว่า ใครหนอพึง  ทำกรรมแก่ ภิกษุณีทั้งหลาย แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทำกรรมแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ฯ

         [๕๒๙] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายที่ถูกทำกรรมแล้ว พบภิกษุที่ถนนก็ดี ที่ตรอก ก็ดีที่ ทางสามแพร่ง ก็ดี วางบาตรไว้ที่พื้น ห่มผ้าเฉวียงบ่า นั่งกระหย่ง ประคอง อัญชลี ให้ภิกษุอดโทษพลาง ตั้งใจว่า จะไม่ทำอย่างนั้นอีก ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็นเมียของภิกษุ พวกนี้ ภิกษุณีเหล่านี้ เป็นชู้ของภิกษุพวกนี้ ภิกษุณีเหล่านี้ล่วงเกินในราตรี บัดนี้มาขอขมา ภิกษุเหล่า  นั้นกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทำ กรรมแก่ภิกษุณี ทั้งหลาย รูปใดทำ ต้องอาบัติทุกกฎ

         เราอนุญาตให้ภิกษุณีทำกรรมแก่ภิกษุณีด้วยกัน ภิกษุณีทั้งหลายไม่รู้ว่า จะ พึงทำกรรมแม้ อย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัส ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ ภิกษุบอกภิกษุณีทั้งหลายว่า พวกเธอพึงทำกรรม อย่างนี้

         [๕๓๐] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายเกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะถึง วิวาทกัน ทิ่มแทงกัน และกันด้วยหอกคือปากในท่ามกลางสงฆ์อยู่ ไม่อาจระงับ อธิกรณ์นั้นได้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล เรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคๆ ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุระงับ อธิกรณ์ของภิกษุณีทั้งหลาย

         [๕๓๑] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายระงับอธิกรณ์ของภิกษุณีทั้งหลาย ก็เมื่อภิกษุ วินิจฉัยอธิกรณ์นั้น อยู่ปรากฏว่า ภิกษุณีทั้งหลายเข้ากรรมบ้าง ต้องอาบัติบ้าง ภิกษุณี ทั้งหลายกล่าวอย่างนี้ว่า ดีแล้ว ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงทำกรรม แก่ภิกษุณี ทั้งหลาย ขอพระคุณเจ้าจงรับอาบัติของภิกษุณีทั้งหลาย เพราะพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติไว้อย่างนี้ว่า ภิกษุพึงระงับอธิกรณ์ของภิกษุณีทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น  กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ...

ตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้  ภิกษุยกกรรมของพวก ภิกษุณีมอบให้แก่ พวกภิกษุณี เพื่อให้พวกภิกษุณี ทำกรรมแก่พวกภิกษุณี เพื่อให้ภิกษุยกอาบัติของ พวกภิกษุณี มอบให้แก่พวกภิกษุณี เพื่อให้ พวกภิกษุณีรับอาบัติของพวกภิกษุณี  

         [๕๓๒] สมัยนั้น ภิกษุณีอันเตวาสินีของภิกษุณีอุบลวรรณาติดตาม พระผู้มีพระภาคเรียนวินัยอยู่ ๗ ปี นางมีสติฟั่นเฟือน วินัยที่เรียนไว้ เรียนไว้ ก็เลอะเลือน นางได้ทราบข่าวว่าพระผู้มีพระภาค ประสงค์จะเสด็จกรุงสาวัตถี จึงคิดว่า เราติดตามพระผู้มีพระภาคเรียนวินัยอยู่ ๗ ปีเรานั้นมีสติฟั่นเฟือน วินัย ที่เรียนไว้ เรียนไว้เลอะเลือน ก็การที่มาตุคามจะติดตามพระศาสดาไปตลอดชีวิต ทำได้ยาก เราจะพึงปฏิบัติอย่างไรหนอ จึงแจ้งเรื่องนั้น แก่ภิกษุณีทั้งหลายๆ แจ้ง เรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุสอนวินัย แก่พวก ภิกษุณี







พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์