พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้าที่ ๓๙๖
เรื่องพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี
(ทรงอนุญาต ให้ภิกษุเข้าไปที่อาศัยของภิกษุณี ในกรณีเพื่อแสดงธรรมกับ ภิกษุณีที่อาพาธเท่านั้น)
[๔๓๐] ต่อจากสมัยนั้นมา พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี อาพาธ. พระเถระทั้งหลาย พากันเข้าไปเยี่ยม พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ถึงสำนัก แล้วได้ กล่าวคำนี้กะพระเถรีว่า ดูกรพระโคตมีท่านยังพอทนได้หรือ? ยังพอให้อัตภาพ เป็นไปได้หรือ?.
พระมหาปชาบดีโคตมีตอบว่า ดิฉันทนไม่ไหว ให้อัตภาพเป็นไปไม่ได้ เจ้าข้าขออาราธนาพระคุณเจ้า ทั้งหลายโปรดแสดงธรรมเถิด เจ้าข้า.
ดูกรน้องหญิง การเข้ามาสู่สำนักภิกษุณีแล้วแสดงธรรมแก่ภิกษุณี ยังไม่ สมควรก่อนพระเถระเหล่านั้น กล่าวดังนี้แล้ว ต่างก็รังเกียจอยู่ ไม่แสดงธรรม
ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตรจีวรเสด็จเข้าไป เยี่ยมพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ถึงสำนัก ประทับนั่งบนอาสนะ ที่เขาจัดถวาย แล้วได้ ตรัสคำนี้กะพระ-มหาปชาบดีโคตมีว่า ดูกรโคตมี เธอยังพอทน ได้หรือ? ยังพอให้อัตภาพเป็นไปได้หรือ?
พระมหาปชาบดีโคตมีกราบทูลว่า เมื่อก่อนพระเถระทั้งหลายพากันมา แสดงธรรม แก่หม่อมฉัน เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงมีความสำราญ แต่บัดนี้ ท่านกล่าว ว่า พระองค์ทรงห้ามแล้ว จึงรังเกียจ ไม่แสดง เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงไม่มีความ สำราญ พระพุทธเจ้าข้า.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงยัง พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญร่าเริง ด้วยธรรมีกถา แล้วทรงลุกจากอาสนะเสด็จกลับ ครั้นแล้ว พระองค์ ทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เข้าไปสู่สำนักภิกษุณี แล้วสั่งสอนภิกษุณีผู้อาพาธได้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอ พึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระอนุบัญญัติ
๗๒. ๓. ข. อนึ่ง ภิกษุใด เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้ว สั่งสอนพวกภิกษุณีเว้นไว้ แต่สมัย เป็นปาจิตตีย์. สมัยในเรื่องนั้นดังนี้ คือ ภิกษุณีอาพาธ นี้เป็นสมัยในเรื่องนั้น.
|