เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาคำที่ต้องการ            

  เสด็จสุทธาวาส ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จมาก่อน แม้แต่ในอดีตชาติ (มหาปทานสูตร) 141  
  (ย่อ)
เสด็จสุทธาวาส (มหาปทานสูตร)

พระองค์เสด็จไปพบเหล่าเทวดาชั้นสุทธาวาส ซึ่งพระองค์ไม่เคยเสด็จมาก่อนแม้สมัยอดีตชาติ เนื่องจากเทวดาในชั้นสุทธาวาส (ทุกชั้น) หลังทำกาละก็จะปรินิพพาน

เทวดานับร้อยนับพันแต่ละชั้นเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าที่ล่วงไปในอดีต คือ 1.วิปัสสี 2.สิขี 3.เวสสภู 4.กกุสันทะ 5.โกนาคมนะ 6.กัสสปะ 7.โคดม พวกตนประพฤติพรหมจรรย์ในสมัยพระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นๆ จนคลายความพอใจในกามได้แล้ว จึงได้มาจุติที่นี่

(หมายเหตุ คุณสมบัติของเทวดาสุทธาวาสทุกชั้น จะต้องละกามได้ หรือพรากแล้วจากกาม)
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
รวมพระสูตรบุคคลสำคัญ
พระโมคคัลลานะ
พระสารีบุตร
พระเทวทัต
นิครนถ์ปริพาชก
พระมหากัปปินะ
พระอนุรุทธะ
พระอุบาลี
(ดูทั้งหมด)

 



พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๑

เสด็จสุทธาวาส (มหาปทานสูตร)

           [๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ควงไม้พญาสาลพฤกษ์ ในป่าสุภวัน ใกล้อุกกัฏฐนคร ภิกษุทั้งหลายเมื่อเรานั้นไปเร้นอยู่ในที่ลับ เกิดความรำพึงในใจว่า ชั้นสุทธาวาสซึ่งเรามิได้เคยอยู่เลย โดยเวลาอันยืดยาวนานนี้ นอกจากเทวดา เหล่าสุทธาวาสแล้ว ไม่ใช่โอกาสที่ใครๆ จะได้โดยง่าย ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปหา เทวดาเหล่าสุทธาวาสจนถึงที่อยู่ ภิกษุทั้งหลายทันใดนั้น เราได้ หายไปที่ควงไม้พญา สาลพฤกษ์ ในป่าสุภวัน ใกล้อุกกัฏฐนคร ไปปรากฏ ในพวกเทพดาเหล่า อวิหา เปรียบเหมือนบุรุษที่มีกำลัง เหยียดออกซึ่งแขน ที่คู้เข้าไว้ หรือคู้เข้าซึ่งแขน ที่เหยียดออกไว้ ฉะนั้น

     (๑) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นแล เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหา ไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นับแต่นี้ไป ๙๑ กัป พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติในโลก ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติในขัตติยสกุล เป็นโกณฑัญญะ โดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณแปดหมื่นปี พระองค์ได้ตรัสรู้ที่ ควงไม้แคฝอย มีพระขันฑเถระ และพระติสสเถระ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ได้มีแล้วสามครั้ง ครั้งหนึ่งมีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนภิกษุ แสนหกหมื่นแปดพันรูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็น จำนวนแสนรูป

อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนแปดหมื่นรูป พระสาวกของพระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสีที่ได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่ออโสกะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มี พระภาคอรหันตสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระราชาพระนามว่าพันธุมา เป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่า พันธุมดีเป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์ พระนครชื่อว่าพันธุมดี เป็นราชธานีของพระเจ้าพันธุมา

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสีเป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่าวิปัสสี คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลายแล้วจึงได้บังเกิดในที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------

     (๒) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามาหาเราครั้นเข้ามาหา ไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้น เทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นับแต่นี้ไป ๓๑ กัป พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิขีเสด็จอุบัติ ในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติใน ขัตติยสกุล เป็นโกณฑัญญะโดยโคตร มีพระชนมายุประมาณเจ็ดหมื่นปี พระองค์ ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้กุ่มบก มีพระอภิภูเถระ และ พระสัมภวเถระ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญการประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี ได้มีแล้วสามครั้ง

ครั้งหนึ่งมีพระสาวก ประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุแสนรูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวก ประชุม กัน เป็นจำนวนภิกษุแปดหมื่นรูปอีกครั้งหนึ่งมีพระสาวก ประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ เจ็ดหมื่นรูป ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี ที่ได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ภิกษุผู้อุปัฏฐาก ชื่อเขมังกระ ได้เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี พระราชาพระนามว่าอรุณะ เป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่าปภาวดี เป็นพระชนนี บังเกิดเกล้าของพระองค์ พระนครชื่อว่าอรุณวดี เป็นราชธานีของพระเจ้าอรุณ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์* การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี เป็นอย่างนี้ๆ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี คลายกามฉันทะ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้
*การออกบวชของพระพุทธเจ้า

--------------------------------------------------------------------------------

     (๓) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้าหาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทวดา เหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในกัปที่ ๓๑ นั้นเอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู ได้เสด็จอุบัติ ในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติใน ขัตติยสกุลเป็นโกณฑัญญะ โดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณหกหมื่นปี พระองค์ ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้สาลพฤกษ์ มีพระโสนเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งพระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู ได้มีแล้วสามครั้ง ครั้งหนึ่งมีสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนแปดหมื่นรูป อีกครั้งหนึ่งมีสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุเจ็ดหมื่นรูป

อีกครั้งหนึ่งมีสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนภิกษุหกหมื่นรูป สาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู ที่ได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนแต่เป็น พระขีณาสพทั้งสิ้น ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่อว่าอุปสันตะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐากของ พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภูพระราชาพระนามว่า สุปปตีตะ เป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่าสวดี เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์ พระนครชื่อว่าอโนมะ เป็นราชธานีของพระเจ้าสุปปตีตะ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชาการตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเวสสภู เป็นอย่างนี้ๆ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่าเวสสภู คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้
--------------------------------------------------------------------------------

     (๔) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ได้เสด็จอุบัติในโลก พระองค์เป็นพราหมณ์ โดยพระชาติ เสด็จอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปะโดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณสี่หมื่นปี พระองค์ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้ซีก มีพระวิธูรเถระและพระสัญชีวเถระ เป็นคู่พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกัน แห่งสาวกของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ ได้มีแล้วครั้งเดียว เป็นจำนวนภิกษุสี่หมื่นรูป

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ สาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น ภิกษุผู้อุปัฏฐาก ชื่อว่า วุฑฒิชะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะ พราหมณ์ชื่ออัคคิทัตตะ เป็นพระชนก พราหมณีชื่อว่า วิสาขา เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ก็เวลานั้น พระเจ้าเขมะ เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระนครชื่อว่า เมมวดี เป็นราชธานี ของพระเจ้าเขมะ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากกุสันธะเป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากกุสันธะ คลายกามฉันท์ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------

     (๕) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทวดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ ได้เสด็จอุบัติในโลก พระองค์เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติในพราหมสกุล เป็นกัสสปะโดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณสามหมื่นปี พระองค์ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้ มะเดื่อ มีพระภิยโยสเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นคู่พระอัคร สาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะ ได้มีแล้วครั้งเดียว เป็นจำนวนภิกษุสามหมื่นรูป พระสาวกของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคมนะ ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่อโสตถิชะ เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์พราหมณ์ชื่อว่า ยัญญทัตตะ เป็นพระชนก พราหมณีชื่อว่า อุตตรา เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์ ก็ครั้งนั้น พระเจ้าโสภะเป็นพระเจ้า แผ่นดิน พระนครชื่อว่าโสภวดี เป็นราชธานีของพระเจ้าโสภะ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโกนาคมนะ เป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้นประพฤติพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโกน คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้ าคมนะ

--------------------------------------------------------------------------------

     (๖) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทวดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ได้เสด็จอุบัติในโลก พระองค์เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติ ในพราหมณสกุล เป็นกัสสปะ โดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณ สองหมื่นปี พระองค์ได้ตรัสรู้ที่ ควงไม้ไทร มีพระติสสเถระและพระภารทวาชเถระ เป็นคู่พระอัคร สาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ได้มีแล้วครั้งเดียว เป็นจำนวนภิกษุสองหมื่นรูป

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระสาวกของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น ภิกษุผู้ อุปัฏฐากชื่อว่า สัพพมิตะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะพราหมณ์ชื่อ พรหมทัตต์ เป็นพระชนก พราหมณีชื่อ ธนวดี เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ก็ครั้งนั้นพระเจ้ากิงกี เป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระนครพาราณสี เป็นราชธานีของพระเจ้ากิงกี ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้นประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------

     (๗) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทวดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าว กะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง บัดนี้ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ได้เสด็จอุบัติ ในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติใน ขัตติยสกุล เป็นโคตม โดยพระโคตร ประมาณพระชนมายุของ พระผู้มีพระภาค น้อยนิดเดียว เร็วพลัน ผู้ที่มีชีวิตอยู่นานก็เป็นอยู่ได้เพียงร้อยปี บางทีก็มีชีวิตอยู่ น้อยกว่าบ้าง มากกว่าบ้าง พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ ที่ควงไม้โพธิ์ มีพระสารีบุตรเถระ และพระโมคคัลลานเถระ เป็นคู่พระอัครสาวกซึ่งเป็นคู่อันเจริญ ของพระผู้มีพระภาค

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งพระสาวกของพระผู้มีพระภาค ได้มีแล้วครั้งเดียว เป็นจำนวนภิกษุหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ สาวกของพระผู้มีพระภาค ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนแต่ เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่ออานันทะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐากของ พระผู้มีพระภาค

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระราชาพระนามว่า สุทโธทนะ เป็นพระชนก พระเทว ีพระนาม ว่า มายา เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้า ของพระผู้มีพระภาค พระนครชื่อ กบิลพัสดุ์ เป็นราชธานี

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชาการตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาคเป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค คลายกามฉันท์ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

(จบการไปปรากฏ ในพวกเทวดาเหล่า อวิหา ชั้นต่ำสุดของสุทธาวาส)
--------------------------------------------------------------------------------

(จากนั้นพระองค์ได้ไปพบกับเทวดาชั้นถัดๆไป คือ อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และ อกนิฏฐา เทวดาแต่ละเหล่า ก็เล่าให้ฟังเหมือนกันเทวดาชั้น อวิหา)

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ราพร้อมด้วยเทพดาเหล่าอวิหา ได้เข้าไปหา เทพดาเหล่า อตัปปา

ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล เราพร้อมด้วยเทพดา เหล่าอวิหาและเหล่าอตัปปา ได้เข้าไปหาเทพดา เหล่า สุทัสสา ภิกษุทั้งหลาย

ครั้งนั้นแล เราพร้อมด้วยเทพดา เหล่าอวิหา เหล่าอตัปปา และเหล่าสุทัสสา ได้เข้าไปหาเทพดาเหล่าสุทัสสี ภิกษุทั้งหลาย

ครั้งนั้นแล เราพร้อมด้วย เทพดาเหล่าอวิหาเหล่าอตัปปา เหล่าสุทัสสา และเหล่า สุทัสสี ได้เข้าไปหาเทพดาเหล่า อกนิฏฐา แล้ว

--------------------------------------------------------------------------------

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นับถอยหลังแต่นี้ไปได้ ๙๑ กัป พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติในขัตติยสกุล เป็นโกณฑัญญะโดยพระโคตร มีพระชนมายุประมาณ แปดหมื่นปี พระองค์ได้ตรัสรู้ ที่ควงไม้แคฝอย มีพระขัณฑเถระ และพระติสสเถระเป็นคู่ พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ได้มีแล้วสามครั้ง ครั้งหนึ่งมีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวนภิกษุแสนหกหมื่นแปดพันรูปอีกครั้งหนึ่งมีพระสาวกประชุมกัน เป็นจำนวน ภิกษุ แสนรูป

อีกครั้งหนึ่งมีพระสาวก ประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แปดหมื่นรูป พระสาวกของพระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ที่ได้ประชุมกัน ทั้งหมดครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่อ อโสกะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐาก ของพระผู้มี พระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสีพระราชาพระนามว่า พันธุมา เป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่า พันธุมดี เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระองค์ พระนครชื่อพันธุมดี เป็นราชธานีของพระเจ้าพันธุมา

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชาการตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร ของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี เป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่าวิปัสสี คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------

(เทวดาแต่ละกลุ่มต่างเล่าว่า พวกตนคลายความกำหนัดในกาม จึงมาเกิดที่ สุทธาวาส)

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นับถอยหลังแต่นี้ไป ๓๑ กัป พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี ได้เสด็จอุบัติในโลก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติ พรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี คลายกามฉันท์ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ในกัปที่ ๓๑ นั่นเองแล พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่า เวสสภู ได้เสด็จ อุบัติในโลก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์นั้น ประพฤติ พรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า เวสสภู คลายกามฉันท์ ในกามทั้งหลาย แล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามาหา เรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธะ ได้เสด็จอุบัติในโลก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์ประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กกุสันธะ คลายกามฉันท์ในกามทั้งหลาย แล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามาหา เรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โกนาคมนะได้เสด็จอุบัติในโลก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์ ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า โกนาคมนะ คลายกามฉันท์ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ได้เสด็จอุบัติในโลก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์ ประพฤติพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ คลายความพอใจ ในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในหมู่เทพดานั้นเอง เทพดานับร้อยนับพันเป็นอันมาก ได้เข้ามา หาเรา ครั้นเข้ามาหาไหว้เราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพดาเหล่านั้น ยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ในภัททกัปนี้เอง พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จอุบัติในโลก พระองค์เป็นกษัตริย์โดยพระชาติ เสด็จอุบัติในขัตติยสกุล เป็นโคตมะโดยพระโคตร

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระชนมายุของพระผู้มีพระภาค น้อยนิดเดียวเร็วพลัน ผู้ที่มีชีวิตอยู่นานก็เป็นอยู่ได้เพียงร้อยปี บางทีก็น้อยกว่าบ้าง มากกว่าบ้างพระผู้มี พระภาค ตรัสรู้ที่ควงไม้โพธิ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระสารีบุตรเถระ และพระโมคคัลลานเถระเป็นคู่ พระอัครสาวก ซึ่งเป็นคู่อันเจริญของพระผู้มีพระภาค การประชุมกันแห่งพระสาวก ของพระผู้มีพระภาคได้มีแล้วครั้งเดียว เป็นจำนวนภิกษุหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระสาวกของพระผู้มีพระภาค ที่ได้ประชุมกันแล้วครั้งเดียวนี้ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพทั้งสิ้น ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ภิกษุผู้อุปัฏฐากชื่อว่า อานันทะ ได้เป็นอัครอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาค

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระราชาพระนามว่า สุทโธทนะ เป็นพระชนก พระเทวี พระนามว่า มายา เป็นพระชนนีบังเกิดเกล้าของพระผู้มีพระภาค พระนครชื่อกบิลพัสดุ์ เป็นราชธานี

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การบรรพชา การตั้งความเพียร การตรัสรู้ การประกาศพระธรรมจักร์ของพระผู้มีพระภาคเป็นอย่างนี้ๆ

ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกข้าพระองค์ ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค คลายความพอใจในกามทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

           [๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่ธรรมธาตุนี้ ตถาคตแทงตลอดแล้ว อย่างดีด้วยประการฉะนี้แล ฉะนั้น พระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้ว ปรินิพพานแล้ว ตัดธรรม เป็นเหตุทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว ตัดวัฏฏะได้แล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้ว ตถาคตย่อมระลึกถึงได้แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดย ประมาณ แห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่งพระสาวก แม้โดยการประชุมกันแห่งพระสาวก ว่า แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงมีพระชาติอย่างนี้ จึงมีพระนามอย่างนี้ จึงมีพระโคตรอย่างนี้ จึงมีศีลอย่างนี้ จึงมีธรรมอย่างนี้ จึงมีปัญญาอย่างนี้ จึงมีวิหารธรรม อย่างนี้ จึงมีวิมุติอย่างนี้

แม้พวกเทพดาก็ได้บอกเนื้อความนี้แก่ตถาคต ซึ่งเป็นเหตุให้ตถาคตระลึกถึงได้ ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ปรินิพพานแล้ว ตัดธรรมเป็นเหตุทำให้เนิ่นช้า ได้แล้ว ตัดวัฏฏะได้แล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้ว ล่วงสรรพทุกข์แล้วแม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม แม้โดยพระโคตร แม้โดยประมาณแห่งพระชนมายุ แม้โดยคู่แห่ง พระสาวก แม้โดยการประชุมกันแห่งพระสาวกว่าแม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเหล่านั้น จึงมีพระชาติอย่างนี้ จึงมีพระนามอย่างนี้จึงมีพระโคตรอย่างนี้ จึงมีศีลอย่างนี้ จึงมีปัญญา อย่างนี้ จึงมีวิหารธรรมอย่างนี้จึงมีวิมุติอย่างนี้

พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นยินดีชื่นชมภาษิต ของพระผู้มีพระภาคแล้วแล

 


 





พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์