พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗ หน้าที่ ๑๕๘
๕. พันธนสูตร
ว่าด้วยเครื่องจองจำคือขันธ์ ๕
[๓๐๔] พระนครสาวัตถี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้า ทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ได้รับคำแนะนำในสัปปุริสธรรม
ย่อมตามเห็นรูป โดยความเป็นตน
เห็นตนมีรูป
เห็นรูปในตน หรือ
เห็นตนในรูป
ย่อมตามเห็นเวทนา ... ตามเห็นสัญญา... ตามเห็นสังขาร ... ตามเห็นวิญญาณ โดยความเป็นตน เห็นตนมีวิญญาณ เห็นวิญญาณในตน หรือเห็นตนในวิญญาณ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว เป็นผู้ถูกเครื่องจำ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จำไว้แล้ว เป็นผู้ถูกเครื่องจำ ทั้งภายใน ทั้งภายนอกจำไว้แล้ว เป็นผู้มองไม่เห็นฝั่งนี้ เป็นผู้มองไม่เห็นฝั่งโน้น ย่อมแก่ทั้งๆ ที่ถูกจำ ย่อมตายทั้งๆ ที่ถูกจำ ย่อมไปจากโลกนี้สู่โลกหน้าทั้งๆ ที่ถูกจำ.
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[๓๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยเจ้า ทั้งหลายฯลฯ ได้รับแนะนำดีแล้วใน สัปปุริสธรรม ย่อมไม่พิจารณาเห็นรูปโดยความเป็นตน
ไม่เห็นตนมีรูป
ไม่เห็นรูปในตน หรือ
ไม่เห็นตนในรูป.
ย่อมไม่พิจารณาเห็นเวทนา ... สัญญา ... สังขาร ...วิญญาณโดยความเป็นตน ไม่เห็นตนมีวิญญาณ ไม่เห็นวิญญาณในตน หรือไม่เห็นตนในวิญญาณ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ไม่เป็นผู้ถูกเครื่องจำ คือ รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ จำไว้ ไม่เป็นผู้ถูกเครื่องจำ ทั้งภายใน ภายนอก จำไว้ เป็นผู้มองเห็นฝั่งนี้ เป็นผู้มองเห็นฝั่งโน้น
เรากล่าวว่า ภิกษุนั้น พ้นแล้วจากทุกข์.
พระสูตรที่เกี่ยวข้องกัน
Page 145
Page 123
|