เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 ยสกุลบุตรสำเร็จพระอรหัตต มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๗ องค์ ๑๑ องค์ ๖๑ องค์ 852
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

ทรงประกาศธรรม อริยสัจสี่ แก่ยสกุล มารดา ภรรยาเก่า สหาย คฤหัสถ์

แสดงธรรมแก่ ยสกุล  
คราวเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมแก่ บิดาของยสกุลบุตร จิตของยสกุลบุตร ผู้พิจารณาภูมิธรรมตามที่ตนได้เห็นแล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว ก็พ้นจากอาสวะ ทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น สมัยนั้น เศรษฐีผู้คหบดี ข้ามาขอบวช
จึงมีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๗ องค์.

มารดาและภรรยาเก่าของพระยสได้ธรรมจักษุ
นางทั้งสองมีจิตสงบ มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิตผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค. ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินว่า 
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความ เกิดขึ้น เป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา ได้เกิดแก่นางทั้งสอง ณ ที่นั่งนั้นแล ดุจผ้าที่สะอาดปราศจาก มลทิน ควรได้รับน้ำย้อม เป็นอย่างดี ฉะนั้น.

สหายคฤหัสถ์ ๔ คนของพระยสออกบรรพชา
สหายคฤหัสถ์ ๔ คนของท่านพระยส คือ วิมล ๑ สุพาหุ ๑ ปุณณชิ ๑ ควัมปติ ๑ เป็นบุตรของสกุลเศรษฐีสืบๆมา ในพระนคร พาราณสี
ได้ทราบข่าวว่า ยสกุลบุตรปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตแล้ว พระองค์จึงทรงประกาศ อริยสัจสี่ ... สมัยนั้น 
มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๑๑ องค์.

สหายคฤหัสถ์ ๕๐ คน ของพระยสออกบรรพชา
สหายคฤหัสถ์ของท่านพระยส เป็นชาวชนบทจำนวน ๕๐ คน เป็นบุตรของสกุลเก่าสืบๆ กันมา ได้ทราบข่าวว่า ยสกุลบุตร ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตแล้ว. ครั้นทราบดังนั้นแล้วได้ดำริว่า ธรรมวินัยและบรรพชาที่ยสกุลบุตรปลงผมและหนวด... จึงทรงประกาศ อริยสัจสี่  ...
สมัยนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖๑ องค์.

 
 
 


ฉบับหลวง (ไทย) เล่มที่ ๔ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑ หน้าที่ ๒๗


ยสกุลบุตรสำเร็จพระอรหัตต


                [๒๘] คราวเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมแก่บิดาของยสกุลบุตร จิตของยสกุลบุตร ผู้พิจารณาภูมิธรรมตามที่ตนได้เห็นแล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว ก็พ้นจากอาสวะ ทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

                ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า เมื่อเราแสดงธรรมแก่บิดา ของยสกุลบุตรอยู่ จิตของยสกุลบุตร ผู้พิจารณาเห็นภูมิธรรมตามที่ตนได้เห็นแล้ว  ได้รู้แจ้งแล้ว พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

                ยสกุลบุตรไม่ควรจะกลับเป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม เหมือนเป็นคฤหัสถ์ ครั้งก่อน  ถ้ากระไร เราพึงคลายอิทธาภิสังขารนั้นได้แล้ว.  พระองค์ก็ได้ทรงคลาย อิทธาภิสังขารนั้น. 

                เศรษฐีผู้คหบดีได้เห็นยสกุลบุตรนั่งอยู่ ครั้นแล้วได้พูดกะยสกุลบุตรว่า พ่อยส มารดาของเจ้าโศกเศร้าคร่ำครวญถึง เจ้าจงให้ชีวิตแก่มารดาของเจ้าเถิด. ครั้งนั้น ยสกุลบุตร ได้ชำเลืองดูพระผู้มีพระภาคๆ ได้ตรัสแก่เศรษฐีผู้คหบดีว่า  ดูกรคหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?

                ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมด้วยญาณทัสสนะ เพียงเสขภูมิเหมือนท่าน  เมื่อเธอพิจารณาภูมิธรรม ตามที่ตนได้เห็นแล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้วจากอาสวะ ทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น ดูกรคหบดียสกุลบุตรควรหรือ เพื่อจะกลับเป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม  เหมือนเป็นคฤหัสถ์ครั้งก่อน?.

                เศรษฐีผู้คหบดีกราบทูลว่า ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

                พระผู้มีพระภาคตรัสรับรองว่า ดูกรคหบดี  ยสกุลบุตรได้เห็นธรรม ด้วยญาณทัสสนะเพียงเสขภูมิเหมือนท่าน เมื่อเธอพิจารณาภูมิธรรมตามที่ตนได้เห็น แล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น ดูกรคหบดี ยสกุลบุตร ไม่ควรจะกลับเป็นคฤหัสถ์บริโภคกามเหมือนเป็นคฤหัสถ์ครั้งก่อน.

                เศรษฐีผู้คหบดีกราบทูลว่า การที่จิตของยสกุลบุตรพ้นจากอาสวะ ทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่นนั้น เป็นลาภของยสกุลบุตร ยสกุลบุตรได้ดีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคมียสกุลบุตร เป็นปัจฉาสมณะ  จงทรงรับภัตตาหาร ของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเสวยในวันนี้เถิด พระพุทธเจ้าข้า.

                พระผู้มีพระภาคทรงรับโดยดุษณีภาพ. 

                ครั้นเศรษฐีผู้คหบดี ทราบการรับนิมนต์ของพระผู้มีพระภาคแล้วได้ลุกจาก ที่นั่ง  ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วกลับไป.

                กาลเมื่อเศรษฐีผู้คหบดีกลับไปแล้วไม่นาน ยสกุลบุตรได้ทูลคำนี้ ต่อ พระผู้มีพระภาคว่าพระพุทธเจ้าข้า ขอข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบท ในสำนักพระผู้มีพระภาค.

                พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด แล้วได้ตรัสต่อไปว่า ธรรมอันเรากล่าว ดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด.

                พระวาจานั้นแล  ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุนั้น

                สมัยนั้น  มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๗ องค์.



มารดา และ ภรรยาเก่าของพระยสได้ธรรมจักษุ

                [๒๙] ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงอันตรวาสกแล้ว  ถือบาตรจีวร มีท่านพระยสเป็นปัจฉาสมณะ  เสด็จพระพุทธดำเนินไปสู่นิเวศน์ ของเศรษฐีผู้คหบดี ครั้นถึงแล้วประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย. 

                ลำดับนั้น  มารดาและภรรยาเก่าของท่านพระยส พากันเข้าเฝ้าพระผู้มี พระภาค  ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.  พระผู้มีพระภาคตรัสอนุปุพพิกถา แก่นางทั้งสอง คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมอง ของกามทั้งหลาย  และอานิสงส์ในความออกจากกาม.  

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นางทั้งสองมีจิตสงบ มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิตผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค. ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา ได้เกิดแก่นางทั้งสอง ณ ที่นั่งนั้นแล ดุจผ้าที่สะอาดปราศจาก มลทิน ควรได้รับน้ำย้อมเป็นอย่างดี ฉะนั้น.

มารดาและภรรยาเก่าของท่านพระยสได้เห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรม แจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว  ปราศจากถ้อยคำ แสดงความสงสัย  ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้าไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา  ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า 

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก  ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก
พระพุทธเจ้าข้า  พระองค์ทรงประกาศธรรม โดยอเนก ปริยาย เปรียบเหมือนบุคคล หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด  บอกทางแก่ คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ หม่อมฉันทั้งสองนี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำ หม่อมฉันทั้งสองว่า เป็นอุบาสิกาผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป.

                ก็มารดาและภรรยาเก่าของท่านพระยส ได้เป็นอุบาสิกา กล่าวอ้าง พระรัตนตรัยเป็นชุดแรกในโลก. ครั้งนั้น มารดาบิดาและภรรยาเก่าของท่านพระยส ได้อังคาสพระผู้มีพระภาคและท่านพระยส ด้วยขาทนียโภชนียาหาร อันประณีตด้วยมือ ของตนๆ จนให้ห้ามภัต ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง.  ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้มารดาบิดา  และภรรยาเก่าของท่าน พระยส  เห็นแจ้ง  สมาทาน  อาจหาญ  ร่าเริง  ด้วยธรรมีกถาแล้วเสด็จลุกจากอาสนะ กลับไป.



สหายคฤหัสถ์ ๔ คนของพระยสออกบรรพชา

                [๓๐] สหายคฤหัสถ์ ๔ คนของท่านพระยส คือ  วิมล ๑  สุพาหุ ๑  ปุณณชิ ๑ ควัมปติ ๑ เป็นบุตรของสกุลเศรษฐีสืบๆมา ในพระนครพาราณสี  ได้ทราบข่าวว่า ยสกุลบุตรปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตแล้ว. ครั้นทราบดังนั้นแล้วได้ดำริว่า  ธรรมวินัยและบรรพชา ที่ ยสกุลบุตร  ปลงผมและหนวดนุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตแล้วนั้น คงไม่ต่ำทรามแน่นอน ดังนี้ จึงพากันเข้าไปหาท่านพระยส อภิวาทแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง จึงท่านพระยสพาสหายคฤหัสถ์ทั้ง ๔ นั้น เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้าสหายคฤหัสถ์ ของข้าพระองค์ ๔ คนนี้ ชื่อ วิมล ๑  สุพาหุ ๑  ปุณณชิ ๑  ควัมปติ ๑ เป็นบุตรของสกุล เศรษฐีสืบๆ  มาในพระนครพาราณสี  ขอพระผู้มีพระภาคโปรดประทานโอวาท สั่งสอน สหายของข้าพระองค์เหล่านี้.

                พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่พวกเขา คือ ทรงประกาศ ทานกถาสีลกถาสัคคกถา  โทษความต่ำทราม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย   และอานิสงส์ในความออกจากกาม. เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พวกเขามีจิตสงบ  มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์  มีจิตเบิกบาน  มีจิตผ่องใสแล้ว  จึงทรงประกาศ พระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค.  ดวงตาเห็นธรรมปราศจากธุลี ปราศจากมลทินว่า สิ่งใด สิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา ได้เกิดแก่ พวกเขา ณ ที่นั่งนั้นแล ดุจผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรได้รับน้ำย้อมเป็น อย่างดี ฉะนั้น. 

                พวกเขาได้เห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว  มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำ แสดงความสงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้ ต่อพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพวกข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้ อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค.

                พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วได้ตรัส ต่อไปว่า ธรรม อันเรากล่าวดีแล้ว  พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์ โดยชอบเถิด.

                พระวาจานั้นแล ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.

                ต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาท สั่งสอนภิกษุเหล่านั้น ด้วยธรรมีกถา. เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนภิกษุเหล่านั้น ด้วย ธรรมีกถา  จิตของภิกษุเหล่านั้น พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

                สมัยนั้น  มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๑๑ องค์.


                                               
สหายคฤหัสถ์ ๕๐ คน ของพระยสออกบรรพชา

                [๓๑] สหายคฤหัสถ์ของท่านพระยส  เป็นชาวชนบทจำนวน ๕๐ คน  เป็นบุตรของสกุลเก่าสืบๆ กันมา ได้ทราบข่าวว่า ยสกุลบุตร ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ  ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตแล้ว. ครั้นทราบดังนั้นแล้วได้ดำริว่า  ธรรมวินัยและบรรพชาที่ยสกุลบุตรปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตแล้วนั้น คงไม่ต่ำทรามแน่นอน ดังนี้ จึงพากันเข้าไปหาท่านพระยส อภิวาทแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งจึงท่านพระยสพาสหายคฤหัสถ์จำนวน ๕๐ คนนั้นเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า สหายคฤหัสถ์ของข้าพระองค์เหล่านี้เป็นชาวชนบท เป็นบุตรของสกุล เก่า สืบๆกันมา ขอพระผู้มีพระภาคโปรดประทานโอวาทสั่งสอนสหาย ของข้าพระองค์ เหล่านี้.

                พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่พวกเขา คือ ทรงประกาศ ทานกถาสีลกถาสัคคกถา โทษความต่ำทราม ความเศร้าหมองของ กามทั้งหลาย และอานิสงส์ในความออกจากกาม.  เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พวกเขามีจิต สงบ มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน  มีจิตผ่องใสแล้ว  จึงทรงประกาศ พระธรรมเทศนา ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดง ด้วยพระองค์ เอง คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค. ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลีปราศ จากมลทินว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา ได้เกิดแก่ พวกเขา ณ ที่นั่งนั้นแล ดุจผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรได้รับน้ำย้อมเป็นอย่างดี ฉะนั้น.

                พวกเขาได้เห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว  มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย  ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้าไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้ต่อ พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้าขอพวกข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบท ในสำนักพระผู้มีพระภาค. 

                พระผู้มีพระภาคตรัสว่าพวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วได้ตรัส ต่อไปว่า  ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์ โดยชอบเถิด.

                พระวาจานั้นแล ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.

                ต่อมาพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนภิกษุเหล่านั้น ด้วยธรรมีกถา. เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาท สั่งสอนภิกษุเหล่านั้น ด้วยธรรมีกถา จิตของภิกษุเหล่านั้นพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

                สมัยนั้น  มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖๑ องค์.

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์